"มนุษย์โทลลุนด์ (Tollund Man)" ปริศนาการตายของศพปริศนากว่า 2,000 ปี
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) ที่ประเทศเดนมาร์ก มีการค้นพบซากศพในบึงน้ำแห่งหนึ่ง
ผู้ที่พบศพนั้นเป็นสองพี่น้องรายหนึ่ง และรีบโทรแจ้งตำรวจทันทีที่พบเห็นศพ โดยคิดว่าศพนั้นน่าจะเป็นเหยื่อการฆาตกรรม
แต่เมื่อตำรวจมาตรวจสอบ ก็คิดว่านี่ไม่ใช่การฆาตกรรมธรรมดา และตำรวจก็ได้พยายามจะตรวจสอบว่าศพนี้เสียชีวิตมานานเท่าไรแล้ว หากแต่ก็ไม่สามารถหาเวลาการเสียชีวิตได้
เมื่อเป็นอย่างนี้ ตำรวจจึงต้องให้นักวิทยาศาสตร์เข้ามาตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ พบว่าศพนี้เป็นศพของชายอายุประมาณ 40 ปี และจากการตรวจสอบ ก็พบว่าชายผู้นี้เสียชีวิตมาเกินกว่า 2,000 ปี โดยคาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตระหว่าง 375-210 ปีก่อนคริสตกาล
จากการตรวจสอบศพ ไม่มีร่องรอยของความรุนแรง ตาและปากของศพนั้นปิดสนิทราวกับคนที่กำลังหลับ และลักษณะทางกายภาพต่างๆ ของศพนั้นยังคงสมบูรณ์ อวัยวะภายในอย่างหัวใจ ปอด หรือ ตับ ก็ยังคงอยู่ในสภาพดี
ศพที่ค้นพบนี้ถูกเรียกว่า "มนุษย์โทลลุนด์ (Tollund Man)" โดยตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้านที่ค้นพบศพ โดยในขณะพบศพ มนุษย์โทลลุนด์นั้นอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงหมวกหนังสวมอยู่บนศีรษะ และมีเข็มขัดคาดที่เอว อีกทั้งยังมีบ่วงหนังคล้องอยู่ที่คอ ทำให้คาดเดาว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากการแขวนคอ โดยจากการชันสูตรศพ ก็พบว่าศพนี้เสียชีวิตจากการแขวนคอจริงๆ
แต่นอกเหนือจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์โทลลุนด์ก็ไม่เป็นที่ทราบเท่าไรนัก ไม่มีใครทราบว่าเขาเป็นใครกันแน่ เขาอาจจะเป็นเหยื่ออาชญากรรม หรืออาจจะเป็นอาชญากรที่ถูกลงโทษก็เป็นได้
ด้วยความคลุมเครือเช่นนี้ ทำให้มีการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ และผู้เชี่ยวชาญก็คิดว่าเป็นไปได้ว่าชายผู้นี้ อาจจะเป็นเหยื่อบูชายัญต่อพระเจ้า
ภายหลังจากมีการค้นพบมนุษย์โทลลุนด์ ก็ได้มีการตรวจสอบเครื่องในของมนุษย์โทลลุนด์ เพื่อที่จะตรวจว่าก่อนตาย เขาทานอะไรเป็นอาหาร และพบว่าอาหารมื้อสุดท้าย คือข้าวต้มและปลา
นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่า ศพนี้ถูกฝังไว้ในบึงใกล้กับพื้นที่ที่ชาวยุโรปในสมัยโบราณใช้ติดต่อกับพระเจ้า จึงเป็นไปได้ที่ชายผู้นี้จะเป็นเหยื่อบูชายัญ และจากการศึกษาลำไส้ของมนุษย์โทลลุนด์ นักวิทยาศาสตร์ก็ลงความเห็นว่าการตายของมนุษย์โทลลุนด์นั้นเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวหรือไม่ก็ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งในช่วงเวลาของยุคโบราณ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการบูชายัญมนุษย์
สำหรับสาเหตุที่ศพอยู่ในสภาพที่ดี ก็เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและอ๊อกซิเจนที่ต่ำ ทำให้ศพไม่เน่าสลาย ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานมาก
นี่ก็เป็นเรื่องราวของศพในประวัติศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามศึกษาและหาคำตอบ
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
