27 ก.ย. 2022 เวลา 20:47 • ความคิดเห็น
ให้เขาละอายใจของเขาเอง
...
ชายชรา พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ที่ถามว่า :
"ลุงจำผมได้ไหมครับ"
ผู้เฒ่าตอบปฏิเสธไป เด็กหนุ่มจึงบอกว่า เขาเคยเป็นลูกศิษย์..ต่อมาผู้เป็นครูจึงถามกลับไปว่า :
"เธอทำมาหากินอะไรหรือพ่อหนุ่ม"
"เอ้อ ผมเป็นครูครับ"
"ไม่เลวนะ เหมือนครูเลยหรือ"
"ใช่ครับ..อันที่จริง ผมเลือกอาชีพครู เพราะคุณครูเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเป็นเหมือนคุณครูครับ"
ชายชรารู้สึกฉงน จึงถามลูกศิษย์ว่า :
"เธอตัดสินใจเลือกอาชีพครูตอนไหน"
เด็กหนุ่มคนนั้นจึงเริ่มเล่าเรื่องดังต่อไปนี้ :
"...วันหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นของผมสวมนาฬิกาเรือนใหม่เอี่ยมมาโรงเรียน..ผมจึงอยากได้ขึ้นมาทันที ผมขโมยนาฬิกาด้วยการล้วงกระเป๋าของเพื่อน
ต่อมาไม่นาน เพื่อนคนนั้นก็รู้ว่า นาฬิกาของเขาหายไป จึงฟ้องครู ซึ่งก็คือคุณครูนั่นแหละ..
สักพัก คุณครูก็พูดกับนักเรียนในชั้นว่า นาฬิกาของนักเรียนคนนี้ถูกขโมยไปในชั้นเรียนวันนี้ ใครที่เอาไป ช่วยเอามาคืนด้วย
ผมไม่คืนเพราะไม่อยากจะคืน
คุณครูเดินไปปิดประตูห้อง แล้วบอกให้นักเรียนทั้งหมด ยื่นล้อมกันเป็นวงกลม..
คุณครูเริ่มล้วงเข้าไปในกระเป๋าของนักเรียนทุกคน จนพบนาฬิกา..โดยคุณครูขอให้ทุกคนหลับตา เพราะสิ่งคุณครูต้องการหา คือนาฬิกาเท่านั้น
พวกเราทำตามโดยดุษณี.. คุณครูเอามือล้วงกระเป๋าของนักเรียนทีละคน..จนมาถึงกระเป๋าผม
ซึ่งคุณครูก็เก็บนาฬิกาไป แต่ก็ค้นจนครบทุกคน เมื่อค้นเสร็จ คุณครูก็บอกให้นักเรียนลืมตาขึ้น และแจ้งว่า พบนาฬิกาแล้ว
คุณครูไม่เคยเปิดเผยความลับนี้ของผม ไม่เคยเอ่ยถึงเหตุการณ์นี้อีกเลย..
คุณครูไม่เคยพูดเลยว่า ใครเป็นคนขโมย...
วันนั้นคือ วันที่คุณครูช่วยปกป้องเกียรติยศของผมไปตลอดกาลและเป็นวันที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของผม..
และวันนั้นเอง เป็นวันที่ตัดสินใจเลิกที่จะเป็นขโมยหรือคนไม่ดีแบบนั้น..
คุณครูไม่เคยพูดอะไรในเรื่องนี้ ไม่เคยดุด่าผม และไม่ดึงผมไปสอนบทเรียนอะไรในเรื่องนี้เลย..
ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้จากคุณครูอย่างแจ่มชัด.. ผมขอขอบพระคุณคุณครูมากครับ ผมได้รู้แล้วว่า คนที่สอนคนควรจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร..
คุณครูจำเรื่องนี้ได้ไหมครับ"
ครูเฒ่าตอบว่า :
"ครูจำได้เรื่องที่มีคนขโมยนาฬิกาและครูได้ค้นกระเป๋าของนักเรียนทุกคน..
แต่ครูจำไม่ได้หรอกว่าเป็นเธอ เพราะตอนที่ค้น ครูก็หลับตาเช่นเดียวกัน"
💡นี่คือ แก่นสารของการสอนคน... ถ้าครูต้องปรามเธอ โดยทำให้เธอต้องอับอาย นั่นคงแสดงว่าครูไม่รู้วิธีสอนคน
ว่ากันว่า....
"สอน" ด้วยความโกรธ
ให้โทษ มากกว่าให้ผลดี
พ่อแม่ ที่ สอน ลูก
ผู้ใหญ่ ที่ สอน เด็ก
ครู ที่ สอน นักเรียน
หัวหน้า ที่ สอน ลูกน้อง
เคยสังเกตตัวเองมั้ยคะ
ว่า ตอนที่สอนนั้น
ถ้า สอน ด้วยความเมตตา
จะได้ผลตอบรับแบบหนึ่ง
คือ ผู้รับเปิดใจรับด้วยดี
ถ้า สอน ด้วยปากให้เสร็จๆ
จะได้ผลตอบรับอีกแบบหนึ่ง
คือ ผู้รับก็รับไปอย่างนั้น
ไม่ได้นำคำสอนไปใช้
ให้เกิดประโยชน์ใดๆ
ถ้า สอน ด้วยความโกรธ
จะได้ผลตอบรับไปอีกแบบหนึ่ง
คือ ผู้รับจะต่อต้าน ไม่รับ
หรือ จำใจรับ
ซึ่งนอกจากจะไม่ได้นำคำสอน
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว
ยังจะรู้สึกไม่ดีกับคนสอนด้วย
และ
บางคนถึงกับ..ต่อต้าน..คนสอนไปเลย
ดังนั้น การสอนที่เลวร้าย
และไม่ได้ผลดีเลย
ก็คือ การสอนด้วยความโกรธ
เวลาโกรธ...
จึงไม่มีใช่เวลาที่จะ "สอน" ใคร
ถึงจะโกรธ เพราะรัก เพราะห่วง
ก็ตาม ก็ห้ามสอนตอนนั้น
เพราะเวลาที่โกรธ
"อารมณ์" จะครอบงำ ความคิด
สติ และเหตุผล ให้เหลือน้อยลง
โอกาสที่จะเกิดเหตุ
อารมณ์ ปะทะ อารมณ์ จะสูงขึ้น
และเมื่ออารมณ์ ปะทะ อารมณ์
ก็มีแต่เสียกับเสีย ไม่มีใครได้เลย
จึงต้องระวัง ว่า...จะสอนใคร
อย่าไปสอนตอนที่โกรธ
ให้สงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติก่อน
และดูว่าผู้รับเขาเปิดใจรับหรือเปล่า
จะดีที่สุด คือ
การสอนด้วยความเมตตา
ในเวลาที่ผู้รับเปิดใจรับ
#มนุษย์ป้าท้าเปลี่ยนโลก
โฆษณา