• จากข้อสังเกต: ผู้นำในโลกนี้มักจะเป็นนักอ่านเสมอ (แต่นักอ่านอาจจะไม่ได้เป็นผู้นำทุกคน) แต่พวกเค้าคงจะไม่ได้อ่านหนังสือแบบผ่าน ๆ หรือแค่ความสนุกสนานอย่างแน่นอน
You are what you read.
• คนที่ต้องการจะนำคนอื่นให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นจะต้องตระหนักถึงความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเรียนรู้และเติบโตขึ้น
• ยกตัวอย่าง: ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช จะอ่านหนังสือประมาณ 100 เล่ม แต่ก็น้อยกว่าที่ปรึกษาอาวุโสที่ชื่อว่า คาร์ล โรฟ ที่อ่านมากกว่าเขาด้วยการอ่าน 125 เล่มในปีเดียวกัน
‘Decision Points’ by George W. Bush
• แต่สิ่งที่น่าสนใจ: พวกเขาอ่านหนังสือมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร อ่านหนังสืออะไร พวกเค้ามีตารางการทำงานที่ยุ่งมาก หรือไม่สามารถที่จะนอนดึกแล้วตื่นสายในวันถัดไปได้ พวกเขามีวิธีอ่านหนังสืออย่างไรมากกว่าและมีเวลามากแค่ไหนในการอ่าน
***ทุกคนที่ “อ่านหนังสือ” นั้นมีวัตถุประสงค์ที่อ่านแตกต่างกัน ผมเคารพในแนวความคิดนั้น ๆ แต่สำหรับผู้ที่จะชี้นำสังคมในแต่ละด้าน ควรจะมีความรู้จริง อ่านหนังสือ งานวิจัยนั้น ๆ ให้มากพอเพียง อัพเดตเสมอ ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์คำพูดที่สวยงามเพื่อโน้มน้าวใจผู้คนเพียงแค่นั้น
***กล่าวโดยสรุป: คนประสบความความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะเป็นนักอ่าน แต่นักอ่านทุกคนอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ มันมีปัจจัยมากมายหลายอย่างคอยผลักดันให้คนประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
เพิ่มเติม: ถ้าสนใจ ‘วิธีการอ่านหนังสือ’ เชิญชวนให้อ่านต่อได้เลย ครับ
• หนังสือเรื่อง “วิธีการอ่านหนังสือ” แบ่งการอ่านออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน ได้แก่ :
• ระดับที่ 1 – อันดับแรก พยายามทำความเข้าใจว่าคำเหล่านั้นมารวมกันแล้ว มันมีความหมายในประโยคว่าอย่างไร ใจความรวมในแต่ละย่อหน้า
• ระดับที่ 2 – การอ่านแบบสำรวจ จะต้องอ่านหนังสือในเวลาที่จำกัด โดยต้องได้เนื้อหามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายในเวลาที่กำหนด
• การอ่านแบบสำรวจเป็นศิลปะในการอ่านคร่าว ๆ อย่างมีระบบ เป้าหมายเพื่อให้เห็นภาพรวมของหนังสือเล่มนั้น ๆ มักจะได้ข้อมูลที่ดีพอสมควร ในการอ่านระดับนี้
- แทนที่จะถามคำถามว่า “ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร” ผู้อ่านจะถามว่า “หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร?”
• ระดับที่ 3 – การอ่านแบบวิเคราะห์เป็นการอ่านอย่างละเอียด ฟรานซิส เบคอน ได้กล่าวเอาไว้ว่า “หนังสือบางเล่มมีเอาไว้เพื่อให้ชิม, บางเล่มมีเอาไว้กลืน, และมีเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นที่เอาไว้เคี้ยวและย่อย”
- การอ่านหนังสือแบบวิเคราะห์เสมือนการเคี้ยวเนื้อหาในหนังสืออย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ย่อยมันลงไปในสมองของเรา
• ระดับที่ 4 – การอ่านแบบสังเคราะห์เป็นการอ่านประเภทขั้นสูงและซับซ้อนมากที่สุด บางคนเรียกการอ่านระดับนี้ว่าเป็น “การอ่านเชิงเปรียบเทียบ”
- ผู้อ่านจะอ่านหนังสือหลาย ๆ เล่มและหาความสัมพันธ์กันของข้อมูลจากหนังสือแต่ละเล่ม รวมถึงหัวข้อหลักที่หนังสือทุกเล่มกล่าวถึง
- ในที่สุด ผู้อ่านจะสร้างบทสรุปของการวิเคราะห์นั้น ๆ ขึ้นมาเองได้เอง นักศึกษาปริญญาเอก พวกเขาเหล่านั้นต้องใช้การอ่านระดับนี้ในการทำงานวิจัย (อย่างไรก็ตามต้องอ้างอิงจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือเสมอ)
• หมายเหตุ: คุณอาจกำลังพยายามในการอ่านให้เร็วมากขึ้นจนไม่ได้อะไรจากหนังสือเล่มนั้น หรือคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทุ่มเทในการอ่านหนังสือทุกเล่มก็ได้
- เราก็สามารถอ่านหนังสือเล่มต่อไปได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราได้ไปเจอหนังสือเล่มดี ๆ เราถึงต้องนั่งลง จิบกาแฟบนเก้าอี้ตัวโปรดแล้วค่อย ๆ ย่อยเนื้อหาที่ผู้เขียนเขียนเอาไว้ในหนังสือเล่มนั้นอย่างช้า ๆ เป็นต้น
อ้างอิงจาก:
- บทความแปลจาก "How Do Leaders Read So Much?"
- โดยได้รับอนุญาตจากผู้เขียน Kevin Eastman
ตัวอย่างหนังสือที่ผู้นำในโลกนี้เค้าอ่านกัน
***แล้วหนังสือของคุณหล่ะเล่มไหน ? ของผมมีเก็บอยู่ในใจไว้แล้วครับ
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
