เยอรมันตะวันออกประท้วงหนักหลายหมื่นคน กระจายไปสิบกว่าเมือง ออสเตรียเข้าข้างรัสเซีย ฮอลแลนด์ส่อแววอาหารขาดแคลน อังกฤษไม่เลิกประท้วง
ภายหลังจากการรวมประเทศของเยอรมัน ผู้ประกอบการจากฝั่งตะวันตกของประเทศเยอรมันได้ขยายธุรกิจไปสู่ดินแดนตะวันออก ภายใต้ข้ออ้างของความรู้สึก "พี่น้อง" ส่งผลให้เกิดการควบรวมและเข้าซื้อกิจการนั้น
ก่อให้เกิดความยุ่งยากและความลำบากทางเศรษฐกิจของพี่น้องทางฝั่งตะวันออกเป็นอันมาก ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจชาวเยอรมันได้กล่าวไว้
โรงไฟฟ้าเยอรมันตะวันออก
นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ความรู้สึกต่างๆของชาวเยอรมันตะวันออก อาจอธิบายได้จากความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ประสบการณ์และความทรงจำที่ผ่านมาของผู้คนในพื้นที่ ยังคงรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้สงครามไปพร้อมกับรัสเซีย สมัยตอนสงครามเย็นสิ้นสุด
นักการเมืองชาวเยอรมัน Frank Richter กล่าวว่าประชาชนที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกของเยอรมนี ส่วนใหญ่จะสนับสนุนรัสเซีย แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อรัสเซียกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา และไม่สนับสนุนการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
Richer กล่าวต่อว่า ทุกคนเรียกร้องหามิตรภาพระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย เหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งคล้ายกับความร่วมมือระหว่างสหภาพโซเวียตและเยอรมัน
และด้วยความรู้สึกดังกล่าวเป็นลักษณะเฉพาะของชาวเยอรมนีตะวันออก ซึ่งอาจจะแตกต่างจากความเห็นของผู้คนในฝั่งตะวันตก และสังเกตว่ารถยนต์ที่มีป้ายทะเบียนยูเครนมักมีรอยขีดข่วน โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีตัวอักษร Z สลักอยู่บนนั้น
วันนี้หลายเมืองฝั่งเยอรมนีตะวันออก มีการประท้วงต่อต้านแนวทางทางการเมืองของเบอร์ลิน ผู้ประท้วงแสดงความไม่พอใจต่ออัตราเงินเฟ้อ และนโยบายของทางการเยอรมันที่มีต่อรัสเซีย
ตามรายงานของตำรวจในเมือง Gera ในเมืองทูรินเจียน ประชาชน 10,000 คน ออกมาตามท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการคว่ำบาตรมอสโก
รัฐเมคเลนบูร์ก-พอเมอราเนียตะวันตก ได้มีผู้คนออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นใน 15 เมือง รวมทั้งชเวริน วิสมาร์ และลุดวิกส์ลัสต์
จำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมดตามที่ตำรวจระบุว่าเป็น 7,000 คน ในบรรดาข้อเรียกร้องหลักของผู้ประท้วงคือ "นโยบายพลังงานที่ราคาไม่แพง" เช่นเดียวกับ นโยบายที่มุ่งสร้างสันติภาพ แทนที่จะส่งอาวุธให้ยูเครน
เมืองเดรสเดน มีการการประท้วงต่อต้านการจัดหาอาวุธให้กับยูเครนและการคว่ำบาตรต่อรัสเซียได้รับการสนับสนุนจากผู้คนประมาณ 1.4 พันคน
เมืองแซกซอน ไลป์ซิก และมักเดบูร์ก มีผู้ประท้วงประมาณ 2.7 พันคน นำไปที่ถนนสายกลาง
dpa รายงานว่า ประชาชนราว 2,000 คนเข้าร่วมในการประท้วงในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต อันเดอร์โอเดอร์ ในรัฐบรันเดนบูร์ก โปสเตอร์ที่ถือโดยผู้เข้าร่วมงานบางคนมีสโลแกนเช่น "สันติภาพเท่านั้นคือชัยชนะ" และ "หยุดการก่อกวนและคว่ำบาตรรัสเซีย"
ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ รายงานว่า ประชาชนออสเตรียมากกว่า 40,000 คน ได้ยื่นจดหมายที่เปิดผนึกส่งถึงรัฐบาลออสเตรีย
โดยมีเนื้อหาว่า พวกเขาไม่พอใจกับสิ่งที่ยูเครนได้รับโชคลาภทางการเงินจำนวนมาก อันได้แก่ เงินสนับสนุน เชื้อเพลิงและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
และพวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลมี "จุดยืนที่ชัดเจน" ในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและประเทศตะวันตก
นักวิชาการ อ้างจดหมายเปิดผนึกว่า ประชาชนออสเตรียต้องการกลับคืนสู่ความเป็นกลางอย่างแท้จริงของออสเตรียและเพิ่มบทบาทของเวียนนาในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยในการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกและเคียฟ
พวกเขากล่าวว่า ชาวออสเตรียส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
ในทางตรงกันข้ามเมื่อประเทศตะวันตกได้เพิ่มแรงกดดันในการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยใช้ประกาศมาตรการของ EU ฉบับที่ 8 ส่งผลให้ราคาไฟฟ้า เชื้อเพลิง และอาหารในยุโรปเพิ่มขยับสูงขึ้นอีก อย่างมีนัยสำคัญ
รายงานของสมาคม Federation of the Dutch Food Industry (FNLI) แจ้งว่าผู้ผลิตอาหารในเนเธอร์แลนด์กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ไม่เคยเจอมาก่อนในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนราคาพลังงานที่สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว อาจจะต้องปิดกิจการ
สมาคมกล่าวว่า เดิมบริษัทพลังงานเคยเสนอสัญญาจ่ายค่าพลังงานอัตราคงที่ให้กับบริษัทอุตสาหกรรมอาหาร ต่อมาได้ขอเปลี่ยนแปลงสัญญา มาเป็นทำสัญญาที่ "ยืดหยุ่น"
ส่งผลให้ธุรกิจที่ใช้พลังงานมาก เช่น ขนมปัง เบเกอรี่และกระป๋อง อยู่ในสถานะที่ยากลำบาก เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้นทันที 10 เท่า
อย่างไรก็ตามบริษัทพลังงาน ยังคงยืนยันตามแผน จากเดิมวันที่ 1 ตุลาคม 2022 มาเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 นี้ ถึงแม้ว่ามีแรงกดดันจากสำนักงานผู้บริโภคและตลาด (ACM) หน่วยงานกำกับดูแลก็ตาม
และบริษัทพลังงานได้ทำหนังสือแจ้งบริษัทอาหารต่างๆ ถึงความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงสัญญาล่วงหน้า 30 วันเรียบร้อยแล้ว
Seis-Jan Adema ผู้อำนวยการ FNLI ได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันบริษัทต่างๆ ต้องล้มละลายและปิดกิจการ
นักวิเคราะห์พลังงาน กล่าวว่า อุตสาหรรมอาหารในเนเธอร์แลนด์สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ถ้ารัฐบาลกู้เงิน IMF มาอุดหนุนอุตสาหกรรมอาหาร หรือ ดำเนินการให้บริษัทพลังงานระงับการขึ้นราคาเชื้อเพลิง ราคาค่าไฟฟ้า ให้กับบริษัทต่างๆ
มิฉะนั้นประชาชนในเนเธอร์แลนด์ จะขาดแคลนอาหารแทนที่ขาดแคลนพลังงาน ส่งผลให้ผู้คนออกมาประท้วงกันอีก
ในขณะเดียวกัน ผู้คนหลายพันคนเดินประท้วงกลางกรุงลอนดอนและอีกหลายเมืองในอังกฤษ เนื่องมาจากปัญหาค่าพลังงาน และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว จนพวกเขารับไม่ได้ ต้องพากันเรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมและดูแล
โดยมีบางคนก็เผาบิลค่าไฟฟ้าและค่าสาธารณูปโภค เพื่อทำการประท้วงอย่างจริงจัง
พวกเขากล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ และโปรดหยุดกำไรให้กับบริษัทพลังงานอีกต่อไป
ผู้นำกลุ่ม Don't Pay UK ออกมาร่วมจัดการประท้วงกับเขาด้วย โดยกล่าวว่าต้องการกดดันรัฐบาลให้ลดค่าพลังงานลง ในระดับที่พวกเขาจ่ายได้ ตอนนี้พวกเรารณรงค์ทุกวัน ว่า พวกเราจะต้องไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟฟ้าอีกต่อไป
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
