21 ก.ย. 2022 เวลา 04:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คืนสำคัญของระบบการเงินโลก !!!!
ขณะนี้ ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่เฟด
โดยกลางดึกค่ำคืนนี้ ตลาดจะปั่นป่วนผันผวนแค่ไหน
ขึ้นกับ 4 ประเด็นหลัก
ที่นักลงทุนกำลังลุ้นระทึกว่า
ในอีกไม่กี่ชั่วโมง
เฟดจะตัดสินใจอย่างไร
ท่านประธานเฟดจะพูดอะไร
2
จะสายเหยี่ยวแค่ไหน นำมาซึ่งความผันผวนในตลาดหุ้น ตลาดการเงิน ตลาดคริปโต อีกมากน้อยแค่ไหน
2
ตลาด price in ทิศทางดอกเบี้ยเฟดพอแล้วหรือไม่
ยังต้องเพิ่มอีกเท่าไหร่
เพราะในช่วงสั้นๆ จากกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
Bitcoin ได้ลดลง 20% จาก 25,000 ดอลลาร์/เหรียญ ไปต่ำกว่า 19,000
Ethereum ลดลง 30% จาก 2,000 ดอลลาร์/เหรียญ ลงมาใกล้ๆ 1,300
หุ้นในตลาดต่างๆ ก็ลดลงมารอ
Dow Jones ลดลง 10% จาก 34,000 จุด มาต่ำกว่า 31,000 จุด
Nasdaq ลดลง 13% จาก 13,100 จุด มาที่ 11,500 จุด
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มจาก 105 มา 110
สำหรับตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นับจากต้นเดือนสิงหาคม
ดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 2 ปี เพิ่ม +1.07% จาก 2.87% มาที่ 3.94%
ดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 5 ปี เพิ่ม +1.09% จาก 2.63% มาที่ 3.72%
ซึ่งทั้งหมดต้องบอกว่าเป็นการปรับตัวที่ “ไม่ธรรมดา” เพราะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงประมาณ 1 เดือน
สำหรับ 4 ประเด็นหลัก ที่เราต้องจับตามองเป็นพิเศษ ในคืนนี้ คือ
• ประเด็นแรก - ผลประชุมเฟด
เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเท่าไร
ระหว่าง +0.75% ตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่ามีโอกาสที่ 82% ที่จะออกที่ทางเลือกนี้
หรือจะ Surprise ตลาดด้วย +1.00%
ที่สำคัญเช่นกันในประเด็นนี้ ก็คือ เสียงเอกฉันท์ไหม เสียงที่แตก แตกไปในทิศทางไหน
เพราะทิศทางของเสียงที่แตก จะบอกอนาคตได้บางส่วน 🙂
• ประเด็นที่สอง – Dot Plot หน้าตาเป็นอย่างไร
ข้อมูลนี้จะมีนัยยะกับระดับดอกเบี้ย ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าที่ตลาดคาด
จากที่กรรมการเฟด เคยส่งสัญญาณว่าจะสูงสุด 3.8% ยังจะต้องเพิ่มไปอีกเท่าไหร่
แล้วที่ตลาดคาดการณ์ล่าสุด เพิ่มไปเป็น 4.47% ใน 6 เดือนข้างหน้านั้น ถือว่าพอแล้วหรือยัง
นอกจากนี้ Dot Plot จะมีนัยยะกับขนาดของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป ว่าจะเป็นเท่าไหร่
เพราะยังเหลืออีกเพียง 2 ประชุม ซึ่งนักลงทุนสามารถถอดรหัสเฟด โดยเอา 2 หารระดับดอกเบี้ยปลายปี 2565 ในภาพดังกล่าว
แล้วประเมินคร่าวๆ ว่า การประชุมที่เหลือแต่ละครั้ง เฟดจะต้องขึ้นอีกเท่าไหร่
เพราะถ้ายังจะขึ้นอีก +1.0% ใน 2 การประชุมที่เหลือ
ตลาดก็จะดีใจในประเด็นนี้
ที่ความแรงของการจ่ายยาของเฟดได้ลดลงแล้ว
แต่ถ้าเกินนั้น ก็หมายความว่าจะต้องมี +0.75% อีกครั้ง
นอกจากนี้ ท่านประธานเฟดจะเปลี่ยนใจหรือไม่ จากที่บอกครั้งที่แล้วว่า จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พูดเรื่องดอกเบี้ยในครั้งถัดไป
อยากรู้ว่า ท่านจะกลับมาให้ทิศทางต่อหรือไม่ ว่ากรรมการเฟดคิดว่า ดอกเบี้ยจะเพิ่มอีกเท่าไรในการประชุมครั้งถัดไป
เพราะหลังจากการประชุมคืนนี้ ระดับดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะเข้าสู่ช่วงใหม่
โดยได้ผ่านช่วง Neutral Zone ไปยังช่วง Restrictive Zone ที่จะ “ฉุดรั้ง” “ชะลอ” เศรษฐกิจ
การเพิ่มยาก็จะต้องระมัดระวังมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเลย 3% ไปมากเท่าไหร่ กรรมการก็จะเริ่มคิดที่ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ให้เหลือ +0.5% และ +0.25% ต่อไป
• ประเด็นที่สาม - ประมาณการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะเงินเฟ้อ GDP และการว่างงาน
เพราะญาติผู้ป่วยอย่างเรา รับฟังการประเมินคนไข้จากคุณหมอเฟด
ว่าจากข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมา
(1) เฟดคิดว่า เงินเฟ้อ จะดื้อแพ่งแค่ไหน
เพราะถ้าไม่ยอมลงมา
เฟดคงต้องคงดอกเบี้ยไว้นานพอสมควร
แล้วปัจจัยต่างๆ พอจะดีขึ้นบ้าง เช่น ราคาน้ำมันโลก ราคาโลหะต่างๆ เฟดคิดว่าพอจะช่วยให้เงินเฟ้อลงเร็ว กว่าที่เคยคาดหรือไม่
นอกจากนี้ เฟดบอกว่า รอดูข้อมูลเงินเฟ้อ
ตกลงว่าเงินเฟ้อสหรัฐ 2 เดือนล่าสุด ที่ลดจาก 9.1% มา 8.5% 8.3%
เฟดพอใจแล้วหรือไม่
ยังต้องดูอีกนานแค่ไหน เฟดมองหาอะไร
แล้วเงินเฟ้อเริ่มปรับตัว “ถูกทาง” แล้ว หรือยัง “ผิดทาง” อยู่
(2) GDP จะแผ่วลงแค่ไหน และคนจะต้องตกงานเพิ่มมากน้อยแค่ไหน
เพราะท่านประธานเฟดบอกแล้วว่า ต้องทำใจ
เศรษฐกิจจะแผ่ว คนจะตกงาน บริษัทจะล้ม
แต่ก็สุดคุ้ม ถ้าสามารถเอาเงินเฟ้อกลับลงมาได้
เรื่องนี้ คงไม่ต้องลุ้นว่า เฟดจะใจอ่อน
แต่ที่ทุกคนอยากรู้เพิ่ม ก็คือ เฟดมองว่าเศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน แย่นานแค่ไหน
เพราะล่าสุด GDPNow ได้ปรับลดอัตราการเจริญเติบโต Q3 ของสหรัฐเหลือเพียง 0.3% !!!
นอกจากนี้ ที่ท่านประธานเฟดบอกว่า Soft landing ยังจะพยายามอยู่หรือไม่
หรือจะมุ่งไปที่ Hard Landing เพื่อจัดการเงินเฟ้อให้สำเร็จ
ส่วนคนตกงาน อัตราการว่างงานสหรัฐจะขึ้นไปเท่าไหร่ นานเท่าไหร่
ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ ก็จะทำให้ตลาดประเมินจุดวกกลับของดอกเบี้ยเฟด ได้เลาๆ
• ประเด็นที่ 4 – ภาษาที่เฟดเลือกใช้นั้น เป็นอย่างไร
โดยเฉพาะในแถลงข่าว ในคำกล่าวก่อนถามตอบ
และในระหว่างการถามตอบ ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่สุด
เพราะท่านประธานเฟดชอบหลุดปาก พูดในสิ่งที่อยู่ในใจท่าน อยู่เสมอมา เมื่อถูกกดดันจากนักข่าว ที่แท๊กทีมกัน
โดยจากภาษาที่ออกมา ตลาดจะพยายามประเมินว่า
ท่านประธานเฟดเอนเอียงไปด้านไหน
ยังจะตัดรอนไม่เหลือเยื่อใยอีกหรือไม่
จะพยายามฟังว่า ท่านจะยกอะไรมาเป็นบทเรียน เป็นต้นแบบ ในการสู้ศึกเงินเฟ้อครั้งนี้
ซึ่งหากท่านประธานเฟดใช้โอกาสนี้ มาย้ำสิ่งที่ท่านเคยพูดไปเมื่อปลายสิงหาคมที่ Jackson Hole
ว่าท่านมีความตั้งใจอย่างนั้นจริง ไม่เปลี่ยนใจ
ยกชื่อท่าน Paul Volcker มาอ้างถึงอีก
ว่าเป็นต้นแบบของท่านในการสู้ศึกเงินเฟ้อ
ทุกคนก็ต้องทำใจ
เพราะเฟดคงจะไม่เมตตา
ทุกคนต้องรับกับผลกระทบที่จะเกิดเอง
ทั้งนักลงทุน ทั้งนักธุรกิจ ทั้งแรงงาน แม้กระทั่งรัฐบาลใน Emerging Markets
ก็ต้องทำใจว่า เฟดจะเอาอย่างนี้
เตรียมรับมือกับผลพวงที่จะตามมา
แล้วมาวัดกันว่า ใครจะรอด ใครจะร่วง จากผลของสงครามกับเงินเฟ้อ
 
ทั้งหมดนี้ คือ หลากหลายคำถาม ที่ทุกคนลุ้นว่า
จะออกหัวออกก้อยอย่างไร
ตลาดจะกระทบแค่ไหน
โดยทั้งหมดที่ประกาศ จะเป็นกรอบที่มากำหนดทิศทางเฟสสอง ในสงครามของเฟดกับเงินเฟ้อ
ว่าจะหมุนไปอย่างไร
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ
#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #Fed
ผู้เขียน : กอบศักดิ์ ภูตระกูล
โฆษณา