12 ต.ค. 2022 เวลา 16:47 • หนังสือ
ผมเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า
’Readers are Leaders’.
John C. Maxwell,
ครับ แน่นอนว่า “การอ่าน” เป็น “กระบวนการเก็บเกี่ยวข้อมูล” เข้ามาซึ่งก็คือ “inputs” ของระบบ และ “ประสบการณ์จากการลงมือทำ” หรือการ “รับฟัง” ก็สามารถเป็นแนวทางการได้มาซึ่ง “inputs” ต่างๆได้ โดยไม่จำกัดการเรียนรู้อยู่แค่เพียงการอ่าน!
2
ผมเองไม่เคยอ่าน “สามก๊ก” มาเลย แต่ผมก็อนุมานเอาเองว่า ในยุคจีนโบราณ
บุคคลที่มีภูมิปัญญาสูงส่งอย่าง “ขงเบ้ง” นั่น ท่านเองคงจะ “อ่าน” มาเยอะในศาสตร์หลากหลายแขนง จนถึงแม้ตัวของท่านเองจะไม่ได้เป็น “ผู้นำ” ของก๊กใดก๊กหนึ่ง ขงเบ้งก็เป็นบุคคลสำคัญที่ “ผู้นำ” ก๊กต่างๆอยากให้ท่านมาเป็น “ที่ปรึกษา” ให้ในยามศึกสงครามที่ไม่ใช่รบกันเพื่อ คำว่า “แพ้หรือชนะ แต่เพื่อ “ความเป็นหรือความตาย”
2
It’s not winning or losing.
It’s living or dying!
ดังนั้น “inputs” ที่มีคุณภาพและหลากหลายที่ได้มาจากการอ่านหรือหนทางอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้พลิกชะตาชีวิตของผู้คนในแผ่นดินได้มาช้านาน
แล้ว!
1
1) โดยจากประสบการณ์ตรงของผม ผมมองแบบนี้ครับ
1
curiosity -> creativity -> courage (dare to dream) -> imagination (what if) -> getting hands dirty (practitioners) -> knowledge from experience
นั่นคือ “curiosity” หรือ “ความอยากรู้อยากเห็น” เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการได้มาของ “inputs” ไม่ว่ามันจะมาจากการอ่านหรือโดยหนทางอื่นๆ
1
โดย posts นี้ของผมได้ให้รายละเอียดไว้แล้วครับ
2) “วิธีคิด” VS “ความรู้”
1
ผมมองแบบนี้ครับ
“ความรู้” เปรียบเหมือน “ลูกธนู”
“วิธีคิด” เปรียบเหมือน “คันธนู”
2.1) “คันธนูดีๆ” ถูกใข้ยิง “ลูกธนูไม่ดี”
แน่นอนครับว่า คันธนูดีๆ สามารถยิงลูกธนูไม่ดี ให้ไปได้เร็วแรงและไกลได้ แต่ลูกธนู อาจไม่ “เข้าเป้า” และถึงแม้มันจะเข้าเป้า ก็อาจ “เจาะทะลุเป้าหมาย” ไม่ได้!
1
2.2) “คันธนูไม่ดี” ถูกใช้ยิง “ลูกธนูดีๆ”
1
กรณีนี้ คันธนูