Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขียนไว้ให้เธอ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
22 ก.ย. 2022 เวลา 00:44 • ความคิดเห็น
โค ไก่ และ แมงป่อง
ในฐานะลูกจ้างในวัยกลางคนที่เป็นระดับบริหาร คนที่เราต้องเจอ ดีล และทำงานด้วยนั้นหลักๆก็จะมี ลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน
เจ้านายซึ่งในหลายๆครั้งก็เป็นเถ้าแก่ และตัวเอง ผมมีนิทานที่เวลาคิดถึงในแต่ละส่วนก็มักจะนึกถึงสามเรื่องนี้ มีเรื่องที่เคยยกมาเล่าในบริบทอื่นไปแล้วอยู่เรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องก็คงได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอเอามารวมกันในบริบทคนทำงานพออ่านต่อกันก็รู้สึกว่าประโยชน์ดีเหมือนกัน
เรื่องแรกเป็นเรื่องของโคที่ทุกคนรู้จักกันดี เอาเข้าจริงๆผมเองก็เข้าข่ายโคตัวนี้อยู่ไม่น้อย เวลาทำอะไรแล้วมีคนพูดดีๆด้วย ชมนิดๆหน่อยก็จะมีกำลังใจอย่างมาก แต่พอโดนตำหนิหรือไม่เห็นค่า พลังก็ดูจะหดหายไปจนแทบไม่อยากทำอะไร
ถ้าใครจะใช้อะไรให้ผมทำถวายหัว ทริกนี่ง่ายมากเลยครับถ้าอ่านนิทานเรื่องนี้ และผมก็คิดว่าลูกน้องเรา หรือเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งๆหลายคนถ้าสังเกตดีๆก็เป็นโคแบบนี้กันอยู่ไม่น้อย เรื่องโคนี้ผมยกสำนวนที่อ่านจากไทยรัฐมานะครับ
“ ชาวนาร่ำรวยผู้หนึ่ง...เป็นเจ้าของโคตัวกำยำล่ำสัน มีพละกำลังมหาศาล ชื่อโคนันทวิศาล จึงเอาวัวไปลากเกวียน 500 เล่ม...ท้าพนันเอาเดิมพัน
เกวียนพร้อม โคก็พร้อม “ไอ้วัวขี้เกียจ มึงจงลากเกวียนเหล่านี้ไป”
น้ำเสียงชาวนากราดเกรี้ยว โคนันทวิศาลฟังแล้วก็เสียใจ จึงไม่ยอมขยับขาลากเกวียน ชาวนายิ่งด่า แส้ในมือก็ยิ่งหวดใส่หลัง โคนันทวิศาล ก็ยิ่งนิ่ง
เป็นอันว่าชาวนาแพ้พนัน เสียทรัพย์สินเดิมพันไปมากมาย
กลับถึงบ้านชาวนาก็ได้แต่เสียใจร้องไห้ฟูมฟาย โคนันทวิศาลนั้นเป็นโคกตัญญู คิดขึ้นมาได้ มีชีวิตตั้งแต่เล็กมาจนโต เพราะชาวนาเลี้ยงดู จึงเดินเข้าไปบอกชาวนา ขอให้ไปท้าลากเกวียนพนันใหม่
คราวนี้ให้เพิ่มจำนวนเกวียนเป็น 1 พันเล่ม เพิ่มเดิมพันมากกว่าเก่า
ชาวนา ก็ไปท้าพนันรอบใหม่ คู่พนันรับพนัน...การลากเกวียน 1 พันเล่ม กำลังจะเริ่ม
“พ่อวัวมหาจำเริญ” คราวนี้ชาวนาน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อจงลากเกวียนเหล่านี้ไป”
โคนันทวิศาลก็ขยับเท้า ค่อยๆลากเกวียนพันเล่ม ไปจนถึงจุดหมาย...ชาวนาชนะ นอกจากได้เงินที่แพ้พนันรอบแรกไป ยังได้กำไรมาอีกหนึ่งเท่า
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า วาจานั้น เหมือนอาวุธร้าย หากใช้ไม่เป็น ก็อาจกลายเป็นอาวุธทำลายตัวเอง แต่หากใช้ให้เป็น ถูกต้องตามจังหวะเวลา ก็จะเป็นอำนาจยิ่งใหญ่”
เรื่องที่สองเป็นเรื่องของเจ้านายหรือเถ้าแก่ที่หลายๆครั้งเราพยายามจะใช้ตรรกะของพนักงานประจำไปจับก็จะเข้าใจเถ้าแก่ได้ยาก บ่อยครั้งก็ทำให้หงุดหงิดพาลจะไม่เข้าใจกันเอาง่ายๆ เรื่องนี้ได้ฟังมาจากคุณอนันต์ อัศวโภคินที่หลักสูตรเอบีซี มีนักเรียนถามคุณอนันต์ว่าทำไมเถ้าแก่มหาเศรษฐีหลายคนที่ร่ำรวยมากๆถึงไม่หยุดทำงาน ยังต้องขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง คุณอนันต์ไม่ตอบตรงๆ แต่เล่านิทานเรื่องแมงป่องนี้ให้ฟัง
1
“ มีเต่าตัวหนึ่งกำลังจะข้ามแม่น้ำเชี่ยว ก่อนที่จะข้ามมีแมงป่องมาขอเกาะหลังข้ามไปด้วย เต่านั้นลังเลอย่างมากกลัวแมงป่องจะต่อยเอา แมงป่องก็บอกว่าจะต่อยได้อย่างไร ถ้าต่อยก็จมน้ำตายด้วยกันสิ
เต่าได้ฟังดังนั้นก็ยอมให้แมงป่องเกาะหลังข้ามไป พอถึงกลางแม่น้ำ แมงป่องก็ตวัดหางต่อยเต่าอย่างที่เต่าไม่คาดคิด
ก่อนที่จะจมน้ำ เต่าหันหน้าไปถามแมงป่องว่าต่อยทำไม
แมงป่องตอบว่า “ มันเป็นสัญชาติญาณ”
ก่อนที่ทั้งคู่จะจมน้ำลงไปด้วยกัน”
เรื่องสุดท้ายเคยเอามาเล่าไว้ครั้งหนึ่งแล้ว และเคยเกิดขึ้นกับผมเองเหมือนกันตอนที่คิดว่าตัวเองสำคัญอย่างหาใครแทนไม่ได้จนลาออกจากบริษัทไปถึงได้เข้าใจนิทานเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เอามาเล่าเป็นเรื่องที่สามโดยนำมาจากเพจของคุณ anontawong ที่อ้างถึงเว็บกัลยาณธรรมอีกทีนะครับ
“ พ่อไก่ตัวหนึ่งภูมิใจในความเป็นหัวหน้าครอบครัวของตัวเองมาก มันคอยกางปีกปกป้องภรรยาและลูกๆ ทุกตัว และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเสมอมา
2
ทุกๆ เช้า เวลาตีห้า พ่อไก่ก็จะบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้และโก่งคอขันเสียงก้องไปทั้งพงไพร
จนถึงประมาณหกโมงเช้า พระอาทิตย์ก็ขึ้นมาฉายแสงส่องสว่างไปทั่ว
พ่อไก่มีความสุขมากที่ได้เห็นตะวันค่อยๆ ทอแสงขึ้นมา เขาจะยืนชื่นชมแสงตะวันและบอกตัวเองว่า
“เพราะฉันขัน ตะวันจึงขึ้น นี่คือผลงานที่ยิ่งใหญ่ของฉัน”
ดังนั้นทุกๆ เช้าพ่อไก่ตัวนี้ก็จะบินขึ้นมาเกาะกิ่งไม้ และเมื่อขันเสร็จ ก็จะรอดูตะวันขึ้นที่เหนือยอดเขา พอตะวันขึ้นแล้วก็บินกลับลงมาหากินกับลูกเมียตามปกติ อยู่มาวันหนึ่ง เนื่องจากตรากตรำภาระหนักเหลือเกิน ร่างกายเริ่มทนไม่ไหว พ่อไก่ก็เริ่มป่วย เช้าตรู่วันนั้นพ่อไก่บินขึ้้นไปเกาะกิ่งไม้เดิม
ขณะจะขันเพื่อเรียกตะวันขึ้น กลับร่วงหล่นลงมา รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง ลูกชายซึ่งเป็นไก่โต้งรุ่นใหม่ไฟแรงเดินเข้ามาประคองพ่อ พร้อมกับพูดว่า
“พ่อ ผมว่าถ้าพ่อขันไม่ไหว วันนี้ผมขันแทนให้เอาไหม” พ่อไก่ยืดอกขึ้น หันมาชี้หน้าลูกพร้อมกับตอบเสียงดังว่า “น้ำหน้าอย่างแก ถ้าขัน ตะวันมันจะขึ้นไหม หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างสิ”
เช้าวันนั้น ทั้งๆ ที่ป่วยอยู่ พ่อไก่ก็ขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้เดิม และขันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตกลงมาดิ้นพราดๆ ก่อนสิ้นลม พ่อไก่ได้กล่าวสั่งเสียกับภรรยาและลูกๆ ว่า
“พวกเราทั้งหลาย ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พ่อคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว
และพอพ่อไม่ขัน ตะวันก็จะไม่ขึ้น โลกก็จะเข้าสู่กลียุค ถ้าไม่มีพ่อแล้วทุกคนก็จะอยู่ด้วยความยากลำบาก และมนุษยชาติก็จะถึงคราววิบัติ ดูแลกันให้ดีนะ”
เผื่อนิทานสามเรื่องนี้จะทำให้เห็นโค ไก่และแมงป่องเดินเพ่นพ่านก่อนเข้าทำงาน และอาจจะทำให้วันทำงานวันนี้มีมุมมองใหม่จากเมื่อวานบ้างนะครับ
8 บันทึก
15
6
8
15
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย