29 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • ปรัชญา
ชีวิตไม่ใช่การเดินทาง ชีวิตคือการอยู่กับที่
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
1
นักปรัชญาชาวอังกฤษ อลัน วัตต์ส อธิบายเรื่องปัจจุบันขณะโดยตั้งคำถามว่า ทำไมเราจึงควรใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะ?
3
เราได้รับสอนเรื่องใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันเสมอมา แต่น้อยคนที่ทำได้ และคนจำนวนมากไม่รู้ว่าทำไปทำไม
7
เขากล่าวว่า ปกติเวลาเราเดินทางไปไหนมาไหน เราพยายามลดเวลาเดินทาง เพื่อที่จะไปถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด ยิ่งไปถึงจุดหมายเร็วเท่าไรก็ถือว่าเป็น ‘การเดินทางที่ดี’
4
ยานพาหนะทั้งหลายในโลกก็ล้วนออกแบบมาให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นๆ วิถีชีวิตเราเร็วขึ้นทุกที แม้แต่กินอาหารก็มีฟาสต์ฟูด
1
การอ่านก็ต้องเร็วที่สุด เกินแปดบรรทัดถือว่าเสียเวลา
5
ดังนั้นแม้เราจะเดินทางจากจุด ก. ไปจุด ข. มันก็มีแต่การเคลื่อนย้ายตัว ไม่มีประสบการณ์ของ ‘การเดินทาง’ ระหว่างสองจุด เพราะใจเราไม่ได้อยู่ที่ช่วงการเดินทางนั้น
2
อลัน วัตต์ส กล่าวว่า ถ้าคิดแบบนี้ กัปตันที่เก่งที่สุดก็คือคนที่พาเราไปถึงจุดหมายเร็วที่สุด
3
นักดนตรีที่เก่งที่สุดคือคนที่เล่นดนตรีเร็วที่สุด
5
เวลาเราจะชมว่านักดนตรีเล่นเก่ง เราก็ชมคนที่เล่นตัวโน้ตตัวสุดท้าย เราจะชมคนแต่งเพลงที่แต่งแค่ท่อนสุดท้าย
1
เพราะทุกอย่างคือจุดหมายปลายทาง จึงไม่มีการเดินทาง
2
แต่เราทุกคนก็รู้ว่าเวลาฟังเพลงหรือดนตรี เราจะดื่มด่ำกับเนื้อเพลงและเสียงดนตรีตั้งแต่ต้นจนจบ สัมผัสท่วงทำนองของดนตรีทั้งเพลงเท่าๆ กัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดจบ
2
เช่นกัน เวลาเราเต้นรำกับคู่ของเรา เราก็มีความสุขตลอดการเต้นรำนั้น เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าต้องขยับเท้าขยับร่างไปถึงจุดใดจุดหนึ่งบนเวทีลีลาศ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และต้องไปถึงจุดนั้นๆ เร็วที่สุด เราปล่อยให้ใจเราดื่มด่ำกับการเต้นรำ เพราะการเต้นรำไม่ใช่การวิ่งแข่ง มันไม่มีเส้นชัย มันมีแต่ ‘ขณะจิต’ ของการเต้นรำที่ผ่านไปทีละขณะจิต
7
คนจำนวนมากมีความสุขกับการว่ายน้ำเงียบๆ คนเดียว เพราะมันไม่ใช่การแข่งขันไปถึงเส้นชัย มันคือการว่ายน้ำ
4
เมื่อว่ายน้ำอย่างนี้ เราว่ายเพื่อสัมผัสกับน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของน้ำ ความสุขอยู่ขณะที่เราสัมผัสน้ำ ไม่ใช่ตอนที่เราไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง
2
มีแต่เรากับน้ำ มีแต่เรากับปัจจุบันขณะนั้น
มันก็คือการทำสมาธิในรูปว่ายน้ำนั่นเอง
1
ถ้าเราทำอย่างนั้นกับดนตรี การเต้นรำ และการว่ายน้ำได้ ทำไมเราไม่ทำกับการใช้ชีวิตเล่า?
2
นี่ก็คือการใช้ชีวิตกับ ‘ปัจจุบันขณะ’ อยู่กับทุกๆ นาทีของชีวิต ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
มองแบบนี้ ชีวิตก็ไม่ใช่การเดินทางอีกต่อไป แต่เป็นการอยู่กับที่
1
‘ที่’ ก็คือปัจจุบันขณะ
5
แต่เป็นปัจจุบันขณะซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
5
ในโลกยุคใหม่ พ่อแม่หลายคนต้องพาลูกไปเรียนพิเศษหรือดนตรี ระหว่างที่ลูกเรียน ก็นั่งรอ ในสมัยก่อนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต การนั่งรอก็คือการนั่งรอจริงๆ หลายคนจึงหาทางฆ่าเวลา
1
ทำลายเวลาปัจจุบันไป เพราะมองว่าช่วงเวลาของการรอคอยน่าเบื่อสุดทน
แต่หากเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนการรอคอยเป็นการทำกิจกรรมอื่น ก็สามารถมีความสุขจากช่วงเวลาที่ ‘น่าเบื่อ’ นั้นได้ เพราะมันก็คือเวลาเหมือนกัน
4
เมื่อเรามีทัศนคติว่าการรอคอยน่าเบื่อ ไร้ค่า เราก็สูญเสียหนึ่งชั่วโมงนั้นไปจากชีวิตของเรา
4
เช่นกัน หากเราผ่านชีวิตในแต่ละวัน ครุ่นคิดแต่เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น เราก็สูญเสียนาทีนั้นวันนั้นไปจากชีวิตของเรา
6
คนเรามักชอบคิดถึงอนาคต ชอบนำเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดหรืออาจไม่เกิดใช้ในเวลาปัจจุบัน มักอยู่ในรูปของความวิตกกังวล คิดแล้วก็ไม่มีความสุข
3
แต่ลองค้นหาดูให้ดี แล้วบอกซิว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘อนาคต’ อยู่ตรงไหน
4
จะพบว่าเราหามันไม่เจอ
5
ที่หาไม่เจอก็เพราะมันไม่เคยมีอนาคต สิ่งที่เรียกว่าอนาคตเป็นเพียงคอนเส็ปต์ เป็นแค่ความคิดของเรา เป็นวัฒนธรรมของเรา
4
เรากำลังหายใจด้วยอากาศของนาทีนี้ ไม่ใช่อากาศของอนาคต
6
เราอยู่ได้เฉพาะในปัจจุบันขณะเท่านั้น นี่เป็นกฎของจักรวาลที่เราอาศัยอยู่ ไม่ต้องคิดไปเปลี่ยนกฎนี้ มันเป็นอย่างนี้
3
วันพรุ่งนี้ไม่เคยมีตัวตน เราไม่สามารถอยู่ในวันพรุ่งนี้ได้ มันเป็นเพียงภาพลวงตา
6
ดังนั้นการใช้เวลาของวันนี้ไปวิตกเรื่องของวันพรุ่งนี้ จึงเสียเวลาขณะจิตนี้ไปฟรีๆ และก็ไม่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น
นอกจากจะเสียของแล้ว ยังทำให้จิตไม่สงบไปกว่าเดิม
3
คิดแล้วก็อายมนุษย์ยุคหินหากินเลี้ยงชีพไปวันๆ โดยไม่เคยวางแผนการในอนาคต
6
คนเรามักวิตกทุกข์ร้อนในอนาคตที่ไม่ไกลเกินไป เราไม่วิตกกับเรื่องในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า หรืออีกหลายหมื่นล้านปี เมื่อดาราจักรทางช้างเผือกจะชนกับดาราจักรแอนโดรมีดา
1
แน่ละ นิสัยกังวลเรื่องอนาคตไม่ได้แก้ง่าย แต่แก้ได้
2
การแก้นิสัยขี้วิตกกังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึงคือ การพยายามโน้มน้าวใจเราให้เชื่อว่า อนาคตไม่เคยมีอยู่ในจักรวาล ไม่เคยมีมาก่อนที่ไหน มันเป็นเพียงคอนเส็ปต์ จับต้องไม่ได้
5
ในเมื่อเรารู้แล้วว่าอนาคตไม่มีตัวตน ทำไมจึงคิดแต่เรื่องของวันพรุ่งนี้
2
..............
คนจำนวนมากใช้ชีวิตตามแผนการของอนาคตเป๊ะ วัย 30 ต้องมีการงานที่มั่นคง วัย 35 ต้องมีเงินเก็บกี่ล้าน วัย 40 ต้องเป็นเจ้าของกิจการดีๆ สักแห่ง หรืออย่างน้อยก็เป็นผู้บริหารบริษัท วัย 50 จะเออร์ลี รีไทร์ ไปใช้ชีวิตที่เหลือสบายๆ ที่ไร่ริมภูเขาหรือบ้านชายทะเลสักแห่ง
8
และการไปถึงจุดหมายที่กำหนดก็เรียกว่า ‘ประสบความสำเร็จ’
1
แต่ความสำเร็จอาจเป็นคนละเรื่องกับความสุข หลายคนหลงโยงมันเข้าด้วยกัน เมื่อไปถึงจุดหมายแล้ว ก็อาจพบว่ายังไม่มีความสุข
4
แน่ละ การมีแผนอนาคตไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่เราพึงรู้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน ระวังอย่าจมอยู่ในความฝันจนลืมใช้ชีวิตในปัจจุบัน หรือยอมสละความสุขในปัจจุบันอดทนเพื่อจะได้บรรลุความฝันตามวัยที่กำหนดไว้ มันทำให้ชีวิตตกอยู่ในกรอบ ขยับตัวไม่ได้ เพราะเราตีเส้นกำหนดไว้ก่อนแล้ว
3
คนจำนวนมากใช้ชีวิตอยู่ในอนาคต ต้องการแค่ถึงจุดหมาย ทั้งชีวิตเก็บเงินโดยไม่ยอมใช้ คาดหวังว่าเมื่อถึงจุดหมายคือวัยเกษียณ จะเก็บเงินได้มากพอ แต่ถึงจุดจุดนั้น ก็แก่ตัวเสียแล้ว ชีวิตไม่มีการเดินทาง มีแค่จุดหมาย
4
หลายคนไปหาหมอดู เพื่อต้องการรู้จุดหมายหรือคำตอบสุดท้าย
ดังนั้นใช้ชีวิตเหมือนฟังดนตรี หรือเต้นรำ น่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขกว่า เพราะใช้ทุกๆ ตัวโน้ตของบทเพลงแห่งชีวิต
7
การวางแผนในอนาคตก็ทำเพียงแค่แนวทางคร่าวๆ แต่สามารถเปลี่ยนแผนเพื่อให้ชีวิตมีความสุขได้เสมอ
4
ยกตัวอย่าง เช่น เรามีแผนไปพักร้อนที่ภูเก็ต ตามกำหนดคือไปเช็กอินที่โรงแรมที่นั่นเวลาบ่ายโมง แต่ระหว่างทางที่เราขับรถไป พบบึงน้ำร่มรื่นสวยงาม มีฝูงนกมาเล่นน้ำ สายลมเย็นพัดอ่อนๆ เราก็อาจแวะหยุดนอนพักเล่นที่นั่นได้ ไม่จำเป็นต้องเดินตามแผนเดิมเป๊ะ เพราะความสุขที่บึงน้ำก็คือความสุข ทำไมต้องสลัดมันทิ้งเพียงเพื่อจะมีความสุขในอนาคต มันก็คือการใช้ชีวิตตามปัจจุบันขณะ และมันก็อาจเป็นห้วงยามของประสบการณ์ที่ดี
6
ทางเซนมีเรื่องเล่าไว้สอนเรื่องปัจจุบันขณะเรื่องหนึ่งว่า ชายคนหนึ่งเดินทางข้ามป่าและพบเสือตัวหนึ่ง เขาวิ่งหนีเสือไปจนถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง เขาไต่เถาวัลย์ขึ้นผาเพื่อหนีเสือ ระหว่างที่ไต่ก็พบว่าเบื้องบนมีเสืออีกตัวหนึ่งกำลังรอกินเขาอยู่
1
ไม่ว่าจะขึ้นบนหรือลงล่าง เขาก็จะถูกเสือกิน
4
ทันใดนั้นมีหนูตัวหนึ่งแทะเถาวัลย์ที่เขาผูกชีวิตไว้ หากมันขาดเมื่อใด เขาก็ตกลงไปเป็นเหยื่อเสือ สายตาเขาเหลือบเห็นผลไม้ป่าที่สุกแล้วอยู่ใกล้ๆ เขาเอื้อมมือหนึ่งไปเด็ดผลไม้นั้นมากิน แล้วพูดกับตัวเองว่า “รสชาติหวานฉ่ำเสียนี่กระไร!”
7
หากมองดูสัตว์และพืช เราพบว่าพวกมันใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ทีละวัน ต้นไม้รับแสงแดด สุนัข ควายเกลือกตัวในโคลน แมลงดูดน้ำหวานจากดอกไม้ พวกมันไม่ว่างพอจะคิดถึงแต่อนาคต
4
ชีวิตไม่ใช่การไปถึงจุดหมาย แต่คือการใช้ชีวิต สัมผัสความสุขจากการอยู่กับคนรัก การมองตาลูกน้อย การรู้จักสัมผัสความงามของธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหิน สายน้ำ ตะวันขึ้นและตะวันลับฟ้า ดวงดาวบนฟ้า เสียงนกร้อง ฯลฯ
5
เอนจอยชีวิตทุกขณะที่เต้นรำ
2
การอยู่กับปัจจุบันก็คือชีวิต
3
เพราะมันมีแต่ปัจจุบันเท่านั้น
1
หากใช้ชีวิตให้คุ้ม ก็จงใช้เสมือนทุกนาทีในชีวิตที่ดำเนินอยู่ เรากำลังเต้นรำ หรือกำลังเล่นดนตรี หรือกำลังว่ายน้ำเล่น
2
ไม่ต้องคิดถึงตอนจบ หรือจุดหมาย แต่คิดถึงนาทีนี้
1
หากมีเทวดาองค์หนึ่งมาให้เราเลือกว่า อยากได้ชีวิตที่ประสบความสำเร็จในตอนปลายหรือชีวิตที่มีความสุขทั้งชีวิต เราคงตอบได้ไม่ยาก
6
เราต้องเลือกเอา เอาแบบเดินทางไปถึงจุดหมาย สำเร็จแล้ว แก่แล้วก็ตาย หรืออยู่กับขณะนี้
3
เพราะหากเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นส่วนใหญ่ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
15
โฆษณา