1 ต.ค. 2022 เวลา 11:18 • ยานยนต์
เรียกร้อง #ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ "อย่าเสียสิทธิ์เพียงเพราะไม่รู้" !!!
การใช้รถใช้ถนนในปัจจุบันถึงเราจะขับขี่อยู่บนความไม่ประมาท แต่ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอ หากวันหนึ่งคุณโดนรถยนต์คันอื่นมาชนจนรถคู่ใจของคุณต้องส่งเข้าอู่หรือเข้าศูนย์ไปหลายวัน
ทำให้ชีวิตประจำวันของคุณติดขัด จำเป็นต้องโดยสารรถสาธารณะแทน อย่าง แท็กซี่ รถไฟฟ้า BTS และ MRT ต่างๆ ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นไปอีก
หลายคนที่ประสบปัญหานี้ไม่ทราบว่ามีค่าชดเชยในส่วนนี้ด้วย และบริษัทประกันภัยของคู่กรณีส่วนใหญ่ไม่แจ้งให้ทราบเรื่อง “ค่าขาดผลประโยชน์” ทำให้คุณอาจเสียสิทธิ์ไปอย่างน่าเสียดาย ค่าขาดประโยชน์ที่ว่านั้นคืออะไร สามารถเรียกร้องสิทธิ์อย่างไรได้บ้าง ไทยพัฒนาประกันภัยสรุปไว้ดังนี้
ค่าขาดผลประโยชน์คืออะไร?
คือ #ค่าสินไหมทดแทน หรือค่าชดเชยที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณีต้องจ่ายให้แก่คุณ ในขณะที่รถยนต์ของคุณซ่อมอยู่ เนื่องจากไม่มีรถยนต์ใช้ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายรวมถึงค่าเสียเวลาเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน (ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง)
แต่บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วคุณเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นและต้องแจ้งเคลมประกันด้วย ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ชั้นอะไรก็ตาม โดยสำนักงานคณะกรรมการการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กำหนดว่าอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ระหว่างซ่อม แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1) รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
2) รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
3) รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่งกำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
หมายเหตุ : หากคู่กรณีของคุณไม่ได้ทำประกันรถยนต์ ให้เรียกร้องกับคู่กรณีโดยตรง คู่กรณีไม่สามารถอ้างได้ว่าคุณมีประกันรถยนต์ช่วยรับผิดชอบอยู่แล้ว เนื่องจากประกันรถยนต์จะคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพียงตัวรถเท่านั้น ไม่ได้รับผิดชอบค่าขาดประโยชน์นั่นเอง
เตรียมเอกสารอะไรบ้างก่อนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์
1) ใบเสนอรายการความเสียหายของรถยนต์
ระบุวันที่และสถานที่ซ่อมรถยนต์ที่ชัดเจน
2) ใบเคลมประกัน
เอกสารที่พนักงานบริษัทประกันมอบให้เราตอนเกิดเหตุ โดยมีการระบุความเสียหายจุดไหนบ้างอย่างละเอียด
3) ใบรับรถ หรือหนังสือส่งมอบรถยนต์
จำเป็นต้องระบุวันรับรถเมื่อซ่อมเสร็จ (จากศูนย์ และ อู่)
4) รูปถ่ายขณะซ่อมรถ
สามารถให้ช่างซ่อมที่อู่รถยนต์หรือศูยน์ซ่อมถ่ายรูปให้ได้ ไม่จำเป็นต้องไปถ่ายด้วยตนเอง (มีหรือไม่มีก็ได้ หากมีก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น)
5) หนังสือเรียกร้องสินไหมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ
หรือจดหมายแจ้งเรื่องอย่างเป็นทางการ เขียนเพื่อแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับระบุการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์อย่างชัดเจน
6) สำเนาทะเบียนรถยนต์
ระบุวันที่จดทะเบียนและกรรมสิทธิ์เจ้าของรถ (ควรเป็นชื่อของคนที่จะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์)
7) สำเนาใบขับขี่รถยนต์
โดยไม่ลืมเซ็นต์สำเนาถูกต้อง
8) สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร
โดยไม่ลืมเซ็นต์สำเนาถูกต้อง
9) สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
โดยไม่ลืมเซ็นต์สำเนาถูกต้อง
*** เอกสารทุกใบควรมีสำเนาเผื่อไว้ 1 ชุด พร้อมเซ็นต์สำเนาถูกต้อง ***
 
ขั้นตอนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์หรือค่าสินไหมทดแทน
1) แจ้งยื่นเรื่องเรียกค่าขาดประโยชน์ต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณี เนื่องจากไม่มีรถยนต์ใช้ระหว่างส่งซ่อม
2) ส่งเอกสารที่เตรียมไว้ทั้งหมดให้แก่บริษัทประกันของคู่กรณี
3) ต่อรองค่าขาดประโยชน์เมื่อเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยของคู่กรณีติดต่อกลับมา
4) เมื่อตกลงค่าเสียหายได้แล้ว ให้รอประมาณ 7 วัน คุณจะได้รับค่าขาดผลประโยชน์ หรือถ้าไม่มีการจ่าค่าชดเชยตามที่ตกลงกันไว้ หรือทางบริษัทประกันของคู่กรณีไม่ยินยอมจ่าย คุณสามารถแจ้งเรื่องไปยัง สำนักงานคณะกรรมการการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้ช่วยดำเนินการต่อได้เลย
และนี่คือการเรียกร้องค่าขาดผลประโยชน์ อย่าเสียสิทธิ์เพียงเพราะไม่รู้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ขับขี่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์และคุณเป็นฝ่ายถูก นอกจากแจ้งเคลมประกัน ส่งรถยนต์เข้าศูนย์หรืออู่แล้ว อย่าลืมเก็บเอกสารรายการความเสียหายของรถ รวมถึงให้ช่างที่ศูนย์หรืออู่ถ่ายภาพขณะซ่อม เพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกร้องสิทธิ์ด้วย สำหรับผู้ที่สนใจทำประกันรถยนต์ หรือยังไม่ทราบว่าจะทำประรถยนต์ที่ไหนดี สามารถติดต่อผ่านตัวแทนมิตรแท้ ที่เบอร์
โฆษณา