5 ต.ค. 2022 เวลา 10:48 • ความคิดเห็น
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เงินเคยหายาก ราคารถยนต์ต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น จึงจะเป็นเจ้าของได้
อยู่มาวันหนึ่ง ญี่ปุ่นได้ผลิตรถยนต์ใช้ในประเทศ แล้วเริ่มขยายตลาดไปทางยุโรปและอเมริกา
ในช่วงนั้น เป็นยุคทองของบัตรเครดิตที่เริ่มต้นรุ่งเรืองขึ้น ชาวอเมริกันก็เริ่มใช้บัตรเครดิตกันอย่างสะดวกสบาย และเป็นเหตุให้ทุกคนหลงใหลความศิวิไลซ์ ความเป็นอยู่ที่สะดวกกับสิ่งประดิษฐ์ในยุคที่มีการประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงภายในบ้านมากมาย
เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องตัดหญ้า ล้วนเป็นเครื่องทุ่นแรงที่ชาวเอเชียไม่เคยได้สัมผัส
ต่อมา จากเครื่องทำความร้อนในเมืองหนาว ก็ปรับมาขายในเอเชีย ในประเทศที่มีอากาศร้อน อเมริกาก็เริ่มมาเปิดตลาดในเมืองไทย พร้อมกับการนำบัตรเครดิตมาให้คนไทยเริ่มต้นใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยเงื่อนไขซื้อก่อนผ่อนทีหลัง รวมถึงการมาของ ซิงเกอร์ ที่มีระบบเงินผ่อนมาด้วย
ตอนนี้อาบังแขกขายผ้าก็เริ่มมีคู่แข่ง จากการเดินเก็บค่าผ้าทุกวัน เพราะสมัยนั้น ผ้าสวยๆก็หายาก แขกคนไหนขยันขายขยันเดินทางไปเก็บค่าผ้าก็จะเริ่มร่ำรวยเป็นนายห้างกัน
คราวนี้ญี่ปุ่นเห็นช่องทาง ก็เริ่มนำระบบธนาคารเข้ามาใช้กับการซื้อขายรถยนต์ ด้วยเงินดาวน์ แล้วนำรถยนต์ไปใช้ก่อน โอ้ คนไทยดีใจ มีรถยนต์ใช้ ดูร่ำรวยและประสบความสำเร็จในชีวิต มองไปทางไหนก็เจอแต่สายตาที่ชื่นชม เพราะทุกคนบอกว่า ป้ายแดงซื้อด้วยเงินสด
การค้าเงินผ่อน เป็นธุรกิจที่ดี ผลกำไรเกิด ระบบธนาคารเริ่มรุ่งเรือง จากธนาคารแรก มาถึงธนาคารหลายสัญชาติ ก็มาปักหลักในเอเชีย แม้แต่ชาวจีนก็มาสร้างโอกาสการค้าเงินในไทยเราจนมั่งคั่งร่ำรวยจากค่านิยมทางการผ่อน จ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
ผู้คนยุคขุดทอง ก็เริ่มไปอเมริกา ด้วยความต้องการไปร่ำเรียน วิทยาการที่ฝรั่งคิด และชีวิตที่สะดวกสบายไปกับเครื่องทุ่นแรงนานาชนิด แบบหลงเสน่ห์ไปกับเมืองนอก
คราวนี้ สินค้าต่างๆต่างก็ขนเข้ามาขายในประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ ใครๆก็อยากมีเอาไว้ใช้ เพราะ การขนส่ง ในไทยช่วงนั้น ก็เป็นระบบผูกขาดโดยบริษัทนายเลิศรถเมล์ขาว เรียกว่า ความสะดวกขึ้นอยู่กับเจ้าของกิจการกับรัฐบาล ประชาชนก็อยากจะมีรถยนต์เป็นของตัวเอง
การโฆษณาเป็นเรื่องชักใยเบื้องหลังทัศนคติของชาวบางกอกก่อนใครแล้วจึงทะยอยออกไปสู่จังหวัดต่างๆ
บทบาทของการค้าเงิน โดยอาศัยวัตถุเป็นสื่อกลาง ก็รุ่งเรือง จากรถยนต์ ก็มาเป็นบ้านจัดสรร
คนเห่อซื้อบ้านจัดสรรกันมาก เพราะคิดว่ายังไงๆก็จะได้บ้านอยู่อาศัย ที่คนไทยไม่เคยคิดว่า รัฐควรเป็นฝ่ายจัดหาและรับผิดชอบความเป็นอยู่ของประชาชน นี่เป็นยุคที่เรียกรัฐบาลว่าท่านผู้นำ
การเดินทัพของญี่ปุ่นผ่านไทย โดยการพิมพ์ธนบัตรของญี่ปุ่นนำมาใช้ในเมืองไทย พอเลิกสงครามรัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้เอาธนบัตรญี่ปุ่นพิมพ์ไปแลกเงินบาท งานนี้สร้างฐานะให้เป็นพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงกันมากมาย รวมถึงค่านิยมการใช้สินค้าญี่ปุ่นก็ตามมา
ถึงเวลาคนไทยเริ่มประท้วง เพราะขาดดุลการค้าให้ญี่ปุ่นมากมาย จนมีการประท้วง เผาสินค้าญี่ปุ่นในยุคหนึ่ง กันเลยทีเดียว
เพราะค่านิยม ทัศนคติ ในด้านต่างๆของผู้บริโภคกับการโฆษณาชวนเชื่อ ประกอบกับ รัฐบาลไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแผนและนโยบายมาใช้ในการพัฒนาความเป็นอยู่ให้ประชาชนอย่างแท้จริง นับตั้งแต่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งแรก
ต่างก็กล่าวอ้าง ทำเพื่อประชาชน แต่ไม่ได้พยายามเปลี่ยนโครงสร้างในการพัฒนาชีวิตของประชาชนให้ทัดเทียมกับนานาอารยะ ซึ่งก็ทำได้ แต่ไม่ได้สร้างปัจจัยหลักให้ชีวิตของผู้คน
ผู้คนก็ต้องหันไปพึ่งพาระบบการเงินที่ค่อนข้างเอาเปรียบ มาถึงปัจจุบัน เพราะส่วนใหญ่ก็เพื่อปัจจัย สี่ เป็นหลัก
จวบจนรัฐบาลได้มีการจัดตั้งธนาคารของรัฐบาลเอง เพื่อบรรเทาช่วยเหลือคนไทยให้มีทีอยู่อาศัยเป็นของตนเอง การเอาเปรียบทางการค้าเงิน ของระบบพาณิชย์ก็เริ่มลดลงตามลำดับ
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยรัฐบาลยังต้องการเก็บภาษีจากผู้ประกอบการ คนไทยอีกหลายล้านจึงต้องเผชิญชะตากรรมในการตกอยู่ในสภาวะเป็นหนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ คนส่วนใหญ่ต้องการสร้างหนี้ไป คือการมีเครดิต และการพยุงฐานะทางเศรษฐกิจเอาไว้ รวมถึงการมีปัจจัยพื้นฐานของชีวิต และมีความสุขในการจัดแคมเปญต่างๆของธนาคาร รวมถึง การท่องเที่ยว ที่สามารถจ่ายคืนภายหลังได้
ผู้ประกอบการต่างงัดกลยุทธ์มานำเสนอ มากมาย เคยมี ซื้อบ้านแถมรถเบนซ์ก็ยังมี
นอกจากคนไทยจะกู้เงินเก่ง แบบที่มีข่าว คุณครูคนหนึ่งทำการกู้ทุกแอพพลิเคชัน แล้ว
นับว่า เมืองไทยคือ แหล่งขององก์ความรู้ทางการตลาดที่เป็นเลิศมาก หายากในโลกนี้ที่จะมีผู้ให้กู้และผู้กู้ที่มีกลไกและกลเม็ดที่แพรวพราวไม่น้อย
ใครจะเรียนเรื่องการตลาดต้องมาเรียนในเมืองไทยค่ะ
โฆษณา