Shin Ultraman กับ มุมมองความเป็นสมมติเทพของ Homosapien
.
Shin Ultraman เปรียบเสมือนการ Reboot ความเป็น Ultraman ใหม่อีกครั้ง รวม ๆ แล้วบริบททุก ๆ ด้านของ Ultraman นั้นมีความ contemporary สูงมาก ประกอบกับการถูกเล่าเรื่องราวผ่านวิธีการที่แปลกใหม่ที่ยังคงความเป็นต้นฉบับเดิมเอาไว้อยู่
.
Shin Ultraman ถูกตีความให้สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ที่ยังจะต้องการความเก่าทั้งในแง่เนื้อเรื่อง และงานภาพเอาไว้ จะดูเป็นหนังเก่าก็ไม่เก่าขนาดนั้น หรือถ้าเป็นหนังยุคใหม่ก็ไม่ใหม่ขนาดนั้น เหมือนเราเอาหนังจากยุค 70-80 แต่ใช้กล้องในยุคนี้ถ่าย และตัดต่อในยุคนี้นั่นเอง
.
ในแง่บทของเรื่อง หางเสือหลักของการขับเคลื่อนแฟรนไชส์ตระกูล Shin นั้นคือ ‘การเมือง’ แม้ญี่ปุ่นจะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เรียกว่าภัยพิบัติระดับหมอลำที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมากยากแก่การควบคุมอย่างการถูกสิ่งมีชิวิตต่างดาวไซต์ขนาดยักษ์ที่ถูกตั้งชื่อว่า ‘ไคจู’ รุกราน แต่ก็ยังคังไว้ซึ่งเกมการเมืองทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ มีการกล่าวอ้างถึงหลาย ๆ ประเทศที่มีส่วนร่วมในการกำจัดไคจูมาอยู่บ้าง
.
โดยตัวหนังก็ได้มีการเล่าที่มาของไคจูให้แก่คนดูกัน แต่เป็นการเล่าที่แบบกระทัดรัดมากครับ ว่าไคจูชนิดนี้มายังไง ใช้อะไรปราบ เล่าไล่มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเพื่อจะได้เล่าเนื้อเรื่องหลักของหนังต่อ
.
‘มุมมองปรัชญาของการดำรงอยู่ของมนุษย์ที่เชื่อว่าผู้ใดสามารถอ้างความเหนือมนุษย์ได้ผู้นั้นย่อมมีอำนาจผ่าน Shin Ultraman’
.
Shin Ultraman เป็นเหมือนตัวแทนแห่งคำตอบของมนุษย์ในคำถามที่ว่ามนุษย์สมควรจะอยู่ต่อไปหรือไม่ ? สิ่งที่ผมชอบเป็นอันดับต้น ๆ ของเรื่องนี้เลยคือการทำให้ Ultraman นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิแห่งจักรวาลที่มิใช่เป็นเพียงไคจูที่รูปร่างเหมือนมนุษย์เท่านั้น
.
การนำเสนอ Ultraman ในลักษณะนี้ทำให้เกิดความน่าสนใจตรงที่เบื้องหลังของการมาเป็น ‘นักรบแห่งแสง’ นั้น มีอะไรมากกว่าที่คิด และมิใช่เพียงแต่การปกป้องชีวิตกว่า 13,000 ล้านสปีชีส์เท่านั้น แต่การเป็นมนุษย์แห่งแสงก็มีกฎเกณฑ์ที่ใช้ร่วมกันภายในอยู่ด้วย อย่างกฎแห่งดวงดาวที่ถูกกล่าวถึงในเนื้อเรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว้าวมากชอบอะไรที่ดูยิ่งใหญ่แต่มีหลักการมารองรับแบบนี้มากครับ
.
มนุษย์ต่างดาวเป็นพระเจ้าในสายตาของมนุษย์ ??? ปรัชญาโดยแท้ของมนุษย์ตั้งแต่สมัยบรรพกาลนั้นมนุษย์มักจะเลือกผู้ปกครองเพื่อมาชี้แนะ คอยแนะนำให้กับเผ่าพันธุ์ Homosapien ของตนเอง โดยวิธีการเลือกผู้นำ หรือผู้ปกครองนั้น จะเลือกผู้ที่มีอำนาจที่สุดในกลุ่ม ซึ่งที่ผ่าน ๆ มาผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดนั้นมักจะเป็นผู้ที่สามารถอ้างตนได้ว่าใกล้ชิดกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
.
ยกตัวอย่างในสมัยชนเผ่าหมอผีก็จะเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดเพราะเขาอ้างถึงกฎแห่งจักรวาลว่าเขามีอำนาจ เมื่อสังคมพัฒนาขึ้นหน่อยผู้มีอำนาจต่อมาคือศาสนจักรที่นำโดยพระสันตะปะปาที่อ้างว่าตนเองได้รับบัญชาจากพระเจ้า แต่กษัตริย์ในยุคนั้นก็มีอำนาจทัดเทียมสันตะปะปาเพราะว่ากษัตริย์ได้อ้างว่าจริง ๆ แล้วพระเจ้ามิได้ให้อำนาจพระสันตะปะปาแต่เพียงผู้เดียว แต่ได้ให้อำนาจแก่ตนด้วย (ทฤษฎีดาบสองเล่ม) ส่วนในเอเชียนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็อ้างว่าตนเองเป็นโอรสแห่งสวรรค์
.
Shin Ultraman หรือมนุษย์ต่างดาวตัวอื่น ๆ มักจะถูกยกย่องเป็นเทพ หรือสมติเทพของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ส่วนใหญ่ หรือส่วนน้อย ทั้งนี้การยกย่องดังกล่าวได้ปรากฎอยู่ในหนังผ่านการเมืองด้วยเช่นกัน ที่มองว่าชนชาติใดติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ก่อนชนชาตินั้นอาจจะขึ้นมามีอำนาจที่สุดของโลกก็เป็นได้
.
ดังนั้นนอกเสียจากเกมการเมืองที่ถูกเล่า Shin Ultraman ก็ได้แฝงปรัชญาของมนุษย์ผ่านการเลือกผู้ปกครองผ่านผู้มีอำนาจที่อยู่ใกล้ชิดกับสิ่งเหนือธรรมชาติอย่าง Ultraman
.
อย่างไรก็ดีผมอยากจะบอกผู้ชมที่กำลังคิดว่าจะไปดูนั้น Shin Ultraman มีการเล่าเรื่องที่ไม่มีจังหวะพักหายใจแม้แต่น้อย 95% ของรายละเอียดทั้งหมดในเรื่องคือสิ่งที่คุณจะต้องจดจำเพื่อใช้สานต่อเรื่องด้วยตัวคุณเอง หนังไม่ได้มีวิธีการทวนความจำ หรือพยายามอธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่จะสื่อให้กับคุณ แต่หนังมีลักษณะเฉพาะที่มีเสน่ห์มากนอกเสียจากการเล่าเรื่องแล้ว ผมอยากบอกว่างานภาพมันถ่ายออกมาแปลกใหม่มาก ๆ คัตท์ไปคัตท์มาได้แปลกตามากครับ
.
ถึงคนที่ลังเลผมก็อยากจะบอกว่าไปดูเถอะครับ ยิ่งคุณเป็นคนที่โตมาด้วย Ultraman ด้วยแล้ว ไม่ต้องเป็นคนที่ตามทุก ๆ ภาค ทุก ๆ ตัว (อย่างผม) ก็ได้ ภาพความหลังกับ Ultraman จะโฉบมาใส่คุณแน่ ๆ ครับ
.
(Shin Ultraman)
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
