22 ก.ย. 2022 เวลา 18:06 • ความคิดเห็น
1) ผมชอบฟังคุณ Anthony Robbins พูด
และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาพูดถึง “Hunger” ซึ่งน่าจะหมายถึงความ “หิวกระหาย” ในสิ่งที่ตัวเองสนใจที่จะทำ
โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า
”If someone asks me, “Tony, what is the single most valuable secret to success in life? How do I live life on my terms and have choices, and become the best in my field?”
I’d tell them that every great leader I’ve ever had the privilege to work with — whether they are a politician, an athlete, a musician, or a business savant — got there using one force above all others. And that’s hunger.”
คำถามต่อมาคือ แล้ว “passion” กับ “hunger” ต่างกันอย่างไร?
Tony ตอบว่า
”Passion is first gear; it will get you going, but hunger is the ticket that will take you there.
It’s human nature to get excited about big dreams; it’s easy to spark the fires of passion, especially when you’re young. But sooner or later, when it comes time to get the job done, suddenly, our level of excitement wanes because we’re all afraid of one thing: failure.
Here’s what’s great:
Hunger will destroy that fear of failure.“
นั่นคือ ถึงแม้คุณจะมี passion แต่ถ้าคุณปราศจาก hunger หรือ ความหิว ในสิ่งที่คุณชอบแล้ว วันหนึ่ง passion ก็อาจจางไป เพราะ
Hunger —> I want more and more of that!
2) “Obsession”
ผมชอบคำว่า obsession มากกว่า passion
2.1) มันคือ “Oxygen” มันคือลมหายใจ
#มันคือสิ่งที่คุณทำฟรีๆได้โดยไม่รู้สึกว่าเสียเวลา
#มันทำให้ความเหน็ดเหนื่อยและความเจ็บปวดลดน้อยลงเพราะเมื่อคุณทำมัน จะมี endorphins หลั่งในสมองคุณ ทำให้คุณมีความสุขและผ่อนคลาย
#คุณจะทำมันได้เรื่อยๆ นานๆ (time flies) โดยที่คุณไม่รู้ตัว
#มันทำให้ม่านตาคุณขยายหัวใจเต้นแรง (pump) แค่คิดถึงมัน
#และคุณอยากให้วันหนึ่งๆมีมากกว่า 24 ชั่วโมง เพราะคุณไม่อยากเสียเวลานอน และอยากตื่นเร็วๆเพื่อที่จะได้ทำมันอีก!
#passion = unlimited power
#passion คู่กับ patience
3) “Burnout”
เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจครับ ผมคิดว่ามีคนอีกจำนวนมากๆครับ ที่อาจอยู่ในภาวะ burnout
เท่าที่เคยได้ยินมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มอาการนี้พอสมควรครับ สำหรับผมมองว่า
3.1) ถ้าคุณมองไปที่ลักษณะและขอบเขตความรับผิดชอบหรือพูดง่ายๆว่า ลักษณะงานที่ผู้บังคับบัญชาหรือแม้กระทั่งหัวหน้าของผู้บังคับบัญชาของคุณดูแลอยู่โดยไม่พิจารณาผลตอบแทนที่เป็นเงินเดือนหรือสวัสดิการอื่นๆ แล้วคุณบอกกับตัวเองว่า คุณไม่อยากทำงานที่นั่นต่อ เพื่อที่จะไปยื่นอยู่ ณ ตำแหน่งหัวหน้านั้นในอนาคต คุณอาจคิดว่าการเปลี่ยนงานจะเป็นคำตอบหนึ่งครับ
3.2) ถ้าคุณอยู่ต่อ คุณก็ต้องหาวิธีต่อรองกับปัจจัยที่นำไปสู่ภาวะ burnout ซึ่งจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
#คุณอาจปรึกษาผู้บังคับบัญชาเรื่องนี้ และหาทางออกและความช่วยเหลือถึงการลดปัจจัยแห่งภาวะ burnout ของคุณ โดยที่คุณยังมีโอกาสแสดงศักยภาพในการทำงาน และเป็นกำลังสำคัญขององค์กรได้อยู่
#คุณควรบริหารกายและจิตควบคู่ไปด้วยกัน เช่น ออกกำลังกายและฝึกสมาธิให้จริงจังขึ้น
#หาโอกาสหยุดพักจากงานที่ต้องทำนานๆยาวๆ เป็นช่วงสั้นๆเป็นช่วงๆ เพื่อที่จะ refresh ตัวคุณเองเสมอๆ
#เตือนตัวเองว่า
work to live, not live to work
“burnout syndrome”
3 อาการหลัก คือ
i) รู้สึกสูญเสียพลังงาน มีภาวะอ่อนเพลียเวลาทำงาน
ii) มีความรู้สึกต่อต้านและมองตนเองในทางลบ ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
iii) มีปฏิสัมพันธ์ในการทำงานที่แย่ลง
ผมได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ burnout จากทั้งทาง กรมสุขภาพจิตและ ThaiPBS ไว้ให้ดังนี้ครับ
โฆษณา