7 ต.ค. 2022 เวลา 13:47 • การ์ตูน
EP : 381 (Repost)
SABEL TIGER ย้อนอดีตสู่อนาคต
จินตนการเป็นเรื่องสำคัญในโลกมนุษย์เรานะครับ เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่พาเรามาถึงจุดนี้และจะพาเราไปต่อไปอีกยาวไกลจนกว่ามนุษย์ชาติจะสูญสิ้นกันไป หนึ่งในแหล่งสำหรับบอกเล่าเรื่องราวของจินตนาการของมนุษย์เราก็คือหนังสือการ์ตูนนี่แหล่ะครับ มันเป็นอีกหนทางนึง ของมนุษย์ที่ใช้บอกเล่าสิ่งที่ใครบางคนคิดบางคนฝัน
บางคนทำนายเอาไว้ว่าอนาคตอันใกล้นี้โลกเราจะต้องเป็น จะต้องเจอ จะต้องพบ อะไรบางอย่างที่เกินคาดเดา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือนิยายแม้กระทั่งภาพยนต์ต่างก็เป็นสื่อที่เราใช้เป็นตัวกลางในถ่ายทอดจินตนาการมายาวนานกันมากแล้วนะครับ และนี่ก็คือการ์ตูนอีกเรื่องที่จะบอกเล่าเรื่องราวจากอดีตสู่อนาคต ข้ามผ่านกาลเวลา ได้พบสงครามแห่งโลกอนาคต จนถึงเรื่องราวแหล่งหมู่ดาวที่ไกลโฟ้น กับเรื่องนี้ครับ SABEL TIGER
SABEL TIGER เป็นผลงานที่บอกเล่าเรื่องราวแนววิทยาศาสตร์ในจินตนาการของ อ.โฮชิโนะ ยุกิโนบุ ซึ่งเนื้อเรื่องแบ่งออกเป็นทั้งหมด 7 ตอนครับแต่ละตอนขอบอกว่าเด็ดมาก ผมขออธิบายแยกแต่ละเรื่องดังนี้นะครับ
SABEL TIGER
เล่าเรื่องของเสื้อเขี้ยวดาบนักล่ากินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคน้ำแข็ง ด้วยเขี้ยวอันใหญ่โต มันไม่เคยกลัวใครในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นช้างเมมอธที่มีเขี้ยงโค้งงอ หรือแม้กระทั่ง สัตว์รูปร่างคล้ายลิงที่มาล่ากันเป็นฝูงพร้อมอาวุธแปลกๆก็ตาม ในวันนี้ก็เช่นกันเพราะถูกขัดขวางการล่าเมมอธโ
ดยฝูงสิ่งที่คล้ายลิงนี้ทำให้มันได้ฆ่าตายไป 2 ตัวแต่ขณะที่มันกำลังกินเนื้อพวกนี้อยู่ ฉับพลันก็มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ใช้อาวุธแปลกๆยิงเข้ามาหามันมากมาย แม้มันจะรอดไปได้แต่ก็บาดเจ็บหนัก ความแค้นที่โดนทำร้ายในเขตของมันจะนำพาความตายมาให้กับทุกตัวที่ได้ทำร้ายมันไป
3
เปิดเรื่องมาด้วยเรื่องที่วิทยาศาสตร์จ๋าเอามากๆครับ กับเรื่องราวการย้อนไปในอดีตในยุคน้ำแข็งของมนุษย์อนาคตกลุ่มนึงผู้ซึ่งเดินทางมาเพื่อรักษาเผ่าพันธ์ตั้งแต่ต้นนี้ไว้ ต้องการให้พวกเขารอดปลอดภัยเพื่อส่งยีนแห่งมนุษย์ชาติที่เข้มข้นต่อไป ซึ่งสาเหตุว่าทำไมเพราะอะไร อนาคตเกิดอะไรขึ้น
ถึงต้องเดินทางมายังที่แห่งนี้ไม่ได้บอกไว้ครับ เว้นให้เราจินตนาการกันเอง สิ่งสำคัญคือการพยายามสื่อสารกับคนอ่านอย่างเราเกี่ยวกับวิวัฒนาการครับ เราเคยรู้เรื่องกันว่าหากการข้ามายังอดีตและได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง สิ่งนั้นจะส่งผลต่อเนื่องมายังอนาคตแบบจินตนาการไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้คนอนาคตไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลย เพราะพวกเขานำอุปกรณ์ทำนายเส้นโค้งเวลาแห่งอนาคตเอามาด้วย แต่สิ่งที่เขาไม่คิดก็คือ
ความแค้นของเสื้อเขี้ยวดาบที่พวกเขาได้ทำร้ายมันไว้จะทำให้เส้นโค้งแห่งอนาคตของมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่ได้เคยคาดคิด เรื่องนี้สนุกมากครับ สั้นๆ เต็มไปด้วยหลักการ อ่านเยอะๆ คิดแยะในเรื่องของทฤษฎีครับ ถ้าไม่ชอบข้ามไปครับ แต่ก็ยังสนุกนะครับ 555
ดาวของยูนิคอร์น
หลังจากการเดินทางอันยาวนานและยาวไกล ยานสำรวจลำนึงที่พานักวิทยาศาสตร์และนักบุกเบิกจำนวนนึงมาก็ได้พบดาวดวงใหม่ที่มีลักษณะทางกายภาพเหมือนดาวโลกเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงได้ทำการจอดลงบนดาวดวงนี้เพื่อทำการพิสูนจ์ว่า ดาวดวงนี้มนุษย์สามารถอยู่อาศัยได้
เมื่อเขาลงจอดก็พบว่าดาวดวงนี้มีภูมิทัศน์และพื้นผิวที่เป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นดาวสร้างความรู้สึกดีให้กับพวกเขาว่าที่นี้เหมือนมีทุกสิ่งที่โลกเรามี “เอเดน” นั่นคือชื่อดาวแห่งนี้ชั่วคราวจากการเรียกของเจ้าหน้าที่คนนึงบนยาน หลังจากจอดยาวพวกเขาได้ทำการปล่อยสัตว์ทดลองที่นำมาเพื่อดูว่ามันสามารถอยู่บนดาวบนเอเดนได้ไหม
แม้ทุกอย่างจะมีอยู่ใกล้เคียงโลก แต่พวกเขาก็ยังไม่ถอดหน้ากากที่ครอบศรีษะเพื่อให้ออกซิเจนเขาออกจนกว่าจะแน่ใจ หมา ม้า ลิง หงส์ และ วัว คือสัตว์ที่พวกเขานำมาด้วยในครั้งนี้ พวกมันดูมีอาการแปลกๆ ไม่ยอมอยู่รวมกลุ่มกันอย่างที่ควรเป็น เพราะหากพวกมันไม่แน่ใจ การรวมกลุ่มของสัตว์พวกนี้คือสิ่งที่พวกมันควรทำ
แต่ขณะที่พวกเขากำลังสงสัยในพฤติกรรมสัตว์ที่เห็นอยู่ อยู่ๆ ยานของพวกเขาก็ทรุดตัวลง เพราะพื้นทุกหญ้าแห่งนี้ไม่อาจรับน้ำหนักของยานพวกเขาได้ และทำให้ท่อไอพ่นจมไปด้วย หมายถึงพวกเขาไม่สามารถบินขึ้นจากดาวดวงนี้ได้ ไม่เท่านั้นคลื่นจากยานก็ไม่สามารถทะลุขึ้นฟ้าเพื่อไปขอความช่วยเหลือได้ ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้มีเสบียงอยู่ได้นานนักที่สำคัญออกซิเจนที่เตรียมาก็ใกล้จะหมดลง เหล่านี้สร้างความเครียดให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งหนึ่งในทีมตัดสินใจเปิดหมวกของเขาเพื่อรับอากาศที่มีอยู่ในดาวนี้ ก็ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนี่นา และเขาก็พบว่าอากาศที่นี่หายใจได้ แต่มีเสียงเสียงหนึ่งที่แปลกๆและทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมา เสียงนี้คือเสียงอะไร มาจากไหน ขณะที่ทุกคนยังไม่ตระหนักถึงเสียงที่กำลังได้ยินอยู่นี้ จุดจบที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดจากการลงจอดบนดาวเอเดนแห่งนี้ก็ได้เริ่มขึ้น
ผมจะบอกว่าบรรยากาศในเรื่องนี้เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ มันจะคล้ายงานของ อ. จุนจิ อิโตะ พอสมควรนะครับ ผมหมายถึงมันให้ความรู้สึกว่าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์สยองขวัญ หรือระทึกขวัญครับ กับสถานะการณ์บนดาวดวงใหม่ที่ยังไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ในขณะเดียวกันปัญหาจากการที่ยานจมลงบนดินทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีออกจากยานนี้ไปได้ ก็เร่งเร้าให้เกิดปัญหาหลายๆอย่าง
เมื่อลูกเรือหลายคนเกิดความเครียดอันนำไปสู่การขัดแย้งเพราะดาวดวงนี้ยังคงมีบางสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจและสิ่งนั่นนั่นแหล่ะจะนำความตายมาสู่ทุกคน ในเมื่อเรื่องราวมันออกมาอย่างนี้ ผมถึงรู้สึกว่าเป็นงานเหมือน อ. จุนจิ แหล่ะครับ ตัวละครแต่ละตัวที่กำลังเจอสถานะการณ์ที่ทำให้ประสาทจะกิน สถานที่ไม่คุ้นเคย ความหวาดกลัวกันเอง พฤติกรรมแปลกๆที่เกิดขึ้นของเพื่อนร่วมงาน เหล่านี้สร้างแรงกดดันได้มากครับ ผมชอบนะครับเรื่องนี้แนว วิทยาศาสตร์ ระทึกขวัญครับ
จ่ารถถัง
เมื่อความทันสมัย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ก้าวไปถึงขั้น AI สามารถคิดและตัดสินใจดีกว่ามนุษย์ น่าเชื่อถือกว่า ไม่มีทั้งความกลัว ความกังวล และความลังเล มันจึงถูกรวมไปกับทุกสิ่งอย่าง ไม่พ้นแม้กระทั่งรถถังที่ใช้ในศึกสงครามของมนุษย์ และไม่ใช่แค่นั้นเพราะรถถังรุ่นใหม่ที่บรรจุเทคโนโลยีและความทันสมัยทั้งอาวุธและอุปกรณ์ เท่านั้น AI ก็ไปอีกขั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะได้รับคำสั่งให้เป็นผู้นำหมู่ย่อยในการทำศึก เมื่อ AI ต้องเป็นผู้สั่งฆ่ามนุษย์ และบัญชามนุษย์ให้ต่อสู้กันเอง อนาคตของเราจะเป็นเช่นไร
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ย้อนแย้งดีนะครับ เราสร้างอาวุธ สร้าง ai เพื่อมารับใช้มนุษย์แต่แล้ววันนึงเราก็สร้างมันมาเพื่อบัญชามนุษย์ ในการทำสงคราม ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เป็นแนวคิดที่มีความเป็นไปได้ที่คิดว่าไม่อีกนานหรอกครับ มนุษย์เราเก่งอยู่แล้วเรื่องนี้ เรื่องฆ่ากันเองเนี่ยแหละครับ
เพชรแห่งอาดามัส
เมื่อมนุษย์ต้องการเดินทางไปยังดินแดนแห่งใหม่ ดวงดาวดวงใหม่ในจักรวาลเพื่อหาคำตอบแห่งความอยู่รอดของชีวิต เพราะที่แห่งนั้นมี ดาร์กสตาร์ ไดอามอน เพชรสีดำที่สามารถมอบทางรอดของชีวิตให้กับหมู่มวลมนุษย์ได้ แม้การเดินทางไปยังดาวดวงนี้ในอดีตที่ผ่านมาจะไม่มีใครเหลือรอดกลับมาบอกว่าสิ่งนั้นมีจริงหรือเปล่า แต่ชีวิตที่อาจรอดถ้าเดินทางไปที่นี่ก็ทำให้ใครบางคนพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดกับความเป็นไปได้ที่จะรอดต่อไป
เรื่องนี้ต้องบอกว่าออกแนวลึกลับวิทยาศาสตร์อีกครั้งครับ ซึ่งแนวนี้คลาสิคมาก การเดินทางไปยังดวงดาวที่มีเรื่องเล่า ดวงดาวที่ไม่เคยมีใครไปแล้วได้ออกมา ดวงดาวที่มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ดวงดาวแห่งความหวังอันน้อยนิด กับคนที่อยากจะมีชีวิตอยู่ การเดินทางไปนี้อาจเป็นทางรอดเพียงอย่างเดียว แล้วทำไมเขาจะไม่ยอมเสี่ยงละ นี่แหล่ะครับเรื่องราวของการเดินทางที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรอเขาอยู่บ้าง
โคว วาดิส
เมื่อปรากฏยานอวกาศ รูปทรงไม้กางเขนที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แถมยังมีขนาดใหญ่มโหฬารอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ศูนย์อวกาศที่อยู่รอบๆ ก็เตรียมพร้อมเพื่อจะตอบโต้ยานอวกาศลึกลับที่อยู่ๆก็โผล่มาโดยไม่สามารถตรวจเจอได้ ทั้งยังไม่มีสัญญาญการตอบกลับจากยานอวกาศขนาดใหญ่นี้กลับมา
