19 ต.ค. 2022 เวลา 00:30 • การเกษตร
มะเขือเปราะการเพาะและการดูแลรักษา
1.ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 และใส่ดินผสมดังกล่าวลงในถาด พลาสติกเพาะกล้า
2.ใช้เศษไม้เล็กๆ (ขนาดเท่าไม้จิ้มผลไม้) กดลงไปในดินที่บรรจุอยู่ในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาดความลึก 0.5 ซม.
3.นำเมล็ดมะเขือเปราะหยอดลงในหลุมปลูก หลุมละ 1-2 เมล็ด
4.กลบดินผิวหน้าเมล็ดไปจากถาดพลาสติกเพาะกล้า
5.หลังเพาะนาน 7-10 วัน มะเขือเปราะเริ่มงอก หมั่นรดน้ำต้นกล้ามะเขือเปราะทุกวันๆ ละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเข้าและเย็นจนกระทั่งต้น
กล้ามะเขือเปราะมีอายุ 25-30 วัน จึงย้ายกล้ามะเขือเปราะลงปลูกในกระถางหรือแปลงปลูก
การเตรียมดินและการปลูกในแปลง
ควรเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดย่อยดิน หน้าดินลึก 15-20 ซม. และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือใส่ปุ๋ยหมัก หว่านและคลุกเคล้า
ให้เข้ากับดินในแปลง ขุดหลุมลึกประมาณ 15 – 20 ซม. ระยะปลูก 50 X 50 ซม. ย้ายกล้าที่มีอายุ 1 เดือน ลงหลุมปลูก กลบดินให้พูน
สูง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
ปลูกในกระถาง
ผสมดินปลูกในกระถาง โดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2:1 ย้ายกล้าที่มีอายุ 1 เดือน ลงกระถางปลูก กลบ
ดินให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
คลินิกพืชคูลเกษตรแนะนำการดูแลรักษา
1.รดน้ำทุกวัน และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังในน้ำอย่างสม่ำเสมอ
2.หลังย้ายปลูกแล้ว 7-10 วัน ให้ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตราต้นละ 1/4 ช้อนชา ควรโรยปุ๋ยห่างโคนต้นประมาณ 2-3 เซนติเมตร
และรดน้ำทันที
3.ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตราต้นละ 1/4 ช้อนชาทุกๆ 15 วัน
4.หลังย้ายปลูกนาน 45-60 วัน มะเขือเปราะเริ่มทยอยผลผลิต สามารถเก็บผลผลิตไปบริโภคได้
5.หลังจากที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตมะเขือเปราะไปแล้วประมาณ 2 เดือน ควรตัดแต่งกิ่งออกบ้าง เพื่อทำให้ลำต้นมะเขือเปราะ
เจริญเติบโตแตกกิ่งก้านใหม่ที่มีความแข็งแรง จะให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้อีก
แมลงศัตรูที่สำคัญของมะเขือเปราะ
1.เพลี้ยไฟ
ศัตรูชนิดนี้มีตัวอ่อน ลำตัวยาวสีเหลืองเคลื่อนไหวเร็วอยู่ตามยอด ซอกใบ และใต้ใบ ตัวแก่สีดำบินเร็ว เป็นศัตรูที่สำคัญที่สุดของมะเขือ
ระบาดได้รวดเร็วมาก โดยจะดูดน้ำจากใบ
ทำให้ใบเหลือง แข็ง กรอบ ผิวใบอาจฉีกขาด ยอดมีสีน้ำตาล ไม่ค่อยเจริญเติบโต และต้นทรุดโทรมเร็ว ระบาดมากช่วงฤดูหนาว
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ เช่น คาร์โบซัลแฟน ,ฟิโปรนิล ,อะบาแมคติน เป็นต้น
2.เพลี้ยแป้ง
ทำให้เกิดใบหยิกหด ใบและยอดอ่อนหยิกและหด ข้อสั้นและอวบหญ่มีสีเขียวเข้มไม่เจริญต่อไป เพราะมีศัตรูที่มีแป้งสีขาวเกาะติดอยู่เป็น
กระจุก
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยยาป้องกันกำจัดประเภทดูดซึม เช่นเดียวกับการกำจัดเพลี้ยไฟ
โรคที่สำคัญ
1.โรคผลเน่า
เกิดจากเชื้อรา อาการของผลและกิ่งจะปรากฏสีน้ำตาลแล้วลามเข้าไปทั้งผล และกิ่งจนแห้งตาย บน กิ่ง แห้งพบเมล็ดราสีดำ ขนาดเล็ก
กว่าเข็มหมุดขึ้นตรงกลางแผลสีน้ำตาล
การป้องกันกำจัด ตัดแต่งกิ่งเป็นโรคและผลเน่าออกจากแปลง ฉีดพ่นด้วยยาป้องกันกำจัดเชื้อรา
2.โรคโคนเน่า
เกิดจากเชื้อรา อาการที่พบคือต้นเหี่ยวเฉาตาย เมื่อถอนต้นขึ้นมาตรวจพบเชื้อรา เป็นเส้นใยสีขาวโคนต้นระดับดิน ทำให้โคนต้นแห้งเป็นสี
น้ำตาล เชื้อราสร้างเส้นใยและมีเม็ดรา
เป็นสีขาวและดำเท่ากับเมล็ดผักกาด แทรกอยู่ระหว่างก้อนดินโคนต้น
การป้องกันกำจัด ถอนต้นที่เป็นโรคเผาไฟรวมทั้งดินโคนด้วยใส่ปูนขาวในหลุมที่เป็นโรค หรือละลายปูนขาวกับน้ำรดโคนต้น หรือยากำจัด
เชื้อรา รดโคนต้นเมื่อปลูกใหม่ ควรปรับดิน
ด้วยปูนขาวและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ให้มาก ควรปลูกพืชอื่นหมุนเวียนในแหล่งที่มีโรคระบาดมาก
.
เข้ากลุ่มคนรักพืช เพื่อติดตามความรู้ใหม่ๆ สอบถามปัญหาพืช ได้ทุกวันที่
.
#คลินิกพืชคูลเกษตร #คูลเกษตร #ที่ปรึกษาพืชออนไลน์ในมือถือคุณ
😀สอบถามได้ครับ จัดการได้ทันที
☎️095-237-1723
📨ทักข้อความที่ m.me/KoolKaset หรือ
📨เฟสบุ้คแฟนเพจ https://www.facebook.com/KoolKaset
📨ไลน์แอด @koolkaset หรือ https://lin.ee/zuxViUX
📨ร้านลาซาด้า https://www.lazada.co.th/shop/koolkaset/
📨ร้านช้อปปี้ https://shopee.co.th/kool.kaset
📨ซื้อออนไลน์ ห่างไกลโควิด ส่งไว #ส่งฟรี ยินดีให้บริการ #พร้อมบริการเก็บเงินปลายทาง
#KoolKaset #พืช #เกษตร #แมลง #หนอน #เพลี้ย #ปุ๋ย #กำจัดหญ้า #กำจัดแมลง #ศัตรูพืช #วัชพืช #โรคพืช #ต้นไม้ #เพลี้ยไฟ #เพลี้ยจั๊กจั่น #เพลี้ยอ่อน #แมลงหวี่ขาว #หญ้า #ไร #ผลไม้ #ไม้ดอก
โฆษณา