Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ประกันตั้งใจ
•
ติดตาม
30 ก.ย. 2022 เวลา 16:20 • สุขภาพ
ปวดคอ บ่า ไหล่ จากนวดไทย ฝังเข็ม สู่มหัสจรรย์แห่ง Shock Wave Therapy
#สำหรับคนชอบอะไรสั้นๆ
●
เราปวดตึง คอ บ่า ไหล่ มากจนไม่สามารถอดทนใช้ชีวิตต่อไปได้
●
เริ่มต้นรักษาด้วยการนวดแผนไทย นวดน้ำมัน นวดๆ ก็ไม่เคยดีขึ้น
●
จากนั้นก็ไปทำการการฝังเข็ม ครอบแก้ว และอบสมุนไพร ซึ่งดีขึ้นอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาเป็นอีก ระยะเวลาที่กลับมาเป็นอีกจากที่เคยเป็น 1 เดือน ก็เป็น 1 สัปดาห์ก็ปวดแล้ว
●
เราไปทดลองคอร์สเครื่อง ultrasound ของคลินิกกายภาพแห่งหนึ่งและพบว่า มันช่วยรักษาได้ดี แต่จากอาการ นักกายภาพแนะนำให้ลองเครื่อง shock wave
●
เราเริ่มปวดหัว ตึงคอ ไหล่ซ้ายและไหล่ขวาตึงทำให้การเอียงคอไปมาทางซ้ายและขวาผิดปกติ
●
วันหนึ่งเราปวดหัวข้างซ้าย ปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่ ทางฝั่งซ้ายของร่างกายทั้งหมด ปวดตึงจนไม่สามารถอดทนได้
●
เราพบคลินิกกายภาพที่เราจำข้อมูลอะไรไม่ได้ แต่หากเราเปิด google “แค่เห็นชื่อ เราจะนึกออกเอง”
●
เราได้ทำการรักษาด้วยเครื่อง ultrasound, เครื่อง shock wave และฝึกกายภาพ
●
เราประทับใจคลินิกกายภาพใกล้บ้านมาก และอาการปวดของเราก็ดีขึ้นเยอะมาก
●
เราฝึกยืด เยียดร่างกาย เพื่อลดอาการปวดตึง ผ่านมาสองเดือนแล้ว เราก็ยังไม่กลับไปเมื่อยเท่าวันนั้นอีก
https://bit.ly/3CmwRIC
“ร่างกาย… นี่มึงจะเล่นกูแล้วจริงๆ หรอวะ”
ยุ่น - ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ
ประโยคกระแทกใจจากหนังไทยชื่อดัง ‘ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ’
‘ปวดตึง คอ บ่า ไหล่’ อาการยอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ และสัญญาณระดับแรกเริ่มของ ‘ออฟฟิศซินโดรม’ ที่บอกว่าระดับแรก ก็เพราะว่ามันมีเลเวลที่ไปได้ไกลกว่านั้นอีกมาก เรายังมีหลังบน หลังล่างที่รอปวดตึง ยังมีเอว สะโพก และแขนขาที่รอเจ็บปวด แม่เจ้า! ชีวิตทำไมช่างโหดร้าย…
เราเข้าสู่วงการปวดคอบ่าไหล่นี้เมื่อ 3 ปีก่อน และเราคิดว่า 80% คงจะเริ่มต้นรักษาอาการกันที่ ‘ร้านนวด’ จะแผนไหนยังไงก็ตามสไตล์แต่ละคน ส่วนเรานิยมนวดแผนไทย ในครั้งแรกเริ่มหมอนวดเริ่มจากมือกับข้อศอก หลังมาๆ หมอนวดทั้งทิ้งตัว และยืนเหยียบบนแผ่นหลัง เราใช้เวลาในวงการนี้อยู่ปีกว่า จากนั้นก็ค่อยๆ ห่างไป
“เราได้ค้นพบศาสตร์ใหม่ของตัวเองนั่นคือ คือการฝังเข็ม ครอบแก้ว และอบสมุนไพร”
ศาสตร์จีนในการรักษาคอ บ่า ไหล่ เยียวยาเราได้ประมาณหนึ่ง โล่งอยู่นานกว่าจะกลับมาปวดอีก และเราได้ใช้เวลารักษากับศาสตร์นี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เดือนละครั้งบ้าง เดือนละสองครั้งบ้าง ตามแต่อาการเจ็บปวดมากน้อย
ทุกคนคงเคยเห็นการยิง Ad หรือโฆษณา ผ่าน social media ที่เล่นกันใช่มั้ย? เราก็เหมือนกัน ‘รักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยเครื่อง shock wave’ อะไรทำนองนี้ จากบรรดาเหล่าคลินิกกายภาพต่างๆ ที่เหมือนเรียนมาจากวิชาการขายคอร์สเดียวกัน นั่นก็เพราะทุกทีต่างมีให้เราลงทะเบียนเข้าทดลองรักษากับทางคลินิกกายภาพเหล่านั้น โดยครั้งแรกจะอยู่ที่ราคา 9XX บาทบวกไปอีกนิดหน่อย
ด้วยความที่เจอโฆษณาพวกนี้บ่อย และอาการเจ็บปวดก็เรียกร้องเหลือเกิน เราจึงตัดสินใจลงทะเบียนทดลองกับคลินิกกายภาพแห่งหนึ่งไป ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งเราว่าคอร์สที่ลงทะเบียนรักษามานั้นจะรักษาด้วยเครื่อง ultrasound หากจะทดลองเครื่อง shock wave จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราเลยตัดสินใจว่า ลองเป็นเครื่อง ultrasound ดูก่อนก็ได้ เพราะตอนนั้นยังไม่สะดวกเรื่องเงินเท่าไหร่ ฮ่า
พอเราได้สัมผัสก็พบว่า เจ้าเครื่อง ultrasound นี้มันมีการปล่อยคลื่นจี๊ดๆ ลงไปที่กล้ามเนื้อตรงปีกไก่ (สะบัก) ของไหล่ทั้งสองข้าง เรื่อยมาถึงกล้ามเนื้อด้านหน้า และแขน ตอนนั้นอาการปวดที่สะบักกับต้นคอเราเบาลงไปประมาณนึง
ครั้งนี้เลยเป็นการเริ่มต้นการรักษาด้วยศาสตร์แห่งเทคโนโลยีกายภาพครั้งแรกของเรา ซึ่งสำหรับเราครั้งนี้มันคือการมาทดลองรักษาด้วยอะไรแบบนี้ดูบ้าง เราเลยไม่ได้ซื้อคอร์สเพื่อเข้ารับการรักษาแบบต่อเนื่อง และอันที่จริงแล้ว คลินิกกายภาพนี้ก็ไม่ได้ฮาร์ดเซลล์ะไรมากมาย เรียกว่า บริการดี และเคารพการตัดสินใจของลูกค้ามากๆ หากใครอยู่แถวรามอินทรา-วัชรพล สามารถสอบถามชื่อคลินิกมาทาง inbox ได้เลยนะ
ภาพจาก https://shorturl.asia/KvgSn รพ.วิภาวดี
หลังจากเราทดลองรักษาครั้งนั้น ราวสองสัปดาห์ เราก็กลับไปรักษากับแพทย์แผนจีนที่เดิม เพื่อทำการฝังเข็มตามคอร์สปกติ ไม่น่าเชื่อเลย คุณหมอบอกกับเราว่า ปีไก่ที่ตึง ไม่ค่อยตึงมากแล้วนะ แต่คอและบ่าขวา ยังตึงแน่นเหมือนเดิม —
ตรงนี้เราขอตัดภาพไปช่วงนึง อาการของเราคือ ปวดหัวและตึงคอด้านซ้ายมากๆ เราเลยขอให้เพื่อนที่เป็นนักกายภาพช่วยคลายให้หน่อย ซึ่งนางก็ใจดีช่วยเหลือเต็มที่ จนนางมาพบว่า การปวดตึงคอและไหล่ซ้ายของเรานั้นเรื่องเล็กมาก แต่อาการตึงคอและไหล่ทางด้านขวาของเราต่างหากที่สาหัส ทำให้การเอียงคอไปด้านซ้ายของผิดปกติ คือ มันมีก้อนแข็งเกาะอยู่เยอะมาก —
จากเหตุนี้เราเลยขอให้หมอฝังเข็มช่วยจัดการอาการตรงนี้ให้ที แต่เหมือนว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร อาจจะต้องฝังเข็มต่อเนื่อง สัปดาห์ครั้งอะไรแบบนี้ โดยที่วันนั้นเรารู้สึกดีและผ่อนคลายขึ้นอีกนิด แต่สุดท้ายไม่กี่วัน อาการตึงพวกนั้นก็ดำเนินต่อไป
ในที่สุดหายนะทางร่างกายก็มาถึง
เราทิ้งช่วงทั้งการฝังเข็มและไปคลินิกกายภาพไปราว 2 สัปดาห์ และในวันหนึ่งซึ่งเป็นเช้าวันเสาร์ เวลาพักผ่อนอันมีค่า เรารู้สึกถึงอาการปวดหัวข้างซ้าย ปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่ ทางฝั่งซ้ายของร่างกายทั้งหมด ปวดตึงจนไม่สามารถอดทนได้อีก เพราะเราไม่มีสมาธิโฟกัสกับอะไรได้เลย มันปวด ตึง และตุบๆ ไปหมด
เราขอให้คุณนึกภาพ ตัวละครที่ชื่อ “ยุ่น” ในหนัง “Freelance ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ที่กำลังนอนหมดสภาพบนพื้นห้องหลังโหมทำงานอย่างหนักไม่หลับไม่นอนติดต่อกันหลายวัน ฉากที่ยุ่นกำลังนึกถึงงานศพตัวเอง นั่นแหละ ฉากนั้นเลย แต่เราดีกว่านิดหน่อยก็ตรงที่ เราไม่ได้อดนอนขนาดนั้น และยังขยับไปหยิบมือถือ พิมพ์ค้นหา “คลินิกกายภาพใกล้ฉัน” เพื่อเอาตัวรอดได้
ข้อมูลที่เรามีเกี่ยวกับคลินิกกายภาพที่เราเคยเห็นผ่านๆ จาก Ad ที่เด้งมาใน Facebook มีเพียงอย่างเดียว คือมันอยู่ใกล้บ้าน ถ้าได้เห็นชื่อก็คงจะนึกออกเอง…
เราพบคลินิกกายภาพที่เราจำข้อมูลอะไรไม่ได้นี้เป็นชื่อแรก อย่างที่บอก “แค่เห็นชื่อ เราจะนึกออกเอง”
คลินิกกายภาพนี้ สำหรับเรามันไปง่ายมากแค่นั่ง MRT สายสีม่วง ลงสถานีวงศ์สว่าง ออกประตู 3 และเดินไปตามถนนรัชดาภิเษกเล็กน้อย เข้าซอยซ้ายมือที่มีโชว์รูมรถ Suzuki ตั้งอยู่ปากทาง แน่นอนว่า ง่ายแค่ไหนเราก็ไม่เดิน ตอนนี้เราต้องการความไว แต่การไปรักษาตัวที่คลินิกกายภาพแห่งนี้จะต้องทำการจองคิวล่วงหน้ามาก่อน ขอบคุณวันเสาร์ที่พระเจ้ายังเมตตา วันนั้นมีคิวให้เราเลือกสองเวลาคือ 15.30 และ 18.00 ตอนนั้นที่เราจองคิวคือเวลาเที่ยงวัน เราต้องอดทนเจ็บปวด และรอคิวอีก 2 ชั่วโมง เอาเถิด ดีกว่าไม่มีคิวให้ไปรักษา
สำหรับขั้นตอนการมาใช้บริการที่นี่ เราแนะนำให้จองคิวผ่าน Line Official ของทางคลินิก เพราะจะต้องทำแบบคัดกรองอาการป่วยโควิดก่อน โดยกรอกรายละเอียดและแนบผลตรวจ ATK ของเราที่ตรวจในรอบ 7 วัน (หากขั้นตอนยังไม่เปลี่ยนแปลง) จากนั้นก็แจ้งประวัติเบื้องต้นของตัวเรา
เมื่อไปถึงเราก็กรอกใบลงทะเบียน และรับทราบวิธีการทำงานของเครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ เช่น เครื่อง ultrasound และเครื่อง shock wave โดยส่วนใหญ่จะเป็นคำถามเพื่อความปลอดภัยที่ละเอียดพอสมควร รวมถึงคำเตือนและการให้ความยินยอมในกรณีต่างๆ เกี่ยวกับการรักษา แนะนำให้ไปก่อนเวลานัดราว 30 นาที
เมื่อเราทำขั้นตอนการลงทะเบียนทั้งหมดเรียบร้อย ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนการเข้ารับการรักษา นักกายภาพจะสอบถามถึงการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เช่น นั่งทำงานยังไง ท่านั่งแบบไหน ส่วนใหญ่ทำกิจวัตรอะไรบ้าง ก็แนะนำให้ตอบไปตามจริงได้เลย เช่น ทำงานออฟฟิศ นั่งหน้าคอม ไม่ค่อยลุกเดิน รู้สึกว่านั่งหลังค่อม คอยื่น บอกไปให้หมด และเหมือนกับว่า นักกายภาพทั้งหลายต่างบรรลุโสดาบันเรื่องสิ่งเหล่านี้กันมาแล้ว ไม่ว่าจะจิ้มตรงไหนก็ล้วนถูกจุดเจ็บปวดไปหมด นักกายภาพคงพึมพำออกมาแหละอว่า “คนก่อนหน้า ก็มาสภาพนี้”
จากนั้นนักกายภาพผู้ช่ำชองจะทำการมาร์คจุดที่เราปวด เริ่มนวดเบาเบา ทาเจลบริเวณที่ปวด และเริ่มต้นใช้เครื่อง ultrasound ก่อน เครื่องนี้เป็นคลื่นความร้อน เราจะรู้สึกร้อนๆ บริเวณจุดปวด จากนั้นมันจะเริ่มส่งกระแสพลังไปตามกล้ามเนื้อของเรา ลงไปเรื่อยๆ เหมือนมีหมดนวดเข้าไปนวดให้เราจากข้างในร่างกาย
นักกายภาพจะถามเราเรื่อยๆ ว่ารู้สึกตรงไหนยังไง ถ้าเราเจ็บร้อน แสบ หรือปวด ไม่ต้องเกร็งหรืออดทนนะ ไม่ไหวก็บอกได้เลย แต่ส่วนตัวเรา เราชอบมาก คือ มันถึงจุดปวด ปีกไก่ที่ปวด และก้อนที่คอ ที่ไหล ที่บ่า ซึ่งมันปวดมากยิ่งตรงคอนะ ถ้ามันปวดมันจะร้าวไปถึงขมับ ทำเราปวดหัวได้
เมื่อผ่าน step เครื่อง ultrasound ไป นักกายภาพได้ประเมินเรามาแล้วแหละว่า สภาพแบบนี้ คงไม่สามารถจบที่เครื่อง ultrasound ขั้นต่อไปจึงเป็นการใช้เครื่อง shock wave หรือที่เป็นคลื่นกระแทก เปรียบเหมือนการปัดเป่ากล้ามเนื้อที่ตึงและเจ็บปวดออกไปจากร่างกาย มันส่งผลแบบเดียวกับเครื่อง ultrasound นะ คือมันส่งกระแสพลังไปตามบริเวณเดียวกัน แต่มันคลายได้ดีกว่าพอสมควร มีการสั่นสะเทือนปึงๆ ปึงๆ โดยเมื่อจบขั้นตอนการรักษาแล้ว นักกายภาพก็จะมานวดผ่อนคลาย ยืดกล้ามเนื้อต่างๆ ของเราอีกพักหนึ่ง
ผลของการรักษาก็คือ เราไม่ทรมานกับอาการปวดตึงที่รู้สึกอย่างมากในตอนแรกแล้ว สามารถเอียงคอด้านที่เคยติดได้มากขึ้น จากที่เคยปวดหัว คอ บ่า และไหล่ โดยเฉพาะทางด้านซ้ายของร่างกายก็เหมือนจะหายวับไป แต่ช้าก่อน…
