EP.3 อัปเดตข่าวสารตลาดทุน โดย AIA Thailand – 30 กันยายน 2565
สภาพเศรษฐกิจโดยรวม
- ■ไทย
- จากการคาดการณ์เศรษฐกิจล่าสุดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ยังคงมองว่า GDP ในปี 2565 จะเติบโตที่ 3.3% เช่นเดิม โดยได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับลดการคาดการณ์ GDP ของปี 2566 ลงเล็กน้อยจาก 4.2% เป็น 3.8%
- ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะปรับลดจาก 6.3% ในปี 2565 เหลือ 2.6% ในปี 2566 ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ 1%-3% ตามกรอบเป้าหมายอย่างเป็นทางการ ทว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) น่าจะยังสูงอยู่ โดยคาดการณ์ปี 2565 อยู่ที่ 2.6% และปี 2566 อยู่ที่ 2.4% จากการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและภาวะการขาดแคลนแรงงาน
- นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังกล่าวว่า ได้เข้าไปดูแลค่าเงินบาทในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อลดความผันผวน ปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 16 ปีเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปีนี้เงินบาทได้อ่อนค่าลง 11.7% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวว่าเป็นผลมาจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลดอลลาร์ และค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ยังคงมีเสถียรภาพ ทั้งระบบธนาคารเองก็ยังมีความแข็งแรงดี
EP.3 อัปเดทข่าวสารตลาดทุน โดย AIA Thailand – 30 กันยายน 2565
- ■ต่างประเทศ :
สหรัฐอเมริกา / Lael Brainard รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงสนับสนุนแนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ เธอกล่าวว่า Fed จะไม่ยกเลิกการใช้มาตรการจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย
ขณะที่สมาชิกคณะกรรมการ Fed คนอื่นๆ เช่น Mary Daly มองว่าอัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะลดลงถึงเป้าหมายที่ 2% จนกว่าปลายปี 2022 หรือ 2023 ส่วน Thomas Barkin ก็เห็นด้วยกับการใช้มาตรการขั้นรุนแรงกับการจัดการวิกฤติเงินเฟ้อ และการหยุดก่อนถึงเวลาอันควรอาจกลายเป็นความเสี่ยงที่มากกว่า
- ■ตลาดตราสารหนี้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 9 bps เป็น 3.21% ขณะที่พันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้น 14 bps เป็น 1.88% ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนของตราสารหนี้ 2 ปี และ 10 ปี ลดลงเป็น 133 bps จาก 138 bps ในสัปดาห์ที่แล้ว
- ■ตลาดตราสารทุน
AIA Thailand Capital Market Monitoring – 30 September 2022
- ■ตลาดหุ้นไทย :
- ดูเหมือนตลาดหุ้นไทยจะได้สะท้อนผลกระทบจากวิกฤติเงินเฟ้อไว้แล้ว โดยเห็นได้จากดัชนีของตลาดที่ลดลงเพียง -2.7% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ต่างจากดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ที่ลดลงไปอย่างมาก เป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะกลับไปอยู่ในระดับเหนือ 1,700 จุด ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า ด้วยแรงขับเคลื่อนจากมุมมองของนักลงทุนและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงด้วย
- ■ตลาดหุ้นสหรัฐฯ :
- ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ร่วงลงต่ำที่สุดนับจากพฤศจิกายน 2020 หลังจากสมาชิกธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อีกกลุ่มหนึ่งออกมาให้ความเห็นเชิงนโยบายแบบตึงตัว (hawkish) อีกครั้ง ทั้งสถานการณ์ในยุโรปก็ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจด้วย ดัชนี S&P500 ให้ผลตอบแทนขาดทุนที่ -3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว และ -8.25% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 ที่มีบริษัทสายเทคโนโลยีเป็นหลัก ให้ผลตอบแทนขาดทุนที่เกือบ -3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว และเกือบ -9% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว
หมายเหตุ:
ข้อมูลอ้างอิงจาก AIA Thailand Capital Market Monitoring – 30 September 2022
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป ผู้ใช้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ด้วยตนเอง
เริ่มวางแผนการเงินระยะยาว กับบริการผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลการลงทุน AIA InvestPro และ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย)
ผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ที่เหมาะกับคุณได้แล้ววันนี้
ติดต่อตัวแทน เอไอเอ หรือดูรายละเอียดได้ที่ : https://www.aia.co.th/th/our-products/unit-link.html
คำเตือน:
● ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจรายละเอียด เงื่อนไข ความคุ้มครองและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย รวมทั้งศึกษาทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
● ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
• การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ติดตาม Community AIA Thailand ได้ที่ https://www.blockdit.com/topics/6322a4b8ae66c7433c8d5007
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
