เกิดอะไรขึ้นกับ Credit Suisse เหตุใดเราควรกังวลใจกับเรื่องนี้?
ในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของธนาคาร Credit Suisse ซึ่งเป็นธนาคารอันดับ 2 ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้ปรับลดลงไปกว่า 12% ไปสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะปรับฟื้นตัวกลับมาได้ในวันเดียวกัน
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องสำคัญและต้องจับตามอง เพราะธนาคารขนาดใหญ่ มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และได้รับความน่าเชื่อถืออย่างยิ่งแบบนี้ ยังสั่นคลอนในช่วงนี้ได้ ก็มีโอกาสไม่น้อยที่เราจะได้เห็นประเทศหรือสถาบันการเงินที่เปราะบางยิ่งกว่านี้จะถูกเปิดบาดแผลในช่วงเศรษฐกิจผันผวนแบบนี้
📌 เกิดอะไรขึ้นที่ Credit Suisse
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว CEO ของ Credit Suisse คุณ Ulrich Koerner ได้ออกหนังสือประกาศภายในว่า ทางธนาคารจะเข้าสู่การปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความไม่มั่นใจให้นักลงทุนบางส่วน จนราคาหุ้นลดลงมา 12% ตอนเปิดตลาดวันจันทร์
และก็ยังทำให้ราคา credit default swap ซึ่งเป็นเหมือนประกันภัยในกรณีที่ธนาคารล้ม ขึ้นไปสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งหมายถึงว่า คนมองว่า Credit Suisse มีความเสี่ยงจะล้มมากขึ้นอย่างมีนัยยะ
เหตุผลที่ต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งนี้มีส่วนสำคัญมาจากการขาดทุนในโปรเจคขนาดใหญ่ 2 โปรเจคในปีก่อน ประกอบด้วย Archegos และ Greensill ซึ่งทำให้บริษัทเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์
ซึ่งทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ก่อน ราคาหุ้นของ Credit Suisse ปรับลงไปกว่า 50% แล้ว มีการตั้งสำรองเงินทุนสำหรับหนี้เสียมากขึ้น และก็ได้มีการเปลี่ยน CEO ของบริษัท ซึ่งก็มาพร้อมกับแผนปรับโครงสร้างให้เหมาะกับระยะยาว และเน้นความยั่งยืนมากขึ้น
ซี่งอย่างที่บอกไปข้างต้น ก็ประกาศแผนเบื้องต้น (กลยุทธ์ตัวเต็มจะประกาศออกมาในปลายเดือนนี้) ราคาหุ้นของบริษัทกลับมาปรับลดลงอีก 12% อย่างไรก็ตามภายในวันเดียวกันนั้นราคาหุ้นก็ปรับฟื้นตัวขึ้นมา จบวันติดลบไปประมาณ 1% เท่านั้น
เหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้ เพราะทุนสำรองซึ่งทรัพย์สินหมุนเวียนของบริษัทยังอยู่ในระดับสูง โดย liquidity ratio อยู่ที่ระดับกว่า 191 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ายังครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดได้ดี
แต่เรื่องนี้ก็ยังมีนัยยะเพิ่มเติมนอกจากนั้นอยู่เช่นกัน
📌 สิ่งที่จะเกิดต่อและนัยยะกับคนอื่น
นัยยะแรก คือ สิ่งที่จะเกิดกับ Credit Suisse เอง โดยมีการคาดการณ์กันว่า การปรับโครงสร้างบริษัทครั้งนี้ ต้องใช้เงินทุนอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซี่งในสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะไม่แน่นอน มีโอกาสที่เกิด Recession ประกอบกับผู้คนเชื่อมั่นใน Credit Suisse ลดลง ก็ย่อมทำให้ต้นทุนในการระดมทุนครั้งนี้จะสูง
ทำให้ต้องจับตามองให้ดีว่า ทางบริษัทจะเลือกใช้กลยุทธ์อะไรต่อไป และจะเรียกความเชื่อมั่นได้ขนาดไหน เพราะมันจะส่งผลต่อบริษัทแน่นอน
แต่นัยยะที่สำคัญยิ่งกว่า คือ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกกำลังบีบบริษัททางการเงิน ซึ่งขนาดธนาคารขนาดใหญ่ของสวิสเซอร์แลนด์ยังได้รับผลกระทบขนาดนี้ ก็มีโอกาสไม่น้อย ที่เราจะได้เห็นคนที่เปราะบางยิ่งกว่าถูกเปิดแผลในช่วงต่อไป
ซึ่งมันก็ทำให้มีนักวิเคราะห์หลายคนเริ่มย้อนประวัติศาสตร์กลับไปในวิกฤติการเงินครั้งก่อนๆ ซึ่งจะต้องมีบริษัทหรือประเทศเปราะบาง ซึ่งเตรียมตัวได้ไม่พร้อม ต้องบาดเจ็บอย่างหนัก บ้างก็ถึงขั้นล้มละลาย ตัวอย่างเช่น Lehman Brothers
ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่งของทุกคนที่ต้องเลือกก้าวให้ถูกต้องต่อไป โดยการสร้างความเชื่อมั่น เตรียมตัวให้ตนเองมั่นคง เพราะเพียงแค่จุดอ่อนเล็กๆ ที่ถูกเผยออกมา ซึ่งโดยตัวมันเองอาจจะไม่ทำให้บริษัทหรือประเทศถึงขั้นล้มละลายได้
ก็อาจจะกลายเป็นแผลซึ่งดึงดูดนักล่า ซึ่งก็คือนักเก็งกำไรที่พร้อมจะเข้าไปฉวยโอกาสจากความอ่อนแอเหล่านั้น จนทำให้ต้องเจ็บตัวหนักกว่าที่ควรในที่สุด…
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Website : https://www.bnomics.co
Facebook : https://www.facebook.com/Bnomics.co
Blockdit : https://www.blockdit.com/bnomics
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube : https://www.youtube.com/bnomics
Twitter : https://twitter.com/bnomics_co
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
- ●
- ●
- ●
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
