23 ต.ค. 2022 เวลา 00:30 • การเกษตร
ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ผักกรุบกรอบ ทำเมนูไหนก็อร่อย !
หน่อไม้ฝรั่ง ผักรสชาติดี กรอบกรุบ ประโยชน์เยอะ อยากปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้ทำกับข้าว คลินิกพืชคูลเกษตร พามาดูสายพันธุ์ยอดนิยมและวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งกันค่ะ
หน่อไม้ฝรั่ง ถือเป็นผักโปรดในใจใครหลายคน เพราะมีทั้งความกรุบกรอบไม่เหมือนใคร รสชาติดี อร่อยนัว มีกลิ่นเฉพาะตัว แถมยังนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ที่สำคัญประโยชน์เด็ด ๆ สรรพคุณโดน ๆ เพียบ ฮั่นแน่ พูดมาขนาดนี้ เชื่อว่าคนรักการปลูกผักคงอยากได้วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้กินเองที่บ้านกันจะแย่แล้ว ถ้างั้นอย่ามัวรอช้า ตามมาที่คลินิกพืชคูลเกษตรพามาดูวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
คลินิกพืชคูลเกษตรพาทุกคนทำความรู้จักหน่อไม้ฝรั่งกันก่อน
ต้นหน่อไม้ฝรั่ง หรือ Asparagus มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Officinalis จัดอยู่ในวง Asparagaceae เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง นำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย รสชาติดี มีความกรุบกรอบ โดยจะใช้ประโยชน์จากหน่อเป็นหลัก แบ่งออกเป็นหน่อเขียว (หน่อที่โผล่พ้นเหนือดิน) กับหน่อขาว (หน่อที่กลบอยู่ใต้ดิน ไม่โดนแสงแดด) ในด้านการปลูกและการดูแลก็ค่อนข้างง่าย เก็บเกี่ยวได้นาน สามารถปลูกไว้ทำกับข้าวกินเองที่บ้านก็ได้ หรือจะปลูกไว้ส่งขายก็ทำรายได้ไม่เบาเลยค่ะ
สายพันธุ์ที่นิยมปลูก
หน่อไม้ฝรั่งที่คนไทยนิยมปลูกมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ ได้แก่
1. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แมรี่วอชิงตัน (Mary Washington) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แรกที่ปลูกในไทย ให้ผลผลิตค่อนข้างดีแต่น้อยกว่าพันธุ์อื่น จึงไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน
2. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 500 (California 500) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่มีอายุเก็บเกี่ยวเร็ว ให้ผลผลิตใกล้เคียงกับพันธุ์แมรี่วอชิงตัน
3. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 309 (California 309) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่ได้รับการวิจัยว่าแข็งแรง แถมยังให้ผลผลิตดีกว่าและขนาดใหญ่กว่าพันธุ์แมรี่วอชิงตันและพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 500
4. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ไฮบริดอิมพีเรียล (Hybrid Imperial) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตสูงกว่าทั้งแมรี่วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย 500 และแคลิฟอร์เนีย 309
5. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์บร็อคอินพรู๊ฟ (Brock\'s Improved) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตสูงที่สุด เมล็ดจึงมีราคาแพง
วิธีการปลูกหน่อไม้ฝรั่งสามารถทำได้ 2 แบบ คือ
1. การเพาะกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง
สำหรับการเพาะต้นกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง ขั้นตอนแรกให้เราเตรียมแปลงปลูกด้วยการขุดดินเป็นร่องแปลงสูง 30 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร อย่าลืมพรวนดินให้ละเอียด กำจัดวัชพืชให้เกลี้ยง และคลุกปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก+ปุ๋ยวิทยาศาสตร์+ปูนขาว ลงไปในดินให้สม่ำเสมอ
