2 ต.ค. 2022 เวลา 01:20 • ประวัติศาสตร์
มิคาอิล พานิคาคาร์ (Mikhail Panikakha) ทหารโซเวียตที่ยอมเผาตัวเองไปพร้อมกับรถถังของฝ่ายเยอรมัน (ครบรอบ80ปี)
ภาพวาดของมิคาอิล
เพื่อรำลึกเหตุการณ์วันที่เขาได้เสียสละชีวิครบรอบ 80 ปีในวันนี้ จึงอยากนำเรื่องราวของมิคาอิลมาเผยแพร่อีกครั้ง
มิคาอิลเกิดเมื่อปี 1914 ที่หมู่บ้าน Mogilev ประเทศยูเครน(ในปัจจุบัน)
เขาเรียนจบเพียงชั้นประถม หลังจากนั้นก็ดำรงชีพโดยการทำไร่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งพ่อของมิคาอิลเป็นทหารรัสเซียและเสียชีวิตลง
เขาจึงเติบโตมาโดยที่มีแม่และพ่อเลี้ยงคอยดูแล
มิคาอิลสมัครเป็นเข้าเป็นทหารและอยู่ในหน่วยทหารราบ-นาวี กองเรือแปซิฟิก ของโซเวียต (วาซิลี ไซเซฟ พลซุ่มยิงชื่อดังก็เป็นทหารเรือในกองเรือแปซิฟิก ที่มารบที่สตาลินกราดเช่นกัน ทหารราบนาวีคือนาวิกโยธินนั้นเอง แต่การเรียกในขณะนั้นเรียกว่า Naval infantry)
ทหารราบนาวี
ในช่วงศึกสตาลินกราดตัวเขาเองได้สมัครโยกย้ายจากกองเรือแปซิฟิกและมาที่กรมทหารปืนเล็กยาวที่883 ซึ่งหน่วยนี้ขึ้นตรงกับกองทัพที่62 ที่กำลังรักษาเมืองสตาลินกราดอยู่
ในช่วงเดือนกันยายน 1942 ภารกิจหลักของทหารเยอรมันคือเข้ายึดทางใต้และใจกลางเมืองสตาลินกราด ซึ่งทหารเยอรมันก็ทำได้แทบทั้งหมด เหลือเพียงพื้นที่เล็กๆริมฝั่งแม่น้ำวอลก้าซึ่งทหารโซเวียตยังรักษาไว้ได้ ซึ่งไม่ได้มีผลอะไรกับการรบมากมายนักตามทัศนคติของทหารเยอรมัน
เมื่อสามารถยึดใจกลางเมืองได้แทบทั้งหมด ในเดือนตุลาคม 1942 ทหารเยอรมันได้รับภารกิจในการยึดเขตโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองสตาลินกราด
ทหารเยอรมันในการรบในเขตโรงงานอุตสาหกรรมของเมืองสตาลินกราด
โดยโรงงานหลักๆมีชื่อดังนี้
1.โรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ ซึ่งในช่วงสงครามถูกแปรสภาพให้กลายเป็นโรงงานผลิตรถถัง และเป็นโรงซ่อมด้วย
2.โรงงานผลิตปืนและอาวุธที่ชื่อ Barricade
3.โรงหลอมเหล็ก Red october
หน่วยของมิคาอิลได้รับคำสั่งให้ป้องกันโรงงาน Red october factory
มิคาอิลได้ขุดหลุมบุคคลเพื่อรอรับการโจมตีจากฝ่ายเยอรมัน (ตำแหน่งหลุมที่เขาขุดก็คือตรงจุดที่ตั้งของอนุสาวรีย์ในปัจจุบัน)
วันที่ 2 ตุลาคม 1942 รถถังและทหารราบของฝ่ายเยอรมันเริ่มเข้าตี
ในการโจมตีระลอกทหารเยอรมันถูกปืนใหญ่และปืนไรเฟิ้ลต่อสู้รถถังของฝ่ายโซเวียตระดมยิงเข้าใส่จำนวนมาก จนทำให้ต้องล่าถอยไป
