2 ต.ค. 2022 เวลา 01:00 • ความคิดเห็น
ความพิกลพิการของระบบการชำระเงินไทย
ในตอนที่แล้ว เราคุยกันถึงเรื่องว่า ระบบพร้อมเพย์ต้องขยายขีดความสามารถสูงเกินจริงจากการมีธุรกรรมที่กระจุกตัวกันไปแล้ว ในตอนนี้เราจะมาถกกันถึงมุมมองที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยคิด
ใครจะคิดว่าความกล้าที่จะ disrupt ตลาดของธนาคารไทยพาณิชย์ในปี พ.ศ.​ 2561 จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับระบบการชำระเงินของไทย จนกลายเป็นระบบการชำระเงินที่นำหน้าหลาย ๆ ประเทศในโลกเลยทีเดียว ด้วยจำนวนธุรกรรมต่อวินาทีที่สูงหลายพันธุรกรรมต่อวินาที จนเทียบชั้นการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของ VISA เลยทีเดียว
และการที่ต้นทุนของธุรกรรมของผู้บริโภคถูกทำให้ลดลงแทบจะเป็นศูนย์ ทำให้พร้อมเพย์ และแอปธนาคาร กลายเป็นของคู่มือที่แทบจะขาดไม่ได้ หลาย ๆ คนที่ผมรู้จักแทบจะไม่พกเงินสดเลย เนื่องจากเกือบทุกที่ในปัจจุบันรับชำระด้วยพร้อมเพย์แล้ว ส่วนร้านค้าเองก็อยากที่จะรับเงินผ่านพร้อมเพย์ เพราะลดความเสี่ยงในการโกงเงินของพนักงาน ความเสี่ยงในการถูกโจรกรรม และยังมีต้นทุนต่ำกว่าการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตอีกด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ มันทำให้แอปของธนาคาร และระบบพร้อมเพย์ กลายเป็นของที่ขาดไม่ได้ ล่มไม่ได้ เวลามีปัญหา คนจะไม่สามารถซื้ออาหารกินได้ ไม่สามารถลงทุนได้ ไม่สามารถชำระบิลต่าง ๆ ได้ ทุก ๆ ครั้งที่มีปัญหามันจึงกลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคมอยู่เสมอ ๆ
สิ่งที่คนมักมองข้ามก็คือ แล้วเรามีทางเลือกอะไรสำรองล่ะที่อาจจะใช้ทดแทน หรือแบ่งเบาภาระของระบบพร้อมเพย์ได้ คำตอบจริง ๆ คือ มันไม่มี วันนี้ด้วยปริมาณธุรกรรมขนาดนี้ เราไม่มีระบบใดเลยที่สามารถจะมาทดแทนพร้อมเพย์ได้เลย นอกจากจะหันกลับไปชำระผ่านเงินสดเหมือนเดิม
นั่นเป็นเพราะ ความ "ดี" ของพร้อมเพย์ที่มัน "ทันที" "ทันใจ" "ทำที่ไหนก็ได้" "ทำเมื่อไรก็ได้" มาพร้อมกับความ "ฟรี" มันฆ่าทุกสิ่งไปแล้ว มันทำให้คนเลิกถือเงินสด เลิกกดเอทีเอ็ม เลิกพึ่งเช็ค เลิกรอ ระบบอื่น ๆ ที่ช้ากว่า แพงกว่า ไม่สะดวก จึงกลายเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีใครสนใจ โดยเฉพาะในฝั่งของลูกค้าปลีก และร้านค้า
ปกติแล้ว ที่ถูกที่ควร ระบบการชำระเงินต่าง ๆ มันควรจะมีจุดเด่น (niche) ของมัน เพื่อทำให้มันอยู่รอดได้ อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา มีระบบบริการ Automated Clearing House (ACH) ที่รับบริการโอนเงินระหว่างธนาคาร ที่รวบรวมธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างวัน และทำ settlement กันแบบเป็น batch และเป็นแบบ net settlement
ทำให้การประมวลผลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก ลดความเสี่ยงในการทำ settlement และลดต้นทุนในการดำเนินงาน จึงมักจะไม่คิดค่าธรรมเนียม (หากไม่ใช้เกินกว่าที่กำหนด)
ส่วนการโอนเงินแบบทันที ก็มักจะต้องใช้บริการ wire transfer ซึ่งเร็วกว่า แต่มักจะมีค่าธรรมเนียม $10-20 ต่อธุรกรรมเลยทีเดียว
การทำแบบนี้จึงทำให้บริการแต่ละอันมีจุดยืน และคนก็เลือกใช้ตามความจำเป็น หากไม่รีบโอน ก็จะทำผ่าน ACH เพราะฟรี แต่ถ้ารีบก็ทำผ่าน wire transfer เป็นต้น (แต่หลัง ๆ มานี้ ธนาคารถูกบริการอย่าง venmo มา disrupt จึงต้องออกบริการ zelle มาแข่งบ้าง ซึ่งคล้ายกับระบบพร้อมเพย์)
พอโครงสร้างราคาของพร้อมเพย์มันถูกบิดเบือน จึงทำให้จำนวนธุรกรรมส่วนใหญ่มาตกกับพร้อมเพย์นั่นเอง และทำให้แรงจูงใจที่จะทำให้สถาบันการเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยจะลงทุนเพิ่มกับช่องทางการชำระเงินทางเลือกหมดไปเพราะไม่ค่อยเห็นอนาคต เพราะแต่ละช่องทาง ก็มีปริมาณการใช้งานลดต่ำลงทุกที
และนอกจากนั้น ช่องทางการชำระเงินทางเลือกก็ไม่มีการปรับโครงสร้างของต้นทุน และค่าธรรมเนียมให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้อีก (เพราะแข่งไม่ได้เลยเลิกแข่ง) ระบบเหล่านี้จึงมักจะยังถูกใช้โดยภาคธุรกิจ เพราะไปช่องไหนก็ต้องเสียเงินอยู่แล้ว จึงเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับตัวเองจะดีกว่า
ส่วนใครที่จำเป็นต้องใช้ช่องทางชำระเงินเหล่านั้น ก็ซวยไป เช่น หากใครอยู่ต่างจังหวัด มีบัญชีอยู่ใน กทม. จะไปซื้อที่ดิน โดนเจ้าหน้าที่บังคับให้แนบเช็คเป็นหลักฐานการชำระเงิน คนขายที่ดินก็อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเรียกเก็บเช็คนอกเขตสำนักหักบัญชีสูงถึง 0.1% เลยทีเดียว
วันนี้ทางเลือกที่เหลืออยู่ ก็คงอาจจะเป็นการ double down กับระบบพร้อมเพย์ แต่แทนที่จะให้ระบบพร้อมเพย์เป็นระบบกลางที่ดำเนินงานโดยบริษัทเดียว ระบบเดียว เราก็อาจจะต้องมีแผนสำรองที่จะให้มีอีกระบบหนึ่งที่ทำงานในลักษณะคล้ายกันเป็นระบบที่ทำงานคู่ขนานกันเป็นต้น หรือให้ธนาคารพาณิขย์สามารถที่จะ settle รายการแบบทวิภาคี (bilateral) ได้โดยตรง เป็นช่องทางสำรอง หรือช่องทางเลือก เป็นต้น
ส่วนธนาคารเอง ก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินผ่านระบบหน้าบ้านอีกระบบด้วยเช่นกัน เผื่อในกรณีที่ระบบหลังบ้านหนึ่งล่ม จะได้มีแผนสำรองในการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
1
ทั้งหมดนี้ เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถไปสู่สังคมไร้เงินสดที่แท้จริงได้
1
ติดตามอ่านตอนอื่นๆ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
  • เราจะต้องสเกลพร้อมเพย์ไปถึงไหน?
  • ปิดตาข้างหนึ่ง
โฆษณา