22 ก.ย. 2022 เวลา 04:02 • ปรัชญา
“การใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด เป็นคำสอนที่สำคัญที่สุด เป็นการเตือนสติไม่ให้พวกเราตั้งอยู่ในความประมาท ให้ระลึกถึงความไม่เที่ยงของสังขารอยู่ตลอดเวลา จะได้รีบตักตวงประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่นที่จะตามมาต่อไป ด้วยการตั้งใจ
ศึกษาและปฏิบัติพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าอย่างเต็มที่ ทุกเวลานาทีที่ว่างจากภารกิจจำเป็น คือการดูแลรักษาร่างกาย ไม่ควรให้เวลาหมดไปโดยไม่ได้ทำอะไร ดังที่ทรงสอนให้คิดอยู่เสมอว่า วันเวลาล่วงไปๆ เรากำลังทำอะไรอยู่ กำลังทำประโยชน์ให้แก่ชีวิตจิตใจ หรือกำลังทำประโยชน์ให้กับกิเลสตัณหา ความโลภความโกรธความหลงความอยากต่างๆ
ถ้าใช้เวลาไปกับความโลภความอยาก ก็จะสร้างพิษภัยให้กับใจ กดให้ใจตกต่ำ ให้
มีความทุกข์เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าทำประโยชน์ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน คือบำเพ็ญทานศีลภาวนา ก็จะสร้างประโยชน์สุขให้แก่ใจ กำจัดพิษภัยต่างๆที่มีอยู่ภายในจิตใจให้หมดไป พิษภัยนี้เปรียบเหมือนเชื้อโรคในร่างกาย ถ้ามีอยู่ในร่างกายก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ามียากำจัดเชื้อโรคให้หมดไปได้ ร่างกายก็จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ใจก็มีเชื้อโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับใจ คือกิเลสตัณหาต่างๆ ความโลภความอยากได้สิ่งต่างๆ อยากได้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ
อยากมีอยากเป็น อยากไม่มีอยากไม่เป็น กิเลสตัณหาเหล่านี้เป็นเชื้อโรคของจิตใจ ทำให้จิตใจทุกข์ทรมาน เป็นโรคของใจ
ถ้าอยากจะหาย ก็ต้องมียารักษาใจคือธรรมโอสถ ที่พระพุทธเจ้าทรงคิดค้นขึ้นมา จากการศึกษาและปฏิบัติตามหลักความจริงของกิเลส หลักความจริงของใจ ทรงรู้ว่ากิเลสเป็นพิษภัยแก่จิตใจ ใจไม่ต้องการกิเลส วิธีที่จะกำจัดกิเลสก็ทรงรู้ว่า อยู่ที่การบำเพ็ญทานศีลภาวนา เป็นยารักษาโรคที่ได้ทรงคิดค้นขึ้นมา ได้ทรงใช้รักษา
พระทัยของพระองค์ จนหายจากโรคทุกข์ทรมานใจ หลังจากนั้นก็ทรงนำเอายาที่วิเศษนี้มาแจกจ่ายให้แก่ผู้อื่นต่อไป ผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อเมื่อได้รับยามาแล้ว ถ้าเอามารับประทานเอามาปฏิบัติ ตามที่พระองค์ทรงสอนให้ปฏิบัติ บำเพ็ญทานศีลภาวนาให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ก็จะสามารถรักษาโรคความทุกข์ทรมานใจให้หายขาดไปจากใจได้
ถ้าได้บำเพ็ญแล้วก็ถือว่าได้ทำประโยชน์ให้แก่ตนแล้ว เวลาของชีวิตที่ยังเหลืออยู่
ก็จะใช้บำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นต่อไป ด้วยการนำเอายาที่วิเศษคือธรรมโอสถนี้ มาสั่งสอนให้แก่ผู้อื่นต่อไป นี่คือการใช้เวลาให้เกิดคุณเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่มีเวลาของภพชาติใดของสัตว์ชนิดใด ที่จะมีคุณค่ายิ่งกว่าของมนุษย์ เพราะมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถศึกษาและปฏิบัติ จนหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ ถ้าเป็นสัตว์ชนิดอื่น เช่นเดรัจฉาน เป็นนกเป็นแมวเป็นสุนัข ก็จะไม่มีความสามารถพอที่จะศึกษาและปฏิบัติพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ เวลาของเดรัจฉานจึงไม่มี
คุณค่าเหมือนกับเวลาของมนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์ไม่ใช้เวลาให้ถูกกับฐานะของตน ไปใช้เหมือนกับเดรัจฉานใช้ ก็จะไม่ต่างกับเดรัจฉาน เดรัจฉานจะใช้ไปกับกิเลสตัณหา ความโลภความอยากต่างๆ
ถ้ามนุษย์ใช้เหมือนกับเดรัจฉาน คือทำตามความโลภตามความอยากต่างๆ ชีวิตของมนุษย์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ก็จะไม่ต่างกับเดรัจฉาน คนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้สะสมทานศีลภาวนาบารมีมา ก็จะใช้เวลา
เหมือนกับเดรัจฉาน หาความสุขตามความโลภความอยาก ตามกามตัณหา ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไปดื่มไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารต่างๆ เหมือนเดรัจฉานทำกัน ไม่ต่างกันตรงไหน การได้เกิดเป็นมนุษย์จึงไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร เหมือนกับได้เครื่องมือที่มีค่ามา แต่ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด กลับเอาไปสร้างโทษกับตน
จุลธรรมนำใจ ๑๙, กัณฑ์ที่ ๔๐๖ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โฆษณา