หลังจากทางเยอรมันปรับกำลังใหม่มีการส่งทหารราบและยานเกาะเข้ามาเพิ่มเติม หมายจะตีฝ่าแนวตั้งรับชองทหารโซเวียตให้ได้ในครั้งที่ 2 นี้
ฝ่ายทหารโซเวียตนั้นกระสุนเริ่มหมดลง ตัวมิคาอิลเองมีเพียงระเบิดมือและระเบิดขวด2 ใบ
การบุกระลอก2 ของฝ่ายเยอรมันในบริเวณที่เป็นหลุมบุคคลของมิคาอิล ทหารเยอรมันใช้รถถังประมาณ 7 คันวิ่งตรงเข้ามา
มิคาอิลรอจังหวะให้รถถังเข้ามาใกล้พอที่จะโยนระเบิดเพลิงใส่รถถัง เมื่อรถถังเข้ามาในระยะปาระเบิดเพลิง
ภาพวาดขณะที่ตัวของมิคาอิลที่ไฟกำลังลุกไหม้ วิ่งถือระเบิดเพลิงเข้าใส่รถถังเยอรมัน)
มิคาอิลได้ลุกขึ้นปา ในจังหวะที่กำลังจะปาระเบิดขวด ขวดแรก ทันใดนั้นกระสุนปืนกลของทหารเยอรมัน ยิงเข้ามาถูกขวดระเบิดเพลิง ทำให้น้ำมันในขวดกระจายและลุกไหม้ตัวของมิคาอิล
ในระหว่างที่ไฟกำลังไหม้ตัวของมิคาอิลนั้น เขาได้ตัดสินใจวิ่งขึ้นจากหลุมพร้อมกับหยิบระเบิดเพลิงขวดสุดท้ายในมือ กระโดดขึ้นหลังรถถังคันที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับนำระเบิดขวดไปโยนใส่ห้องเครื่องด้านหลังของรถถังฝ่ายเยอรมัน ทำให้รถถังคันดังกล่าวเกิดเพลิงไหม้ เป็นเหตุให้รถถังที่เหลือถอยกลับไป
มิคาอิลได้เสียสละชีวิตในวันที่ 2 ตุลาคม 1942 ศพของเขาถูกนำไปฝังใกล้กับ โรงงาน Red october (ซึ่งไม่ห่างจากจุดที่เสียชีวิตมากนัก)
ด้วยวีรกรรมของมิคาอิลในครั้งนั้น จึงทำให้เขาเป็นหนึ่งในทหารโซเวียตที่ได้รับรางวัลวีรชนแห่งสหภาพโซเวียต ซึ่งถือเป็นรางวัลสูงสุด
อนุชนรุ่นหลังมีการสร้างอนุสาวรีย์ที่จุดที่เขาได้วีรกรรม เป็นประติมากรรมรูปมิคาอิลที่ตัวกำลังลุกไหม้ทำท่ากำลังกระโจนเข้าใส่รถถัง
อนุสาวรีย์
อนุสาวรีย์ถูกตั้งอยู่ที่เมืองโวลโกกราด หรืออดีตสตาลินกราด ตรงสีแยก ระหว่าง ถนน Metallurgists Avenue และ ถนนTarashchantsev ซึ่งเป็นจุดที่เขาได้ทำการเผาตัวเองและรถถังเยอรมันไปพร้อมกัน
และรวมไปถึงในพิพิธภัณฑ์สตาลินกราดภาพเขียน 360องศา เป็นภาพวิวรอบเมืองสตาลินกราดในช่วงที่มีการรบนั้น ก็มีการวาดภาพของมิคาอิลกำลังวิ่งไปที่รถถังขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ตัวเขาอยู่ และที่เนิน Mamayev kurgan อนุสรณ์สถานหลักของเมืองสตาลินกราดก็มีป้ายหินอ่อนสลักชื่อของมิคาอิล เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
ป้ายจารึกชื่อของมิคาอิล ที่อนุสรณ์สถาน Mamayev kurgan
โฆษณา