Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
nothing but movie
•
ติดตาม
4 ต.ค. 2022 เวลา 04:04 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
คิดถึง หวงอี้ ผู้ทลายนภานิยายกำลังภายใน
หวงอี้ทลายนภาจากไปเมื่อ 5 ปีกว่าแล้ว มาคิดๆดู หลังแกจากไป ก็ไม่มีนิยายจีนเรื่องไหนสร้างกระแสให้รู้สึกอยากอ่านได้แล้ว 5 ปีที่ผ่านมาเลยกลายเป็นหยิมงานเก่ามาอ่านซ้ำเสียมากกว่า
ในโลกนิยายกำลังภายในยุคใหม่มีคำกล่าวไว้ว่า Jin Gu Laing เป็นสามเสาหลัก Jin คือกิมย้ง GU คือโกวเล้ง Laing คือเนี่ยอู้ซ็ง ต่อมาก็เพิ่มหวงอี้เข้าไปอีกหนึ่งเป็น Jin Gu Laing Huang สี่ปรมาจารย์กำลังภายในยุคใหม่ พวกเขาล้วนแล้วแต่สร้างนิยายกำลังภายในให้ขึ้นมาสู่ระดับแนวหน้า เทียบชั้นวรรณกรรมชั้นดี เป็นขวัญใจนักอ่าน นิยายกำลังของพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่สร้างรูปแบบใหม่ของหนังสือกำลังภายในยกระดับศิลปะงานประพันธ์ขึ้นมา
เนี่ยอู้เซ็งและกิมหยงเกิดขึ้นในแวดวงวรรณกรรมกำลังภายในพร้อมๆ กันในยุค 1950 งานของพวกเขานำเอากำลังภายในยุคเก่ามาผสมผสานกับเทคนิคการเขียนยุคใหม่ ก่อเกิดเป็นแนวทางใหม่ของนิยายกำลังภายในที่สะท้อนถึงความรักชาติ ในขณะที่โกเล้งผู้ตามมาทีหลังอาศัยความเป็นเจ้าแห่งสำบัดสำนวน เมื่อค้นพบตัวเองในงานเขียนได้เขาก็ถล่มตลาดหนังสือกำลังภายในด้วยนิยายกำลังภายในเชิงปรัชญาการดำเนินชีวิต สร้างโลกของตนเองขึ้นมา ไม่ต่างอะไรกับหว่องคาไวที่มีอิทธิพลต่อวงการหนัง"คนเหงา"ในยุค 90 ต่อเนื่องจนถึง 2000
แต่เมื่อกิมย้งยุติการเขียนในปี 1972 แล้วตามด้วยโกวเล้งเบื่อหน่ายรสเมรัยในโลกมนุษย์ขึ้นไปดื่มน้ำจันทร์บนสรวงสวรรค์ เนี่ยอู้เซ็งก็อำลายุทธภพเลิกเขียนไปอยู่ออสเตรเลีย หนังสือนิยายกำลังภายในที่กำลังมาแรงในยุค 60-70 เหมือนกับขาดตอนไปทันที นักเขียนหน้าใหม่ๆ ที่พอมีชื่อเสียงระดับตามมาไม่ว่าจะเป็นอึ้งเอ็ง อุนซุยอัน ก็ยังไม่สามารถสร้างผลงานได้เทียบเท่ากับผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 กลายเป็นสุญญากาศหางานดีๆในช่วงนี้ได้ยาก
ยิ่งนิยายกำลังภายในของนักเขียนอื่นก็เหมือนลอกกันมา เนื้อหาเต็มไปด้วยการล้างแค้น ทำให้ยุค 1980 ถึง 1990 นิยายกำลังภายในตกต่ำสุดขีด
การเกิดขึ้นมาของนิยายกำลังภายในอิงประวัติศาสตร์เรื่องขุนศึกสะท้านปฐพีหรือ ในปี พ.ศ.2530 เป็นจุดเริ่มต้นของความหวังเล็กๆ ในการปลุกความคึกคักให้หนั
งสือกำลังภายในจากนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่าหวงอี้ เป็นประกายเพียงจุดเดียวในโลกวรรณกรรมกำลังภายในของฮ่องกงและไต้หวัน เกิดขึ้นมาในยุคแห่งสุญญากาศนิยายประเภทนี้ที่ห่างหายงานในระดับสร้างปรากฏการณ์มานาน
ขุนศึกสะท้านปฐพีอาจจะไม่ใช่งานชิ้นเอก แต่มันเป็นงานทดลองที่หวงอี้เฝ้ามองวงการนิยายกำลังภายในจนคิดค้นสูตรสมการความสำเร็จของตนเองขึ้นมา เขามักจะพูดว่าความสำเร็จของเขามาจากสูตรดั้งเดิมของนิยายกำลังภายในบวกกับสิ่งใหม่ที่พยายามใส่เข้าไป นั่นก็คือสูตร
1 บวก x
1 ก็คือรูปแบบงานกำลังภายในสูตรดั้งเดิม ส่วน x ก็คือการแทนค่าด้วยสิ่งใหม่ในงานประเภทนี้ x เป็นอะไรก็ได้อาจจะเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นอภิปรัชญาเป็นตรรกะ เป็นความรักโรแมนติก ประวัติศาสตร์ และเมื่อบวกด้วยสูตรดั้งเดิมมันจึงกลายเป็นสิ่งใหม่ หวงอี้ทดสอบสูตรนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เทพมารสะท้านภพ เทพทลายนภา ผู้พิชิตดาราจักร เป็นงานที่หวงอี้พยายามใช้สูตรนี้เพื่อค้นหาความสำเร็จ
จนมาประสบความสำเร็จในระดับสร้างปรากฏการณ์ให้นิยายกำลังภายในผสมวิทยาศาสตร์ในเจาะเวลาหาจิ๋นซี เมื่อหน่วยรบพิเศษเซียงเส้าหลงจากทศวรรษที่ 20 ประสบเหตุต้องย้อนเวลากลับไปเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว และต้องช่วยฉินอ๋องให้ลงหลักปักฐานมั่นคงเพื่อที่จะเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ในอนาคต ต้องต่อสู้ทางการเมืองกับแว่นแคว้นต่างๆ นิยายกำลังภายในผสมวิทยาศาสตร์เรื่องนี้โด่งดังทะลุฟ้าขายดิบขายดีและเปิดเส้นทางใหม่ให้กับงานวรรณกรรมกำลังภายในที่ห่างหายไปนานแล้ว
เมื่อมองไปในชีวิตของหวงอี้ในวัยเยาว์และวัยหนุ่มของเขานั้น หวงอี้เคยบอกว่าชีวิตเขาค่อนข้างธรรมดาและน่าเบื่อมาก ความสุขที่สุดของเขาก็คือการได้อยู่บ้านดูหนังต่อสู้กังฟู หวงอี้มีปู่ที่คลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้มากไม่ว่าจะเป็นหนังหรือนิยายกำลังภายใน แล้วปู่ของเขามักจะเช่านิยายกำลังภายในกลับมาอ่านที่บ้าน หวงอี้ก็ได้อ่านตามปู้ไปด้วย
"กิมย้งคือจุดสุดยอดของนิยายศิลปะการต่อสู้กำลังภายในแบบดั้งเดิม เขาเป็นเสมือนหลุมดำของวงการนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างนิยายกำลังภายในแบบดั้งเดิมบนพื้นฐานที่กิมย้งสร้างสรรค์ออกมา " หวงอี้คิดอย่างนี้ดังนั้นเขาจึงสร้างแนวทางใหม่ 1 + x = ทิศทางใหม่ของหนังสือกำลังภายใน
แต่ก่อนที่เขาจะคิดค้นสูตรนี้ได้สำเร็จนั้นหวงอี้รู้ดีว่าสร้างนิยายกำลังภายในที่ดีขึ้นมาเป็นเรื่องยาก
"ในเวลานั้นกิมย้งเป็นสุดยอดของนักเขียนและนิยายกำลังภายใน กิมย้งเปรียบเสมือนหลุมดำในฐานะที่เป็นหลุมดำของวงการกำลังภายใน มันจะไม่มีหนังสือหรือนิยายเรื่องไหนที่จะเปล่งแสงหรือมีประกายออกมาได้จากหลุมดำ เมื่อนักเขียนยังทำงานแบบเดิมๆ บนพื้นฐานที่กิมย้งวางไว้"
แต่โชคก็ยังเข้าข้างหวงอี้ เมื่อในยุคที่เขาเริ่มเขียนหนังสือเป็นยุคที่ขาใหญ่แห่งวงการกำลังภายในทุกชื่อล้วนแล้วแต่ล้างลาววงการเกษียณไปหมดแล้ว งานยุคแรกๆของเขาก็ยังมีส่วนผสมของกิมย้งอยู่บ้าง ใช้เวลาอยู่พอควรกว่าจะหาแนวทางของตนเองพบ
หวงอี้มองไปที่งานอีกประเภทนั่นก็คือนิยายวิทยาศาสตร์ ทั้งกิมย้งและโกวเล้งไม่ได้เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ ดังนั้น เขาใช้เวลาช่วงกลางวันทำงานประจำที่แสนน่าเบื่อและเมื่อสนธยาเยือนนั่นคือเวลาของเขาเวลาที่เขาจะจมดิ่งกับจินตนาการสร้างสรรค์นิยายวิทยาศาสตร์ขึ้นมา เมื่อตัดสินใจจะสู้กับการเป็นนักเขียน เขาใช้เวลา 1 สัปดาห์เขียนนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องแรกนั่นก็คือ Moon Demon แล้วส่งไปยังบรรณาธิการสำนักพิมพ์ให้พิจารณา แม้ Moon Demon จะไม่ได้รับการตีพิมพ์แต่บรรณาธิการขอนัดพบเขาเพื่อเสนอแนะ ให้กำลังใจ
"ผมต้องการท้าทายเหย่งคังด้วยนิยายวิทยาศาสตร์ แล้วผมก็เอานิยายวิทยาศาสตร์มาใส่ในกำลังภายใน" หวงอี้บอกต่อบรรณาธิการซึ่งเห็นแววในการผลักดันนักเขียนหน้าใหม่คนนี้ต่อไป
ในปี 2531 หวงอี้เขียนหนังสือออกมาที่ประสบความสำเร็จเป็นเล่มแรก นั่นก็คือ Broken Void หรือเทพทลายนภา จนทำให้เขาลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮ่องกงและเลือกใช้ชีวิตอย่างสันโดษบนเกาะลันเตาเพื่อสร้างสรรค์งานวรรณกรรม ในช่วงนั้นชีวิตบนเกาะลันเตาของหวงอี้เต็มไปด้วยความสงบสุขเหมือนกับว่าเขาอาศัยอยู่ในภาพวาด
บ้านของหวงอี้หันหน้าเข้าหาทะเลมีป่าไม้เขียวชอุ่มขนาดใหญ่ตามแนวชายฝั่งโอบกอดอยู่ด้านหลัง เขาออกแบบโต๊ะเขียนหนังสือเองมีหนังสือทุกวางอยู่บนโต๊ะสูง เขาไม่มีเวลาในการเขียนที่แน่นอน บางทีก็อาจจะตี 2 ถึงรุ่งเช้า หรือบางครั้งก็อาจจะเขียนในตอนกลางวัน แต่กฎข้อเดียวของเขาคือบ๊อบ ดีแลน ใช่แล้วครับเวลาที่หวงอี้เขียนหนังสือเขาขาดเพลงของบ๊อบ ดีแลนไปไม่ได้
เขาจะเปิดเพลงของบ๊อบ ดีแลนให้ดังที่สุดเพื่อกระตุ้นจินตนาการสร้างอารมณ์ให้อยากเขียนหนังสือ และเนื่องจากทำเลที่เขาอยู่นั้นทั้งหุบเขามีบ้านเพียงไม่กี่หลัง มันจึงไม่มีเพื่อนบ้านมาก่นด่าเพราะเสียงเพลงมารบกวน
ถ้าหากไม่ได้เขียนหนังสือหรือพักผ่อนชีวิต โดยทั่วไปของเขาก็สงบสุขเหมือนกับที่หวงอี้บอกว่าชีวิตของเขาไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีอะไรน่าค้นหา มันมีแต่ความสงบ มีการเล่นกู่เจิงเป็นงานอดิเรก เขาชอบกู่เจิงมาตั้งแต่เด็ก รวมไปถึงการดำน้ำลึกที่เขาได้รับใบอนุญาต เขาชอบความรู้สึกอยู่ใต้น้ำเพราะหวงอี้ค้นพบว่าเมื่ออยู่ใต้น้ำแรงดันของน้ำจะทำให้น้ำหนักตัวลดลง สภาพแวดล้อมที่ปราศจากน้ำหนักเช่นนี้เป็นจุดที่เขาชื่นชอบมากๆ
นอกจากนั้นเขาก็ยังเล่นวีดีโอเกมโดยเฉพาะเกมที่ดัดแปลงมาจากนิยายของเขา ส่วนกเกมโปรดที่สุดของเขาก็คือ Fallout ที่หวงอี้บอกว่าบางทีก็เล่นมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
ในหนังสือนิยายของเขาจะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่ และตัวละครของหวงอี้บ่อยครั้งที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ต่างกับกิมย้งที่อาศัยประวัติศาสตร์คือฉากหลัง แต่หวงอี้คือการเข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์ ในสายตาของหวงอี้แล้วประวัติศาสตร์ก็เหมือนกับกระดานหมากรุกเขาสามารถย้ายหมากรุกทุกตัวบนกระดานเพื่อให้เกมของเขาออกมายอดเยี่ยม
หากคุณต้องการเข้าใจนิยายกำลังภายในของหวงอี้ ต้องทราบว่านักเขียนที่มีอิทธิพลต่อหวงอี้มากที่สุดมี 2 คน คือ กิมย้งและซือหม่าหลิง(หนังสือนิยายของซือหม่าหลิงขายได้น้อยมากเมื่อเทียบกับนักเขียนคนอื่น จนแฟนนิยายกำลังภายในยังไม่รู้จักว่ามีนักเขียนชื่อนี้ แต่เขาได้รับการยอมรับจากแวดวงวรรณกรรมว่าเป็นอัจฉริยะ ซือหม่าหลิงถูกประเมินต่ำเกินไป แต่งานของเขาก็ได้รับการวิจารณ์ว่ายากเกินไปเพราะวางกับดักในพล็อตที่ค่อนข้างฉลาด ผู้อ่านจึงต้องตีความคิดตามเยอะ ถึงกับบอกว่างานเขาเหมาะกับคนไอคิวสูง)
หวงอี้คิดว่าซือหม่าหลิงเป็นสุดยอดของไต้หวัน เพราะความตั้งใจในการทำงานนั้นลึกซึ้ง และรู้จักแก่นแท้ธรรมชาติของมนุษย์เอามาเปิดเผยในงานของเขา หวงอี้เคยกล่าวไว้ว่าเมื่อเขาเขียนนิยายกำลังภายในเขาเน้นเป็นพิเศษที่จิตวิญญาณ
ซือหม่าหลิงมีอิทธิพลต่องานเขียนของเขามาก นอกจากนี้นวนิยายของเขามักอ้างอิงมาจากแหล่งต่างๆ มากมาย เนื้อหาที่ครอบคลุมหลากหลายด้านทั้งประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฮวงจุ้ย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหวงอี้เป็นนักอ่านตัวยงเขาอ่านหนังสือทุกประเภท ไม่มีรูปแบบที่จำกัด มันจึงทำให้จินตนาการของเขาแข็งแกร่งเต็มไปด้วยความรู้มากมาย และมีคนอย่างนี้เท่านั้นที่สามารถสร้างนวนิยายที่น่าสนใจต่างๆ ออกมาได้อย่างไม่ขาดสาย
เพียงแต่ว่างานของหวงอี้ไม่สามารถที่จะรักษาความสม่ำเสมอของงานเขียนตนเองได้ หลายครั้งที่รวบรัดและบางครั้งก็ปล่อยให้เรื่องยืดยาวเกินจำเป็น รวมไปถึงพยายามใส่สิ่งที่เขาสนใจทั้งดาราศาสตร์และฮวงจุ้ยเข้ามามีบทบาทมาก จนทำให้ตัวเนื้อเรื่องของนิยายไม่เดินไปข้างหน้า มันจึงทำให้งานของหวงอี้ยังไม่ใช่ภูษาไร้ตะเข็บอย่างแท้จริง แต่กระนั้นเขาก็คือหนึ่งในนักเขียนทรงอิทธิพลมากที่สุดร่วมยุคสมัยเดียวกับเรา
ถึงหวงอี้จะทลายนภาไปอยู่ในภพภูมิอื่นแล้ว แต่ต้องยอมรับโดยสนิทใจว่าเขาคือหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้นักเขียนรุ่นใหม่ๆ เขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์กันมากขึ้น มันล้วนแล้วแต่สืบสายมาจากงานของหวงอี้ทั้งนั้น เหมือนกับกิมย้งเป็นต้นแบบให้นิยายกำลังภายในรุ่นหลังลอกแบบมาฉันใด งานอิงประวัติศาสตร์ของหวงอี้มันก็คือต้นทางให้นิยายจีนอิงประวัติศาสตร์เกิดขึ้นฉันนั้น
.
ภาพยนตร์จีน
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย