3 ต.ค. 2022 เวลา 02:30 • ธุรกิจ
รู้จัก “ธุรกิจผู้ช่วยคนรวย” ที่เปลี่ยนเรื่องจิปาถะ ให้เป็นเงิน หลักล้าน
“ตามหากุญแจบ้าน ที่หายท่ามกลางหิมะในเทือกเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศส”
“ปูพรมให้ทั่วทั้งชายหาด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินเหยียบย่ำทราย”
“เที่ยวพระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย แบบปราศจากนักท่องเที่ยวคนอื่น”
นี่เป็นเพียงตัวอย่างคำขอบางส่วน จากกลุ่มลูกค้าระดับมหาเศรษฐี
ซึ่งตามหลักความเป็นจริง คำขอเหล่านี้ มีโอกาสเป็นจริงน้อยมาก
แต่ใครจะไปคิดว่า ทุกวันนี้มีธุรกิจบริการผู้ช่วยส่วนตัว สำหรับมหาเศรษฐี ที่ชื่อว่า “Quintessentially"
โดยสามารถเนรมิตความต้องการ ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เหล่านั้น ให้เกิดขึ้นได้จริงแล้ว
เรื่องราวของธุรกิจ Quintessentially น่าสนใจอย่างไร ?
แล้วทำไมถึงสามารถจัดการคำขอยาก ๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
1
ธุรกิจ Quintessentially ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ที่สหราชอาณาจักร
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นธุรกิจ มาจากไอเดียของคุณ Aaron Simpson
โดยวันหนึ่งคุณ Simpson ได้ถูกไหว้วานจากคุณ Elton John นักร้องระดับตำนานแห่งเมืองผู้ดี ให้ไปซื้อ Christmas Crackers หรือของเล่นในเทศกาลคริสต์มาส สำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่มีแขกเพียงแค่ 12 คน แต่ปรากฏว่านักร้องคนดังกลับให้เงินเขา สำหรับใช้จ่ายสูงถึงหลักล้านบาท
และเรื่องในวันนั้น ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นแรงบันดาลใจ ให้คุณ Simpson ก่อตั้งธุรกิจ Quintessentially ขึ้น
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรวย ที่ขาดแคลนเวลาสำหรับจัดการเรื่องบางอย่างในชีวิต
ทั้งนี้คุณ Simpson ยังมองว่า เหล่ามหาเศรษฐี ย่อมต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก ที่จะรักษาทรัพย์สินไว้ ดังนั้นธุรกิจของเขาจะเข้ามาช่วยเหลือในจุดนี้
ซึ่ง Quintessentially ยังมีผู้ร่วมอุดมการณ์อีก 2 คน นั่นคือ
คุณ Paul Drummond นักธุรกิจและนักกฎหมาย และคุณ Ben Elliot นักธุรกิจที่ดีกรีเป็นถึง หลานชายของสมเด็จพระราชินีคามิลลา แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งมีคอนเน็กชันแน่นแฟ้นกับราชวงศ์อังกฤษ, ไฮโซ, ดาราฮอลลีวูด และเจ้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
เรียกได้ว่า เป็นการรวมตัวกันของ 3 บุคคล ที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงนักธุรกิจ และมหาเศรษฐีอยู่แล้ว จึงได้แต้มต่อ ทั้งเรื่องคอนเน็กชัน, ความน่าเชื่อถือ และความเข้าใจ ถึงความต้องการของลูกค้าที่อยู่ในระดับเดียวกัน
แล้วรูปแบบการให้บริการของ Quintessentially เป็นอย่างไร ?
บริการของ Quintessentially สามารถสรุปง่าย ๆ ได้ว่า “ธุรกิจผู้ช่วยคนรวย”
1
โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ช่วยจัดหาและอำนวยความสะดวก ตามความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในเรื่องใดก็ได้ ทุกที่ทุกเวลา อย่างไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมาย และไม่ผิดศีลธรรม
แต่การจะใช้บริการได้นั้น ลูกค้าจะต้องเป็นสมาชิก Q Member ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรายปี ในช่วงราคาหลักแสนถึงหลักล้านบาท ตามระดับของสมาชิก รวมถึงลูกค้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ เอง
ทีนี้ ลองมาดูตัวอย่างคำขอจากลูกค้าเพิ่มเติม
- เข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่ฝรั่งเศส แบบส่วนตัว โดยไม่มีกรุ๊ปทัวร์และนักท่องเที่ยว
- อยากได้กระเป๋า Hermes รุ่นลิมิติดอิดิชัน ทำจากหนังจระเข้ที่เลี้ยงในบ่อหินอ่อน ซึ่งมีเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลก
- ต้องการนาฬิการุ่นลิมิติดอิดิชันของ Rolex พร้อมสลักชื่อ เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่ลูกชาย ภายใน 3 ชั่วโมง
ที่น่าสนใจคือ จากตัวอย่างที่ว่านี้ รวมถึงตัวอย่างที่พูดถึงในตอนต้น ล้วนเป็นสิ่งที่ Quintessentially สามารถจัดการให้ลูกค้าได้จริงตามคำขอมาแล้ว
โดยสาเหตุที่ Quintessentially สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทมีเครือข่ายครอบคลุมกว่า 60 เมืองใหญ่ทั่วโลก อย่างในไทย ก็มีพาร์ตเนอร์ธุรกิจ ที่ดำเนินการภายใต้กลุ่มแสนสิริ
นอกจากนี้ บริษัทยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์ระดับพรีเมียมกว่า 400 แบรนด์ เช่น Ferrari, Chanel, Gucci และ British Airways
1
จุดนี้ทำให้ Quintessentially สามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการ ที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก นั่นเอง
ปัจจุบัน แม้ว่าบริษัทจะไม่เปิดเผย จำนวนลูกค้า หรือราคาที่แน่นอนของการเป็นสมาชิก
แต่ก็มีรายงานว่า มหาเศรษฐีอย่าง คุณ Madonna นักร้องไอคอนยุค 80, คุณ Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group และคุณ J.K. Rowling นักเขียนหนังสือเรื่อง Harry Potter เป็นหนึ่งในลูกค้าของบริษัท
และในปี 2017 สำนักข่าว BBC ประเมินไว้ว่า Quintessentially มีลูกค้าประมาณ 100,000 รายทั่วโลก ซึ่งมีลูกค้าประมาณ 800 คน ที่จ่ายค่าสมาชิกสูงถึง 6 ล้านบาทต่อปี
ถ้าคิดแบบง่าย ๆ เท่ากับว่าบริษัทจะมีรายได้อย่างต่ำ 4,800 ล้านบาทต่อปี เลยทีเดียว..
สุดท้ายนี้ ปิดท้ายด้วยคำพูดจากคุณ Aaron Simpson ที่ว่า
“สมาชิกจำนวนมากใช้บริการ Quintessentially เพื่อซื้อเวลา”
ซึ่งประโยคนี้ก็น่าคิดต่อไปว่า หากคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
แล้วทำไมคนรวยถึงเลือกใช้เงิน เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขทางเวลา
หรือเพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลา เพื่อประหยัดเงิน..
โฆษณา