7 ต.ค. 2022 เวลา 15:05 • กีฬา
การฝังเข็มกับนักกีฬา
Dry needling vs Acupuncture
ส่วนการฉีดยา ระหว่างการแข่งขันนั้นห้ามครับ
No Needle Policy
ต้องขออนุญาตก่อน
ดังนั้น Trigger Point Injection with Lidocaine จึงทำไม่ได้
นักกีฬาหรือคนที่เล่นกีฬา ตลอดจนคนที่ออกกำลังกายมาก ๆ คงเคยมีประสบการณ์บาดเจ็บกล้ามเนื้อมาบ้าง หลังออกกำลังกายมีอาการปวด ระบม ตึง หรือปวดเมื่อยในกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือทั่ว ๆ ตัวเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุมักจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่หนักมากจนเกินไป หรือเนื่องจากท่าทางและการจัดระเบียบร่างกายที่ไม่ถูกต้องในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การยกน้ำหนัก หรืออื่น ๆ
อาการปวดกล้ามเนื้อเหล่านี้ถ้าได้พักร่างกายสามารถซ่อมแซมจนหายเองได้ ถ้าไม่ได้พักก็อาจจะกลายเป็นปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังที่เรียกว่า Myofascial Pain Syndrome ซึ่งมีการปวดเกิดขึ้นจากการที่มีเส้นใยกล้ามเนื้อบางส่วนหด เกร็ง ค้าง ไม่ยอมคลายตัวที่เรียกว่า Trigger Point (TrPs) ซึ่งโรคนี้วิธีการรักษาก็มีหลายวิธี ได้แก่ วิธีทางทำกายภาพบำบัด ใช้ความร้อนลึก เช่น อัลตราซาวนด์ ยืดกล้ามเนื้อ และนวดบำบัด
ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น การบำบัดรักษาด้วยการใช้เข็มคลายจุด Trigger Point ก็เป็นวิธีการที่ได้ผลดี ซึ่งโดยทั่วไปจะเรียกว่าฝังเข็ม แต่ทว่าการใช้เข็มรักษาปวดกล้ามเนื้อนั้นมี 2 แบบคือ
การแพทย์แผนปัจจุบัน
การคลายจุดเจ็บในกล้ามเนื้อด้วยเข็มเปล่า เรียกว่า Dry Needling หรือ การแทงเข็มเปล่า (แห้ง) เป็นการรักษาโรคปวดจากกล้ามเนื้อหดเกร็งค้างที่เรียกว่า Myofascial Trigger Point โดยใช้เข็มสะกิดให้เกิดการคลายตัวของ Trigger Point อาการปวดก็จะหายไปได้
คลายจุดเจ็บในกล้ามเนื้อด้วยการฉีดยาชา เรียกว่า Trigger Point Injection with Lidocaine เป็นการฉีดยาชาเข้าไปใน Trigger Point และใช้เข็มฉีดยาสะกิดให้เกิดการคลายตัวของ Trigger Point อาการปวดก็จะหายไป
การฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีน (Acupuncture)
การฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลของร่างกายตามแนววินิจฉัยโรคของการแพทย์แผนจีน ซึ่งจะปักเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มที่อยู่บนเส้นลมปราณ กระตุ้นให้ลมปราณไหลเวียน ร่างกายรักษาตนเอง
การรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง Myofascial Pain Syndrome ด้วยเข็มนั้น มีลักษณะผสมผสานของการฝังเข็มทั้ง 2 รูปแบบโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและให้การรักษาร่วมกับการส่งทำกายภาพบำบัด การออกกำลังกายเพื่อการรักษาต่อไปจึงจะได้ผลดี
โฆษณา