22 ก.ย. 2022 เวลา 11:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปคอร์ส Macro & Economic 101 EP.1
วัฏจักรการลงทุน
โดยปกติถ้าเกิดการ Recession ในช่วงต้นๆ การลงทุนในตลาด Bond จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในขณะที่หุ้นจะตกหวบเลย แต่พอผ่านไปซักระยะหนึ่ง ตลาดหุ้นจะเด้งกลับขึ้นไปก่อนที่เศรษฐกิจจะดีจริงๆ เพราะโดยธรรมชาติตลาดหุ้นนั้นจะ React เร็วกว่าความเป็นจริงประมาณ 6 เดือน
ดังน้ันเราจะต้องมารู้ภาพ เศรษฐกิจ Macro ก่อนว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น ถึงจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าเราควรจะลงทุนอะไรในช่วงจังหวะไหน
ช่วงเวลา Hiking Rate หรือจังหวะดอกเบี้ยขาขึ้น
FED นั้นมีหน้าที่อยู่ 2 อย่างคือ ควบคุมเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ โดยจะใช้วิธี Open Market Operation หรืออธิบายง่ายๆคือ ทำการซื้อ-ขายผ่าน Bond เพื่อเพิ่มหรือลดเงินในระบบ และอีกวิธีที่ใช้ควบคู่กันไปคือ การขึ้นและลดดอกเบี้ย
เมื่อ FED เห็นว่าเศรษฐกิจนั้นร้อนแรงเกินไปหรือเงินเฟ้อนั้นสูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ จะเริ่มใช้นโยบายทางการเงินเช่น การขึ้นดอกเบี้ยและลดปริมาณเงินในระบบ(QT) อย่างการขาย Bond หรือปล่อยให้หมดอายุไป และนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละการประชุม เช่น การขึ้น 25-50 basis points (bps) จะเท่ากับการขึ้นดอกเบี้ย 0.25%-0.5%
เมื่อดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นและมีการลดเงินในระบบจะทำให้ตลาดหุ้นนั้นเริ่มตก เนื่องจากบริษัทเอกชนในตลาดนั้นจะมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการออกหุ้นกู้ แถมการขึ้นดอกเบี้ยก็มีผลทำให้ฝั่งผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยน้อยลงอีกด้วย
หลังจาก FED ขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ วิกฤตเศรษฐกิจ หรือ เศรษฐกิจถดถอย (Recession) นั้นเอง ซึ่งเมื่อสหรัฐเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดผลกระทบตามกันไปด้วย เพราะเศรษฐกิจสหรัฐนั้นมีสัดส่วนที่ใหญ่เมื่อเทียบกับ GDP โลก ตลาดทั่วโลกจึกมักจับตาดูกันเป็นพิเศษ
1
ต่อมาเมื่อเกิดเศรษฐกิจเข้าสู่ Recession และเงินเฟ้อลดลง ก็จะเข้าสู่ Stage ถัดไปคือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตต่ออีกครั้ง โดยจะใช้วิธีการ ลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มเงินในระบบหรือการซื้อ Bond เพื่อกดอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรลงมา ส่งผลให้เวลาบริษัทเอกชนออกหุ้นกู้ จะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง เศรษฐกิจก็จะค่อยๆเติบโต
เมื่อมีการขึ้นดอกเบี้ยในแต่ละรอบ สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในอนาคต เช่น ครั้งหน้าจะขึ้นเท่าไหร่ มีการเปลี่ยนแปลงจากการพูดครั้งที่แล้วไหม หรือ FED คาดการณ์จะขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาวเท่าไหร่ แล้วนำมาเทียบกับการตาดการณ์ของตลาด
สำหรับเงินเฟ้อนั้น กุญแจสำคัญจริงๆก็คือ น้ำมัน เนื่องจากค่าขนส่งนั้นมีผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างสูง ราคาน้ำมันยิ่งแพงต้นทุนของผู้ประกอบการก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าไฟที่แพงขึ้นเพราะบางประเทศก็ใช้น้ำมันในการปั่นไฟ จึงเป็นผลพ่วงไปถึงสิ้นค้า End Product เช่น ราคาอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกซ์ ที่จะแพงขึ้นตามมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น
โดยน้ำมันนั้นเป็นสินค้าได้รับผลกระทบทางการเมืองสูงมาก เช่นในช่วงปี 1980 ที่สหรัฐไปให้ท้ายอิสราเอล ทำให้ประเทศอาหรับไม่พอใจแล้วจึงสั่งแบนการส่งน้ำมันไปให้สหรัฐ ทำให้ช่วงนั้นสหรัฐขาดแคลนน้ำมันเป็นจำนวนมาก และต้องจำกัดการใช้งานน้ำมันสำหรับส่วนที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่ราคาน้ำมันจะลงมาเร็วดั่งที่ใจหวัง
นอกจากนี้ต่อให้น้ำมันแพงก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะลงทุนอะไรไม่ได้เลย น้ำมันนั้นมาพร้อมกับเงินเฟ้อ ซึ่งกลุ่ม อสังหาร์ พลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์นั้นก็ยังได้ประโยชน์อยู่
พอมีการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ Inverted yield curve
เริ่มต้นด้วย Yield Curve นั้นคือเส้นแสดงอัตราผลตอบแทนของ Bond ในแต่ละช่วงอายุ เช่น 3 เดือน 2ปี 5ปี 10ปี 30ปี ไล่ไปตามลำดับ โดยปกติแล้วยิ่งอายุการกู้สั้นผลตอบแทนก็จะต่ำความเสี่ยงต่ำในขณะที่ถ้าอายุตราสารหนี้ยิ่งยาวก็จะมีความเสี่ยงที่สูง และผลตอบแทนก็จะสูงตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น การให้คนๆนึงยืมเงิน แล้วบอกจะคืนพรุ่งนี้ กับ อีก 10 ปีค่อยคืน ความเสี่ยงของการคืนพรุ่งนี้ก็ต้องน้อยกว่าเป็นธรรมดาจึงคิดดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ประมาณนี้
แต่ Inverted Yield Curve นั้นเกิดจากการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยแรง จะทำให้ตราสารหนี้ระยะสั้นมีผลตอบแทนที่สูงกว่าระยะยาว โดยปกติที่ตลาดจะใช้กันคือ เทียบตราสารหนี้ระยะ 2ปี และ 10 ปีมาลบกัน โดยทุกครั้งที่ติดลบมักจะเกิดวิกฤตตามมา
ซึ่งการเกิด Inverted นี้เป็นช่วงที่ดีของการเด้งกลับของตลาด เช่น ปี 1989 S&P ขึ้นมา 23.8% ใน1ปี และหลังจากนั้น 18 เดือนจึงเกิด Recession อีกตัวอย่างคือ ปี 2008 ดัชนีขึ้นมา 14.9% ใน1ปี และหลังจากนั้น 22 เดือนจึงเกิด Recession จึงเป็นจังหวะที่สามารถทำกำไรได้
อย่างไรก็ตามจากการดูย้อนหลังก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะเกิดขึ้นเสมอไปอาจต้องดูปัจจัยอื่นๆมาเสริมตัวเลือกการลงทุนด้วยเช่นกัน
หากสนใจเนื้อหาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยท่านสามารถเข้าไปเรียนคอร์สฟรี !! ได้ที่ช่องทาง Youtube ของ Bottomliner หรือ กดตามลิ้ง
EP.1 orientation - เข้าใจ macro ลงทุน ฝ่าดอกเบี้ยขาขึ้น ได้เลย
โฆษณา