1 ต.ค. 2022 เวลา 17:32 • ปรัชญา
1. ตอบข้อที่1 ตายแล้วไปเกิดใหม่เสมอเพราะมีเหตุปัจจัยหรือหัวเชื้อที่นําไปเกิดใหม่คือวิบากแห่งกรรม ภายใต้อวิชชา ตัณหา อุปทานและตัวที่จะไปเกิดคือจิตของเรา ส่วนจะไปเกิดที่ไหนกรรมจําแนกสัตว์ให้ไปเกิดตามสถานที่หรือภพภูมิที่เหมาะสมกับวาระจิตของตนเอง พวกที่สะสมกุศลกรรมมามาก มีสภาวะจิตที่พัฒนาในระดับสูงจะไปเกิดในภพของสวรรค์และพรหมโลกหรือภพแห่งความดีงาม
1
ส่วนพวกที่จิตใจตํ่าช้าทําชั่วสะสมอกุศลกรรมมาทั้งชีวิต ก็จะไปเกิดในภพภูมิเปรต อสูรกายหรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ในความหมายที่ใช้แทนคือนรกภูมิ ส่วนพวกที่ครึ่งๆกลางๆ จะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสิ่งมีชีวิตในจักรวาลอื่นๆ ความหมายของนรก สรรค์แท้จริงที่เป็นสถานที่ เป็นภพในทางวิทยาศาสตร์หมายถึงจักรวาล ในมิติที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสแบบมนุษย์ที่ตามองไม่เห็น เมื่อมองไม่เห็นจึงคิดว่ามันไม่มีอยู่จริง
ดังนั้นตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เมื่อร่างกายสูญสลายแต่จิตวิญญาณยังเหลืออยู่ จิตมนุษย์มีการเกิดดับ อยู่ตลอดเวลา เป็นพลังงานที่อยู่ในตัวมนุษย์ที่ไม่มีวันสูญหาย เมื่อจิตมาครอบครองขันธ์ในภพของมนุษย์ จึงมีร่างกายคือมีรูปรวมกับนามกลายเป็นขันธ์5 แต่ในจิตที่เกิดในภพภูมิอื่นๆ อาจจะมีรูปอย่างเดียว หรือมีนามอย่างเดียว ( มีแต่จิต) หรือมีทั้งรูป+นาม ทั้งนี้กรรมจะทำหน้าที่กําหนดภพภูมิให้กับจิต กรรมจึงจําแนกสัตว์เสมอ
1
2. ทําไมคนเรามุ่งจะไปสวรรค์มากกว่าไปนิพพาน
เพราะว่าคนเรายังมีอวิชชาหรือความไม่รู้อยู่ในตัว คือไม่รู้ทุกข์ ต้องการแสวงหาความสุข ไม่รู้ว่าตัวเองถูกขับเคลื่อนภายใต้กิเลส ตัณหา อุปาทาน คนเราจึงต้องการทําความดีละเว้นความชั่ว เพื่อแสวงหาความสุขและพ้นไปจากทุกข์โดยมุ่งไปสวรรค์เพราะเชื่อว่าเป็นสภาวะสุขยิ่งที่มีแต่แสงสว่าง เทวดา นางฟ้า แก้วแหวนเงินทอง สามารถเนรมิตอะไรขึ้นมาก็ได้ ทั้งนี้ความต้องการนี้ยังอยู่ภายใต้กิเลส ที่แม้จะเกิดเป็นเทวดาก็ยังไม่สามารถหลุดออกไปจากสังสารวัฏได้
แต่กระนั้นก็ยังมีคนที่พอใจอยู่แค่นี้ คือยกระดับจิตขึ้นเป็นคนดีที่ยึดติดในสุข ยังไม่ต้องการหลุดพ้นอย่างแท้จริง เมื่อกุศลกรรมหมดลงและไม่สามารถ รักษาสภาวะจิตให้อยู่ในระดับเดิมได้ เมื่อถึงอายุขัยจิตก็จะเคลื่อนย้ายภพลงตํ่าหรือขึ้นสูงวนไปในสังสารวัฏ ส่วนคนอีกประเภทที่ปฏิบัติธรรม มีจิตแน่วแน่ที่จะไปนิพพาน ย่อมรู้แล้วว่า สวรรค์หรือพรหมโลกไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง เพราะยังติดอยู่ในสุขหรือทุกข์หรือเป็นโลกียะ ต้องการหลุดพ้นไปจากสภาพปรุงแต่งทั้งสุขและทุกข์ในโลกุตระซึ่งมีในนิพพาน
หมายเหตุ :
นิพพานเป็นสภาวะที่ดํารงค์อยู่โดยไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นสภาวะที่ดับไปแล้วซึ่ง อวิชชา กิเลสและกองทุกข์ เป็นอสังขตธรรมหรือโลกุตระสภาวะที่พ้นไปจากโลก เป็นเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา ในขณะที่โลกที่เราอาศัยอยู่เป็น สังขตธรรมหรือโลกียะ ซึ่งไม่พ้นไปจากสุขหรือทุกข์ มีปัจจัยปรุงแต่งอยู่เสมอๆ มีการเกิด การตาย การแปรสภาพ การหมุนวนเป็นวัฏจักรไปมา มีกิเลส ตัณหา อุปทาน มีสังขารปรุงแต่งไปมา มีดีมีชั่ว มีรวยมีจน มีโกรธมีเกลียด ดีใจเสียใจ และถูกควบคุมด้วยกฏแห่งกรรม
ใครได้ไปสู่นิพพานย่อมไม่กลับมาเกิดอีกและพ้นไปจากสังสารวัฏที่วนเวียนไปมาไม่มีที่สิ้นสุด เราทําอกุศลกรรมย่อมไปสู่อบายภูมิ ถึงทำกุศลกรรมก็ยังต้องติดอยู่ในโลกของเทวดา และพรหมโลก ถึงแม้ดูเหมือนจะมีความสุขก็ยังเป็น สังขตธรรมที่มีสภาพไม่แน่นอน ยังต้องมาเกิดใหม่อยู่เรื่อยๆในสังสารวัฏ ซึ่งก็เหมือนการติดอยู่ในขอบเขตหรือกรอบอะไรบางอย่างที่ไม่มีอิสระภาพที่แท้จริง
โฆษณา