22 ก.ย. 2022 เวลา 01:06 • ไลฟ์สไตล์
# ยาวแต่อยากให้อ่าน
ผมเคยสงสัยมานานแสนนานเมื่อดูข่าวในพระ​ราชสำนัก​ช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา​ ว่าหลายครั้ง​หลาย​หน​เมื่อ​ กรม​สมเด็จพระ​เทพ​ ท่านเสด็จ​ฯ​ ไปต่างประเทศ​ในช่วงระยะเวลาหลายๆปีที่ผ่านมา​ ท่านจะทรงไปดูงานด้าน​ นิวเคลียร์​ รังสี​ต่างๆ​ หลายต่อหลายหน​ ทั้งในยุโรป​ และเอเชีย​ ทุกครั้งที่ท่านเสด็จ​ฯ​ ก็จะมีนักวิทยาศาสตร์​ นัก
วิชาการ​ แพทย์​ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​กับทางด้านนี้ตามเสด็จ​ไปด้วย​ นอกจากไปทรงดูงานแล้วทรงยังได้แลกเปลี่ยน​ข้อมูล​ และทรงมีพระเมตตา​ที่ได้ทำข้อตกลง​ให้คนไทยได้มีโอกาส​ไปศึกษา​ทดลองงานในที่ที่ท่านเสด็จ​ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่​ดีว่า​ แล้ว​ "คนไทย" จะได้ประโยชน์​ยังไง
จนกระทั่ง.... เมื่อ​ ๕ กันยายน​ที่ผ่านมา​
ช่วงสายทราบข่าวจากผู้ใหญ่​ที่ถวายงานว่าท่านมีหมายเสด็จ​โรงพยาบาล​จุฬาฯ​
(ปกติ​ผมจะขอข้อมูล​ไว้เพื่อรอเขียนข่าวให้ได้อ่านกัน)
พอทราบว่าท่านเสด็จ​ไปทรงเปิด​ "ศูนย์​โปรตอน​สมเด็จพระ​เทพรัตน​ราชสุดา​ฯ" สิ่งที่ผมสงสัย​มานานกระจ่าง​ทันที​ เพราะศูนย์​นี้นำสิ่งที่ท่านทรงดูงานศึกษา​มา​ มาช่วยรักษา​ชีวิต​คน​ไทย​จาก​ "โรคมะเร็ง" จึงขออนุญาต​นำเรื่องราวเกี่ยวกับ​ศูนย์​โปรตอน​นี้​ฯ มาให้อ่านกัน
.
"... โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย..."
การรักษาด้วยรังสีนั้น ถือเป็นหนึ่งในการรักษาหลักที่สำคัญ และมีการพัฒนาเทคนิคมาอย่างต่อเนื่อง จากรังสีเอกซ์พลังงานต่ำ รังสีแกมมาจากแร่โคบอลต์ จนมาถึงรังสีเอกซ์พลังงานสูง
ด้วยเทคนิคต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายคือ ให้รังสีปริมาณสูงที่ก้อนมะเร็ง และลดปริมาณรังสีต่อเนื้อเยื่อปกติข้างเคียงให้น้อยที่สุด เพื่อเพิ่มอัตราการหายขาดจากโรค ในขณะเดียวกันลดผลข้างเคียงจากการรักษา ผู้ป่วยจึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว การใช้อนุภาคโปรตอน ถือเป็นความก้าวหน้าไปอีกขั้น และเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพดีที่สุด
.
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยองค์อุปนายิกา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชประสงค์ให้การรักษาพยาบาลประชาชน​ที่ป่วยในทุกชนชั้น ทุกเพศ ทุกวัย และทุกโรค โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุ ให้หายจากโรคภัย มีสุขภาพและ
คุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้นเนื่องในวโรกาสมหามงคล พระชนมายุครบ ๖๕ พรรษา ในปี ๒๕๖๓ ทางโรงพยาบาล​ ได้จัดทำโครงการศูนย์เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน โดยมีเป้าหมายเพื่อการก้าวเข้าสู่การรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ซึ่งยังไม่มีการรักษาชนิดนี้ในประเทศไทยและในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้เพื่อพัฒนาการรักษาให้มีประสิทธิภาพที่ดี ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากโรค ปราศจากภาวะแทรกซ้อน
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เริ่มวางแผนที่จะนำอนุภาคโปรตอนมาใช้รักษาผู้ป่วยตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ประกอบด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ ทั้งทางเทคนิค ทางกายภาพ และความคุ้มค่า รวมทั้งการเตรียมบุคลากรให้มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีการศึกษาดูงาน ระยะสั้น ระยะยาว และศึกษาต่อในระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิตในต่างประเทศ โดยได้รับงบประมาณ ๑,๒๐๐ ล้านบาท และเริ่มก่อสร้าง
อาคารเมื่อปี ๒๕๖๐ อาคารนี้เป็นอาคารใต้ดิน ตั้งอยู่หน้าอาคารความก้าวหน้าทางวิชาการ ลึก ๑๕ เมตร หรือเท่ากับ ๓ ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ของตึกสวัสดิ์-ล้อม เดิม ซึ่งเป็นอาคารเก่าที่ใช้ดูแลผู้ป่วยและอยู่คู่กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มาอย่างยาวนาน โดยได้รับความกรุณาจากตระกูลโอสถานุเคราะห์ ผู้มีอุปการคุณในการสร้างตึก
สวัสดิ์-ล้อม ให้สามารถรื้อถอนตึกเพื่อนำพื้นที่มาจัดสร้างเป็นศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ รองรับเครื่องโปรตอนที่ประกอบด้วยส่วนของเครื่องเร่งอนุภาค หรือ “ไซโคลตรอน” น้ำหนัก ๙๐ ตัน และส่วนของหัวเครื่องฉาย ซึ่งสามารถหมุนได้รอบตัวผู้ป่วย น้ำหนัก ๒๘๐ ตัน
ทั้งนี้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามศูนย์โปรตอนนี้ ว่า "ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ" พร้อมทั้งพระราชทานพระราชวโรกาส ให้นำคณะผู้บริหารและอาจารย์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เดินทางไปศึกษาดูงานที่ สถาบัน
ศูนย์วิจัยไอออนหนักจีเอสไอเฮล์มฮอลทซ์ (GSI Helmholtz Centre for Heavy Ion Research) สหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อความร่วมมือในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งระหว่างสถาบันที่เป็นศูนย์รังสีรักษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้บริการรังสีรักษาที่มี
ศักยภาพสูง อีกทั้งเป็นแหล่งศึกษาของแพทย์รังสีรักษา นักฟิสิกส์การแพทย์ นักรังสีการแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องจากทั่วประเทศ โดยมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านบริการ วิชาการ และงานวิจัย ในระดับประเทศและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมทั้งสร้างเครือข่ายกับสถาบันและองค์ชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้ประโยชน์จากการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน​ ทำให้แพทย์สามารถเพิ่มปริมาณรังสีที่จะทำลายเซลล์มะเร็งได้มากขึ้นกว่าการใช้รังสีเอกซเรย์ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้เพิ่มโอกาสการหายขาดจากโรคมะเร็งในบางโรค และยัง
ช่วยลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว​ เช่น อาการเจ็บปากเจ็บคอ ปากแห้ง ภาวะลำไส้อักเสบ ภาวะไขกระดูกเสื่อม ความจำเสื่อม เป็นต้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรคมะเร็งเด็ก จะช่วยลดความผิดปกติด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการ และลดการเกิดโอกาสของมะเร็งแบบทุติยภูมิ (secondary malignancy) ที่เกิดจากการได้รับรังสีมาก่อน เมื่อระยะเวลาผ่านไปสิบถึงยี่สิบปี การใช้
อนุภาคโปรตอนในการรักษาโรคมะเร็ง แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงเช่นกัน และยังเป็นการรักษาวิธีใหม่ที่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยรองรับในโรคมะเร็งทุกโรค โรคมะเร็งที่สามารถรักษาด้วยอนุภาคโปรตอนได้ดี และมีการศึกษาวิจัยรองรับ โดยอ้างอิงจากเอกสารแบบจำลองแนวนโยบาย ๒๐๑๙ (Model Policies 2019) ของสมาคมวิทยามะเร็งรังสีรักษาอเมริกัน (American Society of Radiation Oncology,ASTRO ) และของสมาคมวิทยามะเร็งรังสีรักษาญี่ปุ่น (Japanese Society of Radiation Oncology,JASTRO) คือ
โรคมะเร็งในเด็ก (Pediatric Tumors)
เนื้องอกและมะเร็งที่ฐานกะโหลกศีรษะ (Base of Skull Tumors)
เนื้องอกและมะเร็งในสมองและไขสันหลัง (Brain and Spinal Tumors)
โรคมะเร็งตา (Ocular Tumors)
โรคมะเร็งหูคอจมูก (Head and Neck Cancers)
โรคมะเร็งตับ (Hepatocellular Cancer)
โรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Sarcomas)
โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer)
โรคมะเร็งที่ต้องได้รับการใช้รังสีซ้ำ (Re-irradiation)
โรคมะเร็งอื่นที่อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยยืนยันว่า การใช้อนุภาคโปรตอนรักษามีประสิทธิภาพสูงหรือไม่คือ
โรคมะเร็งปอดและทรวงอก (Lung and Mediastinal Tumors)
โรคมะเร็งทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Cancers)
โรคมะเร็งในลำไส้ตรงและทวารหนัก (Rectal and Anal Cancers)
โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Cancer)
โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)
โรคมะเร็งเต้านม (Breast Cancer)
เมื่อเริ่มเปิดให้บริการในปี ๒๕๖๓ ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ นี้ จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณปีละ ๔๐๐-๕๐๐ ราย โดยมีการดูแลผู้ป่วยอย่าง
ครอบคลุม มีการเก็บข้อมูล และศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้เพื่อให้ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ เป็นหนึ่งในศูนย์รังสีรักษาต้นแบบ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป เนื่องด้วยผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และเทคโนโลยีที่สามารถตรวจพบโรคมะเร็ง
ในระยะเริ่มแรกได้ดีขึ้น จึงต้องการการรักษาที่หายขาด มีผลข้างเคียงลดลง และเพิ่มคุณภาพชีวิตหลังรับการรักษา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีภารกิจให้การรักษาพยาบาลตามแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ ๒๕๕๖-๒๕๖๐ เพื่อให้การรักษาที่มีคุณภาพ เพิ่มอัตราการอยู่รอด มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็ง อีกทั้งทัดเทียมกับผู้ป่วยมะเร็งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย
ฐานความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม กับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน
.
ทั้งหมด​นี้เป็น​แค่เรื่องราวเรื่องหนึ่ง​ จากอีกหลายร้อยพันหมื่นเรื่องที่ทรงทำเพื่อคนไทย​ จะมีใครรักและห่วงใย​คนไทยเท่า​ #สถาบันพระมหากษัตริย์​ ขอพระองค์​ทรง​พระ​เจริญ​💜👑
ขอบคุณ​ภาพและข้อมูล​บางส่วน​จาก​ : มูลนิธิ​เทคโนโลยี​สารสนเทศ​ตาม​พระราชดำริ​สมเด็จ​พระ​เทพรัตน​ราชสุดา​ฯ​
เรียบเรียง​: Wittawat​ S.Ansusingh​
#คนไทยโชคดีที่มีสถาบัน
#เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์
โฆษณา