หลังจากนั้นเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ แล้วทำหลุมสำหรับหยอดเมล็ด กะให้ลึกประมาณ 2 เซนติเมตร เว้นระยะห่างประมาณ 15-20 เซนติเมตร เสร็จแล้วก็หยอดเมล็ดลงไปหลุมละ 1 เมล็ด จากนั้นใช้ดินกลบบาง ๆ และใช้เศษฟางหรือหญ้าแห้งคลุมทับ (สามารถโรยฟูราดานเพื่อป้องกันแมลงได้) พร้อมทั้งหมั่นดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ โดยเมล็ดจะเริ่มงอกหลังจากปลูกประมาณ 10-15 วัน ซึ่งควรรอให้เมล็ดงอกออกมาสัก 2-3 เซนติเมตร แล้วค่อยใส่ปุ๋ยเร่ง อย่าลืมกำจัดวัชพืชและถอนหญ้าด้วย
2. การเพาะกล้าลงในถุง แล้วย้ายลงแปลงปลูก
สำหรับการเพาะต้นกล้าลงในถุง ให้เราผสมดินร่วน 1 ส่วน เศษใบไม้ 1 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน และปุ๋ยอินทรีย์ 1 ส่วน เข้าด้วยกัน จากนั้นกรอกใส่ถุงเพาะชำ แล้วหยอดเมล็ดตามลงไป เสร็จแล้วจึงนำไปตั้งไว้กลางแจ้งและรดน้ำทุกวัน ไม่นานสักประมาณ 3-4 เดือน ต้นกล้าก็จะเติบโต แข็งแรง พร้อมแก่การย้ายปลูก ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ ระหว่างรอย้ายลงแปลงปลูก มีดังนี้
- การเตรียมแปลงปลูก : ให้เราขุดพลิกดินให้ดี ย่อยดินให้ละเอียด พร้อมทั้งผสมปุ๋ยและแกลบให้เข้ากัน จากนั้นตากทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือน พอครบกำหนดก็ให้พรวนดินซ้ำอีกครั้ง กำจัดวัชพืช แล้วยกร่องขึ้นสูงและเกลี่ยหน้าดินให้เรียบเพื่อเตรียมทำหลุมปลูก
- การเตรียมหลุมปลูก : ให้เราขุดหลุมลึก 15-25 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร พร้อมทั้งผสมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1 ช้อนชา เข้ากับปุ๋ยคอกหรือขี้เถ้าแกลบ 2 กำมือ เพื่อใช้รองก้นหลุม (สามารถผสมฟูราดานเข้าไปเพื่อป้องกันแมลงได้)
- การจัดระยะปลูก : หน่อไม้ฝรั่งควรปลูกให้แถวห่างกันประมาณ 1-1.5 เมตร แต่ถ้าหากใครอยากปลูกผักอื่นแซมด้วย ก็สามารถเว้นระยะห่างมากกว่านี้ได้
- การเตรียมย้ายกล้าลงปลูกในแปลง : ให้เลือกต้นกล้าที่แข็งแรง สมบูรณ์ และมีรากมาก อายุสักประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นตัดยอดต้นกล้าออกให้ต้นสูงประมาณ 15 เซนติเมตร แล้วแช่โคนและรากลงไปในน้ำเปล่าผสมสารป้องกันเชื้อราประมาณ 15 นาที แล้วค่อยนำไปทำการปลูก ระวังอย่าให้รากขาด โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะย้ายกล้าลงปลูกจะเป็นตอนบ่าย ๆ ใกล้เย็นที่มีแสงแดดอ่อน ๆ
- การปลูก : ให้ปลูกหลุมละ 1 ต้น โดยต้องแผ่รากของต้นกล้าให้กระจาย ไม่กระจุก พร้อมทั้งกลบดินหรือโกยดินรอบโคนต้นให้สูงขึ้นมา แล้วกดให้แน่น และรดน้ำให้ชื้น
การเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย ต้องการแสงสว่างส่องถึงหน้าดิน ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ชอบหน้าดินชื้น ๆ แต่ไม่ชอบดินแฉะ การบำรุงทำได้โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีเป็นครั้งคราว พร้อมทั้งหมั่นกำจัดวัชพืชและโกยดินกลบโคนต้นเป็นประจำ และที่สำคัญหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่แตกหน่อ แตกก้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้แย่งอาหารกันเองจนแคระแกร็น ก็อย่าลืมตัดแต่งทรงบ่อย ๆ หรือจะพักต้น (การถอนต้นที่มีสภาพไม่ดีทิ้ง เหลือแต่ต้นที่สภาพดีไว้) แทนก็ได้
โดยหน่อไม้ฝรั่งจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตอนอายุ 4 เดือน หรือเมื่อหน่อโผล่พ้นเหนือดินขึ้นมาประมาณ 20 เซนติเมตร (ไม่เกิน 27 เซนติเมตร) ซึ่งหลังจากปลูกแรก ๆ ให้เก็บเฉพาะหน่อเขียวก่อน แล้วค่อยเก็บหน่อขาวในช่วงหลังหรือช่วงประมาณ 2-3 ปี เนื่องจากช่วงหลังปลูกใหม่ ๆ หน่อขาวจะยังไม่สมบูรณ์
ส่วนวิธีแยกหน่อเขียวกับหน่อขาว คือ หน่อเขียวจะเป็นหน่ออ่อนแทงขึ้นมาเหนือดินมากกว่า 17 เซนติเมตร ให้เก็บด้วยการขุดดินตรงลงไป แล้วใช้มือดึงเอาหน่อออกมา จากนั้นก็โกยดินกลบ ส่วนหน่อขาวเป็นหน่อที่อยู่ใต้ดิน ฉะนั้นหลักการปลูกจึงควรโกยดินกลบให้สูงตามความยาวที่ต้องการ โดยส่วนมากจะมีความยาวมากกว่า 17 เซนติเมตร
โรคและแมลงที่ต้องระวัง
โรคที่พบบ่อยในต้นหน่อไม้ฝรั่ง ดังนี้
1. โรคลำต้นไหม้ : จะเป็นแผลสีน้ำตาลตามลำต้น กิ่ง ก้าน และใบ จนส่งผลให้ใบร่วงและต้นแห้งตาย ป้องกันได้ด้วยการระบายน้ำอย่าให้ขัง ถอนต้นทิ้งก่อนลุกลาม และฉีดยาป้องกัน
2. โรคเน่าเปียก : จะเกิดขึ้นกับต้นอ่อน มีลักษณะฉ่ำน้ำที่ปลายยอดจนยอดอ่อนมีสีเหลือง พร้อมทั้งขึ้นราสีเทาเป็นก้านสั้น ๆ ป้องกันได้ด้วยการฉีดยากำจัดโรค
3. โรคเน่าเละ : จะมีอาการเนื้อเยื่อนิ่ม ช้ำ ลื่น และเหม็น ส่วนมากเป็นที่ปลายยอดหรือปลายหน่อ ป้องกันได้ด้วยการระมัดระวังขณะเก็บเกี่ยว หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแผล คัดเฉพาะหน่อที่สมบูรณ์ และทำการลดอุณหภูมิทันทีหลังเก็บ
4. โรคหน่อเน่า : จะมีอาการช้ำน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นที่ส่วนใดก็ได้ แต่ส่วนมากจะเริ่มที่โคนหน่อ ป้องกันได้ด้วยการระวังไม่ให้หนอนกัดและไม่ให้อุปกรณ์พรวนดินไปโดน
5. โรครากและโคนเน่า : จะมีอาการเน่าตามยอดหน่อหรือรอยตัด ป้องกันได้ด้วยการลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วหลังเก็บเกี่ยวและระวังความชื้นบริเวณยอดหน่อ
6. โรคแอนแทรกโนส : จะเป็นแผลสีน้ำตาลเห็นได้ชัดเจน เมื่อเริ่มลุกลามจะทำให้ลำต้นยุบตัวและแห้งตาย ป้องกันได้ด้วยการกำจัดส่วนที่เป็นโรคออกไปทำลาย ระวังน้ำขัง และฉีดยาป้องกัน
ส่วนพวกแมลงหรือศัตรูพืชที่พบได้บ่อยจะเป็นพวกหนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนคืบ เพลี้ยไฟฝ้าย และเพลี้ยไฟหอม ฉะนั้นถ้าหากใครคิดจะปลูกคลินิกพืชคูลเกษตรแนะนำ ก็อย่าลืมระวังและหมั่นกำจัดแมลงเหล่านี้ออกไปด้วยค่ะ
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่น่าสนใจไม่เบา ปลูกก็ง่าย ประโยชน์ก็เยอะ แถมยังอร่อยเหาะสามารถรังสรรค์เป็นเมนูเจ๋ง ๆ ได้เพียบเลยล่ะ คุณค่าเต็มคำกินอร่อยจากเมนูผักกรอบ ๆ แบบนี้
.
เข้ากลุ่มคนรักพืช เพื่อติดตามความรู้ใหม่ๆ สอบถามปัญหาพืช ได้ทุกวันที่
.
#คลินิกพืชคูลเกษตร #คูลเกษตร #ที่ปรึกษาพืชออนไลน์ในมือถือคุณ
😀สอบถามได้ครับ จัดการได้ทันที
☎️095-237-1723
📨ทักข้อความที่ m.me/KoolKaset หรือ
📨เฟสบุ้คแฟนเพจ https://www.facebook.com/KoolKaset
📨ไลน์แอด @koolkaset หรือ https://lin.ee/zuxViUX
📨ร้านลาซาด้า https://www.lazada.co.th/shop/koolkaset/
📨ร้านช้อปปี้ https://shopee.co.th/kool.kaset
📨ซื้อออนไลน์ ห่างไกลโควิด ส่งไว #ส่งฟรี ยินดีให้บริการ #พร้อมบริการเก็บเงินปลายทาง
#KoolKaset #พืช #เกษตร #แมลง #หนอน #เพลี้ย #ปุ๋ย #กำจัดหญ้า #กำจัดแมลง #ศัตรูพืช #วัชพืช #โรคพืช #ต้นไม้ #เพลี้ยไฟ #เพลี้ยจั๊กจั่น #เพลี้ยอ่อน #แมลงหวี่ขาว #หญ้า #ไร #ผลไม้ #ไม้ดอก
โฆษณา