สร้างความตรึงเครียดให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง และในขณะนั้นก็มียานอวกาศเล็กๆลำนึงจากโลกมุ่งหน้าเข้าไปหายานอวกาศแห่งนี้ด้วยคำสั่งของศาสนจักรอันมีความเชื่อว่ายานอวกาศไม้กางเขนนี้คือตัวแทนของพระเจ้าที่ต้องการจะมาบอกอะไรกับพวกเรา เขาจะเจออะไรบ้างและมันจะใช่อย่างที่เขาคิดไหม
เรื่องนี้เด็ดดวงครับ ผมชอบมาก การตีความในอะไรหลายๆอย่างในเรื่องนี้สร้างความน่าสนใจให้กับคนอ่านอย่างผมมาก ทั้งเทคโนโลยี และศาสนา การแสดงความคิดเห็นเชิงศาสนาอย่างนี้มีไม่บ่อยในโลกวิทยาศาสตร์และอวกาศครับ
ทาร์ทรัมป์ (TAR TRUMP)
เรื่องนี้จะพูดถึงทะเลสาบประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ทาร์ทรัมป์ ครับ ซึ่งเข้าใจง่ายๆว่าเป็นทะเลสาบทีมีการซึมของยางมะตอยหรือยางแอสฟรัจส์ ซึ่งเป็นยางตามธรรมชาติที่แทรกซึมมากจากใต้ดินครับ ทำให้ทะเลสาบที่มีส่วนผสมของเจ้าพวกนี้น้ำมีความเหนียวสัตว์อะไรลงมากินหรือลงมาเล่นน้ำในทะเลสาบนี้ก็จะโดนยางพวกนี้ดูดและจมลงไปในทะเลสาบ
โดยเรื่องนี้จะแบ่งเป็น 3 พาร์ทย่อยๆครับ ซึ่งทั้งหมดจะมีความเกี่ยวโยงและเกี่ยวพันธ์กับเจ้า ทาร์ทรัมป์ แห่งนี้ โดยเล่าเรื่องราวผ่านยุคผ่านสมัยโดยมีทาร์ทรัมป์เป็นจุดศูนย์กลาง ในขณะที่เผ่าพันธุ์ต่างๆที่ต้องเกี่ยวข้องกับ ทาร์ทรัมป์ นั้นเป็นองค์ประกอบในการเล่าเรื่องครับ
ซึ่งอ่านทั้ง 3 พาร์ทที่ว่าแล้วรู้สึกว่าสนุกดีครับกับการใช้ ทาร์ทรัมป์เป็นแกนหลักของเนื้อเรื่องในเรื่องนี้ เชื่อมโยงกันได้ดี และบทสรุปจบในพาร์ทที่ 3 ก็น่าติดตามและดูตื่นเต้นดีครับ
ดาวเคราะห์ฤดูหนาว
เป็นเรื่องราวของดาวกวิน2 ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่เสมือนเป็นโลกแห่งน้ำแข็ง เพราะตลอดเวลามีแต่ความหนาวเย็นและหิมะครับ คนบนดาวดวงนี้มีหน้าตาคล้ายกับมนุษย์โลกเรา แต่ก็มีความแตกต่างกันหลายอย่างมากๆ อย่างเช่น ช่วงเวลากลางวันของที่นี่สั้นมาก หรือ คนที่นี้จะไม่พูดคุยกันตลอดชีวิต หรือ คนในดาวดวงนี้จะโตเร็วและตายเร็วมากกว่ามนุษย์โลก
และ ทุกคนจะมีสิ่งที่เรียกว่า จูนนิ่งฟอร์ด ไว้คนละอัน เจ้านี้เสมือนเป็นส้อมเสียงที่คอยส่งเสียงแทนเจ้าตัว แต่ไม่ใช่แค่นั้นยังมีความลับมากมายของสิ่งนี้ที่เราต้องศึกษา แน่นอนมนุษย์จากดาวโลกอย่างเราก็สนใจใน ดาวกวินและความแตกต่างที่มากมายของดาวดวงนี้ แต่การมาเยือนของพวกเรานั้น อาจสร้างความไม่พอใจในตัวตนของพวกเราให้กับคนในดาวดวงนี้ก็ได้ แม้พวกเราจะติดต่อสานสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มคนนึงในเผ่าดวงดาวดวงนี้ได้ก็ตาม
เรื่องนี้ออกแนวตีความหน่อยครับ เพราะด้วยโจทย์ของเรื่องนี้ที่ตัวดาวและคนในดาวนี้มีความต่างในการเข้าใจและการสื่อสารเลยเป็นอะไรที่ทำให้มนุษย์โลกต้องมาทำความเข้าใจใหม่ เนื้อหาจะใช้เด็กหนุ่มคนที่ว่าเป็นคนเดินเรื่องครับทั้งร้ายและดี ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในรูปแบบการนำเสนอครับ ติดปัญหาอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการพิมพ์พลาด
เฉพาะเล่มของผมเล่มเดียวหรือ ทั้งหมด หรือ เป็นความตั้งใจในการนำเสนอของ อ. ที่วาดหรือเปล่า เพราะเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่เรียงหน้าผิดครับ คือหน้าที่ควรอยู่หน้าแรกดันไปอยู่หน้าท้าย ผมอ่านจนจบแล้วรู้สึกว่ามันไม่เข้าใจ พอไล่อ่านจากหน้าสุดท้ายย้อนกลับมานี่โอเคเลย เรียงหน้าผิดครับ นั่นเลยเป็นคำถามว่าพลาดหรือตั้งใจครับ
เอาละครับ ทั้งหมดของเล่มนี้สำหรับผมต้องบอกว่าแต่ละเรื่องนี้เด็ดๆทั้งนั้นเลยนะครับ ด้วยเนื้อหาที่อิงกับวิทยาศาสตร์แต่ก็มีส่วนประกอบหรือสิ่งที่ต้องการถามในแต่ละเรื่องที่แตกกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก สามัญสำนึก ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ มุมมองทางสงคราม ความตาย ศาสนาและอื่นๆครับ บรรยากาศแต่ละเรื่องก็มีความแตกต่างกันไป
บางเรื่องราวให้อารมณ์เหมือนหนังวิทยาศาสตณ์ดีๆเรื่องนึงเลยครับ ซึ่งรูปแบบการนำเสนอแบบนี้ผมว่าปัจจุบันไม่ค่อยมีนักเขียนคนไหนนำเสนอแล้วนะครับ แต่ละตอนแม้ไม่เชื่อมต่อกัน แต่ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องและนำเสนอทำให้มันถูกผูกมัดรวมเล่มกันไม่ยากครับ อ่านแล้วเราจะรู้ว่าอันนี้เป็นผลงานของใครครับ
สิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้เป็นอย่างที่ อ. ต้องการก็คือลายเส้นครับ ด้วยลายเส้นสไตล์เก่าๆ เน้นความเหมือนของคนเราและความสมบูรณ์ของภาพ ในขณะเดียวกันก็ถมดำเล่นแสงเล่นเงาในวัตถุต่างๆได้ดีมากๆ เรื่องนี้งานภาพจึงบอกได้เลยว่าสุดครับ ซึ่งหายากมากใน ปัจจุบันนี้ที่จะหาคนวาดสไตล์แบบนี้ออกมา เต็มไปด้วยลายละเอียดและดีเทล์ที่ลงลึกอย่างมากครับ เป็นงานที่ให้ความสำคัญกับภาพมากเรื่องนึงเลยครับ
“SABEL TIGER ย้อนอดีตสู่อนาคต” เป็นการ์ตูนเล่มเดียวจบ โดย สนพ สยามอินเตอร์คอมมิคครับ ออกมาราวๆหน้าร้อนปี 2543 ได้ครับ เรื่องนี้อาจหาอ่านได้ยากหน่อย เพราะไม่น่าจะขายได้เยอะครับ และด้วยเวลาที่ยาวนานคิดว่าหายไปจากบ้านเราเยอะอยู่ครับ ซึ่งหากว่าใครชอบแนววิทยาศาสตร์ที่มีบรรยากาศหลากหลายในเล่ม ทั้งลึกลับ ทั้งผจญภัย
พร้อมกับการตั้งคำถามให้คนอ่านอย่างเราคิดอยู่ตลอดเวลา แม้การเล่าเรื่องจะเรียบง่าย แต่ก็มีชั้นเชิงในการใส่ลูกเล่นให้เราไม่เบื่อครับ แนวนี้ไม่ได้มีให้อ่านบ่อยๆ ขอนำเสนอและแนะนำว่าถ้าเจอสอยไว้เถอะครับ แม้เล่มนี้อาจต้องใช้เวลาอ่านซักหน่อยเพราะตัวหนังสือเยอะและการซอยช่องแยะก็ตาม ใครเป็นคนขยัน ห้ามพลาดครับผม
ภาพ 9.4/10
เรื่อง 9/10
ความประทับใจ 9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #SiamInterComics #การ์ตูนแนวอวกาศ #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #9คะแนน #ย้อนอดีตสู่อนาคต #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #SabelTiger #เล่มเดียวจบ #การ์ตูนแนวรวมเรื่องสั้น #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา