13 ต.ค. 2022 เวลา 23:42 • หนังสือ
สัตว์นรกภูมิ
โดย นำชัย ชีววิวรรธน์
Photo by Nicole Avagliano on Unsplash
นรก เป็นอย่างไร ปุถุชนคนทั่วไปที่ยังไม่ตาย คงยากจะรู้แน่
แต่นรกในศาสนาต่างๆ และในความคิดคำนึงของคนยุคปัจจุบันจำนวนมาก มักจะวาดภาพเป็นสถานที่รุ่มร้อน มีไฟนรกประกอบอยู่ด้วย บางทีก็แถมกระทะทองแดงอีกต่างหาก
จะมียกเว้นบ้างเช่น นรกโลกันตร์ที่มืดมิดสุดๆ ชั่วนาตาปี และเย็นเยียบถึงกระดูกต่างหาก
กลับมาที่นรกร้อนกันอีกที ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ อยากจะบอกว่ามีสัตว์บางอย่างที่อาจจะอาศัยอยู่ในนรกได้นะครับ
เอ้า ! ไม่เชื่อก็อ่านต่อเลยครับ
หากจะให้คิดถึงสถานที่ร้อนๆ บนโลก คุณผู้อ่านจะนึกถึงที่ใดกันบ้างครับ ?
บางคนอาจนึกถึงทะเลทรายที่คร่าชีวิตคนมานักต่อนัก
บางคนอาจนึกถึงน้ำพุร้อนที่ต้มไข่สุกสบายๆ และบางคนก็ อาจจะนึกถึงปล่องภูเขาไฟและลาวาที่มีไฟลุกโชน ... ใช่ครับ ร้อนๆ ทั้งนั้น
แต่ที่หลายท่านอาจนึกไม่ถึงก็คือ ใต้ท้องทะเลลึกก็มีสถานที่ซึ่งร้อนราวกับนรกอยู่เช่นกัน !
พื้นทะเลหลายๆ แห่งซึ่งอยู่ใต้ทะเลลึกลงไปหลายกิโลเมตร เช่น แถบแคริบเบียนที่ลึกถึง 5 กิโลเมตรนั้น คุณอาจพบรอยแยกที่พื้นทะเล อันเป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนภูเขาไฟได้เช่นกัน
บริเวณเหล่านี้ จะพ่นเอาส่วนประกอบสีดำทะมึนที่มีแร่ธาตุหนาแน่นขึ้นสู่มหาสมุทรเบื้องบน
ฝรั่งก็เลยเรียกมันว่า black smoker เสียเลย บางครั้งกระแส "ไอแร่ธาตุร้อนๆ" ที่พุ่งออกมาอาจจะสูงถึงหนึ่งกิโลเมตรก็มี แรงดันสูงสุดๆ จริงๆ ส่วนไอแร่ธาตุร้อนๆ ที่ปล่อยออกมานี้อาจร้อนมากถึง 450 องศาเซลเซียส
ร้อนราวกับนรกไหมละครับ !
แต่เชื่อไหมครับในนรกภูมิแบบนี้ ใกล้ๆ กับหมู่เกาะเคย์แมน (The Cayman Islands) ที่นักวิทยาศาสตร์ดั้นด้นลงไปศึกษา พวกเขาไปเจอเอากับกุ้งชนิดหนึ่ง (Rimicaris hybisae) ที่อาศัยอยู่ตรงนั้น
Photo by David Clode on Unsplash
พวกเขารายงานไว้เมื่อต้นปี 2012 ว่า กุ้งพวกนี้ไม่ได้อยู่กันนิดๆ หน่อยๆ หรือหายาก แต่อยู่กันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ตามปล่องน้ำพุร้อน
ลองนึกภาพว่าคล้ายๆ กับจอมปลวก บางอันก็สูงถึง 6 เมตรทีเดียว ถ่ายภาพมาเห็นกุ้งยั้วเยี้ยไปหมดเลยละครับ
นับได้ราวๆ 2,000 ตัวต่อตารางเมตร ... สลัมกุ้งชัดๆ
นอกจากจะทนความร้อนสุดๆ แล้ว กุ้งพวกนี้ไม่มีตา แต่กลับมีอวัยวะรับแสงอยู่กลางหลัง นักวิทยาศาสตร์คาดว่าอาจจะเอาไว้ช่วยนำทางใต้ทะเลลึกที่แม้จะมืดมิด
แต่บางทีก็มีแสงเรืองจากสิ่งมีชีวิตหรือจากแร่ธาตุในไอร้อนตามรอยแตกนี่แหละครับ
กุ้งพวกนี้ยังมีญาติชื่อ Rimicaris exoculata อยู่ที่ใกล้น้ำพุร้อนใต้ทะเลกลางแนวสันใหญ่ ยักษ์กลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่ลึกราว 4 กิโลเมตรด้วย
แถมนอกจากกุ้งก็ยังพบพวกดอกไม้ทะเลหนวดขาว ทากทะเล หรือแม้แต่ปลาที่รูปทรงคล้ายงูด้วย !
คิดเล่นๆ ขำๆ ว่า ถ้าเอาขึ้นมาทำเป็นอาหารบนบก จะต้องทำยังไง ... ทนร้อนได้ซะขนาดนั้น ... สงสัยต้องต้มในน้ำมันเดือดๆ หรือไม่ก็กินดิบๆ ซะละมั้งครับ
หากที่ว่ามายังไม่น่าแปลกใจพอ ลองมาฟังเรื่องของกุ้งที่ปล่อยสายฟ้าฟาดได้ดูบ้าง
มีกุ้งชนิดหนึ่ง (Alpheus heterochaelis) ที่แม้จะตัวเล็กนิดเดียวเท่าๆ กับนิ้วมือของคนเรา แต่สามารถใช้ก้ามของมันกระแทกกันให้เสียงที่แหลมสูง และที่สำคัญคือ เสียงที่ว่านี้ดังสุดๆ ไปเลย ... ดังขนาดที่ร่ำลือกันว่า หากมีพวกมันอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น เรือดำน้ำก็อาจใช้พวกมันในการพรางตัวจากโซนาร์ได้ทีเดียว !
เนื่องจากความแปลกประหลาดของมันนี่เอง ทีมนักวิจัยชาวยุโรปจึงสนใจศึกษาฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากกลยุทธ์ประหลาดของพวกมัน
แล้วก็พบว่าเสียงดังเกิดจากก้ามของมันกระทบกันอย่างรวดเร็วเสียจนเกิดการระเบิดตัวของน้ำกลายเป็นฟองอากาศ และเกิดเป็นเสียงดัง
แต่ที่น่าทึ่งหนักยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ นอกจากเสียงจะดังมากแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังพบอีกด้วยว่า อุณหภูมิและความดันภายในฟองอากาศที่เกิดขึ้นก่อนจะระเบิดตัวออกนั้นมหาศาลจริงๆ จนทำให้เกิดประกายไฟคล้ายฟ้าผ่าด้วย !!!
แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครสังเกตเห็นเลย เพราะมุ่งความสนใจไปแต่เสียงที่ดังจนโอเวอร์นั่นเอง
กุ้งที่ว่านี้ไม่ได้เป็นกุ้งทะเลลึกนะครับ อยู่ตามบริเวณน้ำตื้น ๆ แถบศูนย์สูตร พวกมันมีก้าม สองข้าง โดยข้างหนึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก มันจะใช้ก้ามยักษ์อันนี้จู่โจมเหยื่อ เช่น พวกปูตัวเล็กๆ
โดยมันจะกระแทกก้ามยักษ์ของมันเข้าหากันจนเกิดเป็นฟองอากาศซึ่งจะไประเบิดใส่และน็อกเหยื่อได้
ความเร็วของฟองอากาศนี่ ยังกะพวกมันยิงปืนลูกกระสุนน้ำใส่ยังไงยังงั้นเลยครับ
เพราะวัด ความเร็วได้ถึง 100 กิโลเมตร/ ชั่วโมง และที่สำคัญคือ พวกมันลงมือไวสุดๆ ไปเลยคือ เมื่อใช้กล้องจับภาพความเร็วสูงถ่าย พบว่าพวกมันลงมือในเวลาแค่ 300 ไมโครวินาที
กล่าวอีกอย่างคือ สั้นเพียง 300 ในล้านของวินาทีเท่านั้น !
เมื่อใช้กล้องวัดแสงจับภาพแล้วคำนวณค่าอุณหภูมิออกมา ทีมวิจัยก็ต้องตะลึงอึ้งไปเพราะอุณหภูมิขณะที่ฟองอากาศระเบิดนั้นสูงถึง 5,000 องศาเคลวิน
อุณหภูมิขนาดนี้ร้อนแค่ไหนกันหรือครับ?
ร้อนมากๆ เลยครับ เพราะอุณหภูมิที่พื้นผิวดวงอาทิตย์น่ะอยู่ที่ 5,800 องศาเคลวินเองครับ !
Photo by NASA on Unsplash
แต่สายฟ้าฟาดที่เกิดขึ้นสั้นมากๆ เลยครับ คือไม่ถึง 10 นาโนวินาที
พูดอีกอย่างคือ 1 ใน 100 ล้านส่วนของวินาทีเท่านั้น และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในสภาวะปกติ แต่หากบังเอิญเราไปอยู่ใกล้ๆ ตอนลงมือ ก็อาจจะเห็นได้นะครับ
คิดแล้วก็อยากเอาแคแร็กเตอร์ทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นไปสร้างเป็นการ์ตูนฮีโร่ตัวใหม่ที่มาจากนรก ... "มนุษย์กุ้ง" ที่มีก้ามโต (มีชุด) ทนร้อนจัดได้ มีตาอยู่กลางหลัง
แถมยังมีอาวุธลับที่ใช้จัดการศัตรูด้วยการกระแทกก้ามยิงสายฟ้าฟาดใส่ !
บทความนี้รวมอยู่ในหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
ปกหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
โฆษณา