23 ก.ย. 2022 เวลา 05:19 • การเกษตร
จุลินทรีย์และการเกษตรยั่งยืนมาแน่ ฟันธง!
หลายต่อหลายครั้งแล้วที่พวกเราได้เห็นผลการศึกษาวิจัยที่ทำกันอย่างจริงจังและต่อเนื่องยาวนานเกี่ยวกับประโยชน์ของจุลินทรีย์ในการทำการเกษตร และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราจะนำเรื่องราวจากผลการศึกษาในหมวดหมู่นี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าปัจจุบันองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานจุลินทรีย์ในการทำการเกษตรนั้นเป็นที่รับทราบกันอย่างกว้างขวางและได้รับการยอมรับอย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก
ไม่นานมานี้ Andy Neal นักวิจัยชาวอังกฤษผู้ที่ได้ติดตามจดบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลจากการทำการเกษตรรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้การศึกษาระยะยาวที่กินช่วงเวลาถึง 60 ปี ได้ออกมาบอกว่าการทำเกษตรกรรมเข้มข้นแบบเชิงเดี่ยวนั้นก่อให้เกิดสภาวะ "สวรรค์ของกลุ่มจุลินทรีย์อันธพาล" ขึ้นมาท่ามกลางชุมชนจุลินทรีย์มากมายมหาศาลที่เป็นประโยชน์ต่อการดูดซึมสารอาหารของพืช
ผลการศึกษาจากพื้นที่ทางการเกษตรทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษชี้ชัดว่า การเปลี่ยนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นทุ่งหญ้าป่าเขาไปสู่พื้นที่การเกษตรเชิงเดี่ยวนั้นส่งผลกระทบต่อการคงอยู่ของเหล่าจุลินทรีย์ได้จริง โดยจะไปทำลายกลุ่มจุลินทรีย์ดั้งเดิมของพื้นที่และเปิดช่องให้จุลินทรีย์ชุดใหม่ซึ่งมีประโยชน์น้อยเข้ามาอาศัยอยู่กันอย่างสะเปะสะปะแทน และทำให้ดินมีคุณภาพเสื่อมถอย มีความทนทานต่อสภาวะก่อโรคน้อยลง
ทั้งนี้ เวลาที่เราพูดถึงกลุ่มจุลชีพในดิน เรามักหมายถึง 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ กลุ่มเห็ดรา กลุ่มแบทีเรีย และกลุ่มอาเคียซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การที่เกษตรกรทั่วโลกเริ่มทำความรู้จักและเข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการปรับโครงสร้างดิน หรือการช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารหลายชนิดได้ดีขึ้น ช่วยให้เกิดการเริ่มปรับพฤติกรรมการใช้สารเคมี โดยพบว่ามีการใช้สารเคมีและสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
แต่ก็ยังมีความน่ากังวลอยู่บ้างเนื่องจากนักวิจัยจากเคมบริดจ์พบว่า จุลินทรีย์กลุ่มเห็ดราโดยเฉพาะไมคอร์ไรซานั้นมีความเปราะบางมาก และการใช้สารเคมีในการทำเกษตรแบบเดิมนั้นสามารถทำลายระบบของพวกมันได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คาดคิด ดังนั้นทีมวิจัยของอังกฤษจึงเร่งรัดให้หน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มความสำคัญในการเสริมสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรเกี่ยวกับหน้าที่และความสำคัญของระบบไมคอร์ไรซาที่มีต่อการปลูกพืช
โฆษณา