แต่ไม่ว่าคุณจะไปหาแพทย์แผนไหน ศาสตร์ไหนก็ตาม เขาจะบอกเลยล่ะว่า การรักษาอาการเหล่านี้ให้ดีขึ้นไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว เนื่องจากอาการเหล่านี้มันเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การจัดท่าทาง และการออกกำลังกาย ดังนั้น วิธีป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในระยะยาวจึงเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อในส่วนที่เกี่ยวข้อง และปรับพฤติกรรมของเรานั่นเอง
สำหรับประสบการณ์ของการรักษาด้วยเครื่อง shock wave นั้น ขอบอกเลยว่า เราค่อนข้างประทับใจมาก รวมถึงประทับใจความเอาใจใส่ของนักกายภาพประจำคลินิกด้วย เรารู้สึกว่านี่เป็นการรักษาที่เหมือนส่งทีมหมอนวดเข้าไปจัดการก้อนตึงทั้งหลายให้คลายไป แถมทางคลินิกยังสอนการจัดท่านั่ง ท่าทางการยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งเราจะต้องทำทุก 1 ชั่วโมง
หากเรานั่งทำงาน โดยไม่ยืดเส้นยืดสาย หรือลุกเดินเลย กล้ามเนื้อก็จะเกร็งตึง และกลับมาสะสมเป็นก้อนตึงแบบนี้ใหม่ โดยการรักษาแบบนี้หากจะให้ได้ผลดี ในระยะแรกควรมาทุกสัปดาห์ หลังจากนั้นอาจจะสองสัปดาห์ครั้ง หรือเดือนละครั้ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของเราเอง
หากใครกำลังมองหาลู่ทางใหม่ หรืออยากลองเปลี่ยนวิธีการแก้ไขอาการปวดออฟฟิศซินโดรม ก็ขอแนะนำเจ้าเครื่อง ultrasound และเครื่อง shock wave ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย
ส่วนใครที่สนใจคลินิกกายภาพสาขาใกล้บ้านเราก็สามารถติดต่อไปได้นะ โดยติดต่อไปตามช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย เราคิดว่าเดี๋ยวช่วงเงินเดือนออกเราคงจะต้องกลับไปใช้บริการบ้างแล้ว
“The Move Club คลินิกกายภาพบำบัด”
สาขารัชดา-วงศ์สว่าง
ซอยรัชดาภิเษก 78 ทางเข้ามีโชว์รูมซูซูกิ
Line OA :
bit.ly/LineTMCRatchada
Facebook :
bit.ly/FBTMCRatchada
โทร. : 092-264-2144
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09:00 น. - 18:00 น.
(จองคิวล่วงหน้าเท่านั้น)
Google Map :
https://bit.ly/themoveclubRatchada
“ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตนะ”
ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่อง Shock Wave Therapy
●
https://shorturl.asia/KvgSn
●
https://shorturl.asia/8HROt
ไลฟ์สไตล์
เรื่องเล่า
เทคโนโลยี
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย