6 ต.ค. 2022 เวลา 11:10 • ไลฟ์สไตล์
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างหนึ่งในปี 2050 ก็คือ คนรุ่นใหม่ในสังคมจะเป็นเจเนอเรชันเบต้า ที่เกิดในช่วงปี ค.ศ. 2025 - 2040 (มีอายุประมาณ 10 - 25 ปี ในปี ค.ศ. 2050) โดยมีผู้ปกครองส่วนใหญ่เป็นคนเจเนอเรชัน Z (มีอายุประมาณ 40 - 55 ปี ในปี ค.ศ. 2050)
คนที่เกิดในเจเนอรัชเบต้าจะได้รับการเลี้ยงดูจากคนที่เกิดมาในยุคดิจิทัลสุดล้ำอย่างเต็มตัว ทำให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งกว่าแค่การเป็นผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตามคนที่เกิดในเจเนอเรชันนี้ก็อาจต้องเผชิญกับสภาวะความกดดันจากปัจจัยภายนอกที่ส่งต่อมาจากยุคก่อนหน้าและทวีความรุนแรงในปี ค.ศ. 2050 ในหลายมิติ ที่แบ่งออกได้ถึง 9 มิติ โดยเราจะแบ่งออกเป็น 3 Episode ให้ได้ติดตามไปด้วยกัน
EP.1
1. สภาพที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่
ความกดดันอันเนื่องมาจากปัญหาสภาพภูมิอากาศและการกระจายตัวของประชากรโลกทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนกว่า 9.8 พันล้านคนทั่วโลก จะได้เห็นรูปแบบที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ชุมชนใต้ดิน หรืออาณานิคมใต้น้ำ นอกจากนี้เพื่อความคล่องตัว แต่ละส่วนประกอบของเมืองยังอาจแบ่งแยกและเคลื่อนย้ายตัวเองได้ (moveable city) หรือหากปัญหามลพิษทางอากาศทวีความรุนแรงดังที่คาดการณ์ไว้ แต่ละส่วนของเมืองอาจต้องมีการสร้างโดมปรับอากาศครอบเมืองเอาไว้
2. การแพทย์กึ่งอมตะ
นาโนเทคโนโลยีทางการแพทย์ การแพทย์สเต็มเซลล์ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ เทคโนโลยีการพิมพ์อวัยวะสามมิติและการปลูกถ่ายอวัยวะ รวมไปถึงเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวชศาสตร์เชิงป้องกันจะสามารถปลดล็อกขีดจำกัดและศักยภาพทางกายและสมองของมนุษย์จนเข้าใกล้คำว่าอมตะ อย่างไรก็ตาม จะเกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับจริยธรรมการดัดแปลงพันธุกรรมและการคัดเลือกยีนเพื่อให้กำเนิดบุตรอาจได้รับการยอมรับในสังคม เพื่อให้ประชากรมนุษย์ในยุคถัดไปเป็นคนรุ่นที่อยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความกดดันสูงในหลายทาง
3. เศรษฐกิจและประสบการณ์ที่ยิ่งกว่าดิจิทัล
ไม่ว่าเมตาเวิร์สในอนาคตจะออกมาในรูปแบบไหน สิ่งที่มั่นใจได้อย่างแน่นอนคือเทคโนโลยีการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ประสบการณ์เหนือระดับซึ่งจะเชื่อมต่อคนในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนจริงอย่างมหัศจรรย์ ทำให้คนในปี ค.ศ. 2050 สามารถใช้ชีวิต ทำงาน เรียนรู้ และเพลิดเพลินไปในโลกกึ่งจริงผสมแฟนตาซีได้อย่างไม่ติดขัด
กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์คอนเทนต์และความบันเทิง และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การตลาดเชิงประสบการณ์ และกิจกรรมชุมชนเฉพาะกลุ่มจะเติบโตอย่างยิ่งในยุคนี้
สินทรัพย์ที่เคยคิดว่าจับต้องไม่ได้ในยุคก่อนหน้าจะกลายเป็นขุมทรัพย์มหาศาลในปี ค.ศ. 2050 ทั้งข้อมูลชีวมิติ การจัดการข้อมูลดิจิทัลบนระบบปฏิบัติการต่าง ๆ หรือข้อมูลการวิเคราะห์ความชอบและพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นต้น
2
นัยยะสำคัญที่มีต่ออนาคต:
- ระบบปัญญาประดิษฐ์และบริการที่ปรึกษาส่วนบุคคลจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กที่เกิดมาในยุคอนาคต และจะทำให้เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาช่วยตอบโจทย์การดำเนินชีวิตในอนาคตได้อย่างยาวนาน
- บริการสุขภาพจิตจะกลายเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่แพร่หลายและมีหลายแนวทางการรับบริการให้ผู้รับบริการเลือก ซึ่งอาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมที่กว้างขึ้น
- ระบบการเมืองการปกครองในอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงไป เยาวชนที่เป็นเจเนอเรชันเบต้าจะเข้ามามีบทบาททางการเมืองทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสร้างสรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย
อ้างอิงจาก
อยากรู้จักเรามากขึ้น คลิก www.futuretaleslab.com หรือติดตามที่ https://web.facebook.com/FutureTalesLABbyMQDC
#FutureTalesLAB #FuturePossible #FutureUpdate #FutureofLiving #GenerationBeta #MQDC
โฆษณา