ทำไมต้องงดการแชร์เรื่องราวและการกระทำของผู้ก่อเหตุ ในกรณีสังหารหมู่ที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู
จากกรณีที่มีอดีตตำรวจได้ใช้อาวุธทั้งมีดและปืน ในการทำร้ายเด็กเล็ก -ครูพี่เลี้ยงที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู ตลอดจนทำร้ายผู้คนระหว่างหลบหนี
และปิดท้ายด้วยการสังหารลูก-ภรรยาของตนเอง และฆ่าตัวตายในที่สุดนั้น
ทุกคนคงจะรู้สึกเสียใจ เศร้าใจ โกรธแค้น ตลอดจนมีความรู้สึกทางลบต่างๆมากมายกับผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
เราลองมาทบทวนว่า นอกจากจะร่วมกันแสดงความเสียใจ และส่งความช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้ให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับความสูญเสียแล้วนั้น
เราพอจะช่วยกันทำอะไรได้อีกบ้างในเหตุการณ์ครั้งนี้
จากการศึกษาทางจิตวิทยา แม้ยังไม่สามารถสรุปปัจจัยหลักที่สำคัญของการก่อเหตุสังหารหมู่ได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
สภาวะโรคจิตที่มีอยู่เดิม
อุปนิสัยใจคอ พฤติกรรมที่ก้าวร้าว
การเข้าถึงอาวุธได้ง่าย
การติดยาเสพติด
การมีปัญหาความกดดันในด้านต่างๆ โดยเฉพาะความรู้สึกที่ตนเองเข้าใจว่า สังคมไม่ให้ความเป็นธรรมหรือทำร้ายตนเองมาโดยตลอด จึงอยากแก้แค้นสังคม เป็นต้น
แต่จากการติดตามสถิติของการสังหารหมู่ พบว่ามักจะมีกรณีสังหารหมู่ตามหลังในระยะเวลาไม่นานนัก และมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
จึงทำให้มีข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ไม่ควรทำให้เหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกิดขึ้นแล้ว มีรายละเอียดที่มากจนผู้ที่ต้องการจะกระทำเช่นเดียวกัน สามารถนำไปทำเลียนแบบซ้ำได้
ตลอดจนสังคมไม่ควรลงรายละเอียดของผู้ก่อเหตุ ไม่ควรแสดงความรู้สึกโกรธแค้นรุนแรงให้ปรากฏต่อสาธารณะ
เพราะจากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ก่อเหตุส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะก่อเหตุ ถ้าทราบว่าผลการกระทำของตน จะบรรลุผลทำให้สังคมได้รับความเจ็บปวด เช่นเดียวกับที่ตัวเองเคยได้รับความเจ็บปวดมาก่อน
ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่ เริ่มต้นด้วยความคิดว่าจะฆ่าตัวตายหรือพร้อมจะตายอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะฆ่าตัวตาย ต้องการจะทำให้สังคมเจ็บปวดให้มากที่สุด
ดังนั้นพวกเราทุกคนในสังคม จึงต้องช่วยกันหลีกเลี่ยงในการแชร์รูปภาพ คลิปวิดีโอ ที่แสดงความเจ็บปวดของสังคม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการแสดงอารมณ์ต่อสาธารณะ ซึ่งจะทำให้มีผู้เข้าใจว่า ถ้าทำพฤติกรรมสังหารหมู่แบบนี้อีก ก็จะตรงกับเป้าหมายความต้องการของเขา ที่ต้องการให้สังคมเจ็บปวดให้มากที่สุด
- 38
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
