8 ต.ค. 2022 เวลา 08:06 • ท่องเที่ยว
กาลครั้งหนึ่งเคยอยากไปเปรโต๊ะลอซูมากๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปเสียที จนเวลาผ่านไปก็ลืมๆไปแล้วว่าเคยอยากไป
จนกระทั่งวันหนึ่งมีน้องในทีมมาชวนไป(ชื่อว่าโด้) ด้วยเหตุผลว่าน้องอยากตามผู้ชายไปก็เลยอยากมีเพื่อนไปด้วย จึงตอบตกลงไปด้วยกันกับน้องในทีมอีกคน(ชื่อว่าหน่อง) รวมเป็นสามคน
ทริปนี้เราออกเดินทางวันที่ 23/09/2022 ไปยังน้ำตกเปรโต๊ะลอซู หรืออีกชื่อหนึ่งคือน้ำตกปิตุ๊โกร ซึ่งพอมาพิมพ์แบบนี้แล้วก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมมีสองชื่อ แต่ไม่รู้จะถามใครแล้วตอนนี้ เสิร์ชหาที่มาก็ไม่เจอ
แต่ตรงสถานที่จริงเขียนป้ายว่าน้ำตกปิตุ๊โกรนะ
เราเดินทางแบบซื้อทัวร์ไป เคยไปกับเจ้านี้มาแล้วที่ภูสอยดาวมารอบนึงแล้วรู้สึกว่ากินอยู่สุขสบายดี รอบนี้มาด้วยอีกทีก็รู้สึกสบายใจหน่อย
ออกเดินทางจากกรุงเทพราวๆสองทุ่ม ไปถึงอ.อุ้มผาง จ.ตาก ราวๆแปดโมงเช้า แวะทำธุระและกินข้าวเช้านิดหน่อยก่อนจะขึ้นรถไปต่อ ถึงจุดที่เริ่มเดินจริงๆก็ประมาณ 11โมง เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากจริงๆ
1
แล้วระหว่างทางก็แทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะฝนตกเกือบตลอดทาง เวลารถเบรกทีก็จะมีเสียงเบรกดังอิ๊ดเบาๆ จนทำให้เราก็หลอนว่ารถมันไหวป่ะวะ จะเบรกอยู่มั้ยวะ ยิ่งเวลาลงเขาแล้วเป็นทางโค้งนะ รถทั้งเอียงเททั้งมีเสียงเบรก จนหวั่นๆว่าจะไม่ถึงที่หมายเอา
พอถึงจุดเริ่มเดินก็เลยรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยพร้อม ยังโชคดีที่ทางเดินในช่วงแรกไม่มีอะไรมาก เป็นทางราบๆ ขึ้นลงเนินเล็กๆน้อยๆไปจนถึงแคมป์ แต่ด้วยความขี้เกียจก็เลยใช้บริการลูกหาบไป (แอบเสียดายตังนิดนึงเพราะทางง่ายเกิน)
วิวระหว่างทาง
ถึงจะบอกว่าทางราบๆ แต่ทางบางช่วงเป็นโคลนลึก ถ้าเดินไม่ดูก็จมถึงเข่าได้เลย ทำให้เดินเหนื่อยกว่าที่คิดพอสมควร กลางทางมีร้านค้าชาวบ้านขายน้ำให้เราได้แวะพักกินข้าวให้หายเหนื่อย จิบเบียร์ป๋องนึงแล้วไปต่อ แล้วบางช่วงก็ดูรอยทางยาก เกือบหลงทางไปรอบนึง ยังดีที่เอะใจก่อน
ประมาณบ่ายโมงครึ่งเราก็เดินมาถึงแคมป์ มาถึงเป็นกลุ่มแรกๆของทัวร์เราเลย มีเวลานั่งพักหายใจหายคอกันช่วงนึง แวะไปดูน้ำตกแถวแคมป์มานิดหน่อยในขณะที่คนอื่นก็ทยอยมาถึงแคมป์กัน
หลังจากลูกหาบแบกของมาถึงก็จัดแจงกางเต๊นท์กันตามกลุ่ม กางเสร็จก็ได้เวลาออกเดินไปน้ำตกรูปหัวใจ ความจริงจะรอไปพรุ่งนี้ก็ได้ แต่เวลานั้นเห็นว่าฟ้าโปร่งเลยกะจะไปถ่ายรูปวันนี้ก่อน เผื่อพรุ่งนี้ฝนตก
ก่อนออกเดินได้ยินสตาฟประจำทริปบอกว่าทางไปน้ำตกมันจะเหนื่อยหน่อยนะ คือก็รู้อยู่แล้วว่าเหนื่อยแน่ แล้วพอได้ยินก็เริ่มหวั่นๆใจมากขึ้น แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น
ทางเดินจะเป็นทางขึ้นเนินชันแค่ช่วงแรกๆ หลังจากนั้นก็จะเป็นทางราบๆ ไม่ได้ไต่เนินมาก แล้วมาไต่เนินชันอีกทีช่วงสุดท้ายก่อนจะถึงจุดชมน้ำตก
น้ำตกระหว่างทาง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่แวะกัน
น้ำตกรูปหัวใจ ไฮไลท์ของทริปนี้
ระหว่างทางที่เดินมา ฟ้าก็ค่อยๆครึ้มขึ้นทุกเวลา จนมาถึงน้ำตกก็ไม่มีแดดแล้ว แต่วิวก็ยังสวยดีอยู่ ถือว่าคุ้มกับที่เหนื่อยเดินมา แค่น่ากลัวตรงจุดชมวิวนิดหน่อยเพราะมันลื่น เดินไม่ระวังก็ขิตได้เลย
หลังจากชมวิวและถ่ายรูปกันพักนึง ก็เดินกลับ ขากลับนี่เร่งกว่าขามาเพราะกลัวฝนจะตกกลางทาง แถมเป็นขาลงด้วยก็เลยเร่งง่าย
ระหว่างทางเจอกลุ่มที่เดินช้ากว่าเค้าเดินสวนมา ก็ทักทายกันตามประสา แต่พอเดินใกล้ๆถึงแคมป์แล้วก็แอบเป็นห่วงนิดหน่อยเพราะฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ฟ้าก็มืดมาก ขนาดตอนนั้นแค่สี่โมงกว่ายังมืดแบบนี้ คนที่ลงช้ากว่าเราจะลงยังไงวะ
เดินลงจากน้ำตกมาถึงแคมป์ก็มาพักผ่อน อาบน้ำอาบท่า แล้วก็มากินข้าว ถ้าใครเคยไปภูสอยดาวแล้วมาดทียบห้องน้ำกับที่นี่จะพบว่าห้องน้ำที่นี่ดีกว่ามาก มีน้ำให้ใช้แบบไม่อั้น ไม่ต้องไปตักน้ำใส่ถังมาอาบ แค่เปิดก๊อกก็มีน้ำแล้ว แรงด้วย แล้วก็ไม่เหม็นเหมือนภูสอยดาวด้วย
แต่ถ้าให้แนะนำก็ขอแนะนำให้อาบน้ำที่น้ำตกแถวแคมป์ เพราะห้องน้ำมืดและไม่มีที่แขวนผ้าเท่าไหร่ มันออกจะอึดอัดนิดนึง อาบตรงน้ำตกแล้วไปเปลี่ยนชุดในเต๊นท์ดีกว่า
หลังจากอาบน้ำมาเสร็จก็มานั่งรอข้าวที่แคมป์ สตาฟก็มีเถียงกันหยุมหัวกันเล็กน้อย เหมือนแม่กับลูกชายดื้อๆเถียงกันอ่ะ 55555 แรกๆก็แปลกใจที่เค้าเถียงกัน แต่อยู่ๆไปซักพักก็เข้าใจความสัมพันธ์ของเค้าได้
การกินข้าวเย็นของทริปนี้จะแปลกกว่าที่เคยเห็น เพราะปกติสตาฟจะทำกับข้าวให้แล้วมานั่งล้อมวงกิน แต่ทริปนี้ทำใส่ถาดแล้วตั้งเรียงเป็นไลน์บุฟเฟต์ให้เดินตักเอง ซึ่งก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องบอกให้ใครหยิบกับข้าวจากอีกมุมของวงให้กิน แต่การได้พูดคุยกันตรงนี้มันก็ลดหายไปเหมือนกัน
การพูดคุยกับคนหน้าใหม่ๆมันก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของการมาทริปเดินป่าอีกแบบนะ ถ้าเป็นเวลาปกติเราจะไม่ไปคุยกับคนแปลกหน้าแน่ๆ แต่พอมาเที่ยวแบบนี้มันก็ต้องได้พูดคุยช่วยเหลือกันบ้างเล็กๆน้อยๆ
ยังดีที่ได้วงเหล้าหลังกินข้าวมาชดเชยบ้าง เราอาจจะไม่ได้พูดคุยกับคนที่ไม่กินเหล้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้คุยกับใครเลย
ทริปนี้แปลกกว่าครั้งอื่นๆอีกอย่างก็คือมีคนกินเหล้าเยอะดี ทริปที่ผ่านๆมาคนกินด้วยน้อยมาก แต่ทริปนี้นั่งกันเป็นสิบ แล้วเหมือนงานประกวดสายเขียวย่อมๆ ใครมีของก็ควักมาแบ่งปัน เป็นบ้องมั่ง เป็นมวนมั่ง แต่พอดีไม่ใช่สายนี้ก็เลยแค่ลองของคนอื่นนิดๆหน่อยๆ แลกเปลี่ยนโควิดกันไป สตาฟทริปนี้ชอบให้วงเหล้าเล่นเกมด้วยกัน ก็ทำให้รู้จักชื่อกันหลายคนในทริปไปในตัว เป็นสิ่งที่ดีเลย
อากาศช่วงกลางคืนของที่นี่ไม่เย็นเลย แม้ว่าฝนจะตกทั้งคืนก็ตาม ใครที่คิดจะมาก็ไม่ต้องพกเสื้อกันหนาวมาหรอก หนักเปล่าๆ
ตอนที่นั่งกินเหล้าอยู่ก็คุยกับหน่องว่าถ้าตกทั้งคืนจะไม่ไปยอดมะม่วงสามหมื่นในวันพรุ่งนี้นะ หน่องก็โอเค ขี้เกียจด้วยกันทั้งคู่ ได้เห็นน้ำตกรูปหัวใจก็ถือว่าใช้ได้ละทริปนี้
พอเช้ามาก็ได้ยินเสียงคนอื่นๆเค้าตื่นมากินข้าว เตรียมตัวเดินขึ้นดอยตั้งแต่เช้าตรู่ ไอ้สองคนนี้ก็นอนขี้เกียจอยู่ในเต๊นท์ต่อไป จนเจ็ดโมง โด้มาถามว่าจะไปมั้ยก็ตอบว่าไม่ไป โด้เลยบอกว่างั้นโด้ตามผู้ชายไปนะ ก็โอเคเลยน้อง ขอให้ได้ขอให้โดน พี่จะนอนต่อละ
แปดโมงเช้าก็มีสตาฟมาถามอีกว่าไม่ไปเหรอ กลุ่มสุดท้ายจะขึ้นแล้วนะ ก็ไม่ไป สตาฟก็โอเคๆ นอนเฝ้าแคมป์ไปนะ มีสตาฟอีกคนดูแลแคมป์อยู่แล้ว เราก็นอนต่อ
ซักเกือบๆเก้าโมง หน่องบอกว่าจะออกไปขี้ เราก็เลยลุกมาตากกางเกงเพราะเห็นว่าแดดออก เมื่อคืนน้ำซึมเข้าเต๊นท์จนกางเกงใส่อยู่แคมป์เปียกไปหมด ตากซักหน่อยละกันวะ
ตากเสร็จกลับมานอนเล่นต่อ ที่แคมป์ไม่มีสัญญาณก็เลยเล่นได้แต่เกมออฟไลน์ที่โหลดไว้ กะว่าเดี๋ยวนอนเล่นๆไปมาอยู่แบบนี้แล้วก็ไปเล่นน้ำตกใกล้ๆ
แต่ไอ้หน่องเนี่ยสิ มันไปขี้แล้วเสือกบรรลุธรรมขึ้นมา พอมันเปิดเต๊นท์เข้ามาก็ถามว่า ขึ้นดอยดีมะ เอ้า น้องอยากขึ้นก็ขึ้นดิวะ เดี๋ยวน้องคาใจ ตอนนั้นแดดออกแล้วด้วยก็เลยไม่มีปัญหา เดินสบายอยู่แล้ว จัดแจงแต่งตัวอย่างว่องไว
1
แต่งตัวเสร็จเดินไปบอกสตาฟว่าจะขึ้นนะ สตาฟตกใจ ข้าวเช้าก็หมดแล้วด้วย เลยรีบส่งห่อข้าวให้และหาลูกหาบไปส่งเพราะกลัวหลง เราก็แบบ เห้ย ทางแม่งรกขนาดนั้นเลยเหรอวะ เริ่มกลัวนิดๆแต่ก็แต่งตัวแล้วอะเนอะ
สรุป ลูกหาบพาเดินไปตรงน้ำตกที่ใช้อาบน้ำ แล้วชี้ป้ายให้ดู บอกว่าขึ้นทางนี้เลยครับ เอ๊า ก็นึกว่าจะพาไปส่งไกล โถ่
ทางเดินชันเหมือนทางไปน้ำตกรูปหัวใจช่วงแรก แต่ยากกว่ามาก ชันไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น มีพื้นราบให้ได้พักแค่นิดเดียว และด้วยความที่ออกช้ากว่าชาวบ้านเค้าชั่วโมงนึงก็เลยออกจะเร่งๆฝีเท้ากว่าปกติ ทำเอาหน่องที่ปกติเดินไม่เคยบ่นเหนื่อยยังต้องร้อง เดินสิบเมตรพักทีนึง
แต่ด้วยความที่เดินป่าบ่อยแล้ว ไม่ใช่มือใหม่ขนาดนั้น เดินสองชั่วโมงก็ไปทันกับคนที่ออกมาตอนเช้าจนได้ เค้าจอดนั่งเล่นอยู่ตรงจุดชมวิวกัน
วิวจากจุดชมวิว
ที่นี่จะมีจุดแวะสามจุดใหญ่ๆ คือจุด1200ม.(ความสูงจากระดับน้ำทะเล) จุดหมื่นห้า(ยอดเขากลางทางก่อนถึงยอดมะม่วงสามหมื่น) และยอดสามหมื่น
ซึ่งอย่าถามว่าทำไมเรียกสามหมื่น ทั้งที่ความสูงแค่1600ม. เพราะถามใครก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ช่างมันเถอะเนอะ
ตรงจุด1200เป็นจุดเติมน้ำ สามารถให้ลูกหาบไปเอาน้ำจากตาน้ำใส่ขวดของเราได้ ระหว่างทางที่เดินมาใช้น้ำหมดไปขวดครึ่ง(ขวด350มล.) ก็เลยส่งให้ลูกหาบเอาไปเติมให้สองขวด ของหน่องอีกขวด รวมเป็นสาม
ลูกหาบเอาไปเติมแล้ววิ่งกลับมา ยื่นให้เราขวดนึง หน่องขวดนึง เอ๊า ขวดกูหายไปไหนขวดนึงวะ ลูกหาบงงแล้วบอกว่าพี่ให้มาแค่นี้ไม่ใช่เหรอครับ (ไอ้สั๊ส ความจำมึงก็สั้นเกิ๊น) ลูกหาบก็ยิ้มแหะๆแล้วบอกว่าพี่สองคนแบ่งกันได้มั้ยครับ โอเค ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ ต้องรับสภาพไป
จากจุด1200ขึ้นไปยอดหมื่นห้าอีกครึ่งชั่วโมง ยอดหมื่นห้าเป็นจุดตั้งตัวรับสัญญาณมือถือหรือดาวเทียมนี่แหละ ตามคำบอกเล่าคือข้างบนมีสัญญาณมือถือ ก็กะว่ามาถึงแล้วจะโทรหาแฟนซักหน่อย
สรุปว่ามีคลื่นเฉพาะ AIS แต่เราใช้ทรู จบ
ทางเดินไปยอดสามหมื่น
จากยอดหมื่นห้า เราลองไปหยั่งเชิงตรงทางเดินไปยอดสามหมื่นเล็กน้อยแล้วก็ถ่ายรูป ระหว่างถ่ายด็เห็นว่าหมอกเริ่มข้ามมาปกคลุมยอดเขาเกือบหมดแล้ว ถ้าไปก็จะเห็นแต่ขาวๆ ก็เลยจบการเดินทางไว้แค่นี้
ในใจทีแรกก็คิดจะมาถึงแค่นี้แหละ แต่พอเดินแล้วเริ่มมันส์ตีน แถมมาถึงหมื่นห้าก่อนเที่ยงแปลว่ายังเดินไปสามหมื่นได้ ถ้าสภาพอากาศดีกว่านี้คงเดินต่อแน่นอน แต่แค่นี้ก็สวยแล้วล่ะ
ระหว่างกินข้าวเที่ยงก็เจอสตาฟกำลังพาอีกกลุ่มลง โดนทักว่าทีแรกบอกว่าไม่ขึ้นไม่ใช่เหรอ เลยเล่าที่มาให้ฟัง ทุกคนก็ฮา แล้วก็ขอเค้านั่งกินข้าวแปปนึงเดี๋ยวลงพร้อมกัน
ระหว่างลง น้องผู้หญิงคนนึงในกลุ่มหมดแรงเลยเดินได้ช้า เรากับหน่องก็อาสาปิดท้ายให้เผื่อน้องเป็นอะไรไปกลางทาง สุดท้ายสตาฟเห็นว่าช้าเลยขึ้นมาช่วย แทบจะอุ้มลงเลยทีเดียว 5555
1
ด้วยความช้านี้ โด้(ที่มากับกลุ่มผู้ชายยย)ก็เลยแซงไปกลางทาง เราก็เดินเกาะกับกลุ่มนี้มาเรื่อยๆจนมาบรรจบกับทางที่เดินกลับจากน้ำตกรูปหัวใจเมื่อวาน ก็แวะถ่ายรูปตรงน้ำตกเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครแวะกัน
ปรากฏว่าสตาฟบิ๊วให้น้องผู้ชายคนนึงถอดเสื้อถ่ายรูป น้องบอกว่าอายพุงแต่สุดท้ายก็แพ้การบิ๊ว ถอดออกมาเป็น 6packs เท่ๆ ชายแท้ยังต้องมอง พวกเราได้แต่มองว่าไหนพุงครับ แล้วก็มองเทียบกับพุงตัวเอง นี่สิครับถึงจะเรียกว่าพุง
(สมน้ำหน้านังโด้ อดเห็นเลย ได้แต่ดูรูป)
กลับจากน้ำตกก็ไม่มีอะไรละ วันนี้อาบน้ำที่น้ำตกแทนที่จะอาบในห้อง โดนสตาฟตะโกนแซวว่าหนีมาอาบกับสาวเหรออ ซึ่งแฟนของสาวๆเค้าก็อยู่ตรงนั้น พาเสี่ยงตีนเล็กน้อยทั้งที่ไม่ได้มองเค้าเลยด้วยซ้ำ
1
วันนี้กินข้าวแล้วก็นั่งก๊งเหล้าเล่นเกมเช่นเดิม แต่มีสมาชิกมาเพิ่มอีกจากเมื่อวาน เล่นกันเฮฮาเสียงดัง เหล้าป่าในขวดลิตรก็หมดอย่างว่องไว
ตื่นเช้ามาก็รีบแพคของแล้วเดินลง ถึงปลายทางเป็นกลุ่มแรกๆ รอจนคนครบก็นั่งรถกลับมาอุ้มผางเพื่ออาบน้ำกินข้าวแล้วนั่งรถกลับ มีเสียวๆนิดหน่อยระหว่างทางกลับเพราะดินสไลด์เยอะมาก บางช่วงรถผ่านยาก ต้องรอคนมาตักออกถึงจะผ่านไปได้ แต่สุดท้ายก็ผ่านได้ด้วยดี จบทริปกลับบ้านสบายใจ
โฆษณา