"พี่ไม่ชอบประกันชีวิต" เป็นคำบอกเล่าจากพี่ชายที่เคารพท่านหนึ่ง แกเล่าให้ฟังว่าสมัยรุ่นๆ(ตอนเป็นวัยรุ่น)ไปเดินตามห้างเห็นบูธประกันชีวิตพี่แกจะเดินหนีตลอดหรือไม่ก็พูดปฎิเสธไปเลย แกเล่าว่าแฟนแกแอบไปซื้อประกันให้แล้วก็ให้แกเซ็นต์เอกสารแต่แกก็ยอมเซ็นต์นะแต่ลึกๆแกรู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นเลย ต่อมาไม่นานแกก็พยายามบอกแฟนให้ยกเลิกกรมธรรม์ซะ เพราะว่ามันสิ้นเปลืองแต่แฟนไม่ได้ยกเลิกแอบส่งเบี้ยให้ตลอด(ยิ้ม) จนมามาวันดีคืนดีวันนั้นไปสังสรรค์กับเพื่อนนอกบ้านแต่ไม่ได้ไกลจากบ้านเท่าไหร่
พี่วูบและไม่รู้สึกตัวเลยตอนนั้นมีคนช่วยพี่ไว้พวกเพื่อนๆนั่นแหละเอายาดมมาให้ดมจนอาการดีขึ้นและเริ่มรู้สึกตัวเลยโทรหาแฟนให้พาไปหาหมอ ตอนนั้นแฟนตกใจมากรีบขับรถออกมารับตอนนั้นไม่รู้สึกตัวแล้ว......
คำบอกเล่าจากแฟน
ตอนนั้นพาพี่ติไปถึงโรงพยาบาลทางเจ้าหน้าที่ถามทันทีว่ามีประสุขภาพหรือประกันอื่นๆอะไรไหม เราก็ตอบว่ามีประกันสุขภาพค่ะ การรักษาเริ่มต้นขึ้นทันที หมอแจ้งว่าพี่ติเป็นเส้นเลือดในสมองแตก(Stroke)แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่นิดหน่อยนั่นคือจุดที่แตกมันเป็นจุดไม่สำคัญเท่าไหร่แต่เลือดเริ่มออกสมองแล้วหมอต้องผ่าตัดด่วน การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี พี่ติไม่รู้สึกตัวเลยตอนนั้นอยู่ห้องICU หลายเดือน รักษาในโรงพยาบาลอยู่ 5 เดือนเต็มๆ พี่ติมีอาการหนาวสั่น เหมือนเป็นไข้ และต้องให้อาหารทางสายยาง
เมื่อพี่ติอาการดีขึ้นหมอจึงอนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน พี่ติกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงทันที พออาการเริ่มจะดีขึ้นก็ยังต้องเผชิญกับอาการป่วยอยู่บ่อยครั้งจนต้องกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งการไปหาหมอแต่ละครั้งแฟนไม่สามารถเอาพี่ติขึ้นรถเองได้ต้องแจ้งทางโรงพยาบาลเพื่อส่งรถพยาบาลมารับที่บ้านซึ่งค่าบริการรถพยาบาลต่อครั้งเป็นหลัก1X,XXXและรวมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดราวๆ5ล้านบาทซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่ใช่น้อยๆเลยสำหรับคนตัวเล็กๆย่างเรา
ก่อนจะสัมภาษณ์พี่ติเสร็จ แกพูดว่าตอนนี้พี่ขอบคุณประกันชีวิตมากๆถ้าไม่มีมันพี่คงไม่ได้มานั่งให้เราสัมภาษณ์หรอกนะ(ยิ้มและหัวเราะ)..........
มันเป็นคำพูดที่ทำให้เราตระหนักถึงประกันชีวิตว่ามันสำคัญขนาดไหนเพราะอาการป่วยมันเมือนฝนและพายุ เราห้ามมันไม่ได้แต่ถ้าเรามีประกันติดตัวไว้ก็เหมือนเรากำลังถือร่มเดินผ่าสายฝนเพื่อรอให้ฝนหยุดและเมฆดำผ่านพ้นไปได้
Mesara เขียน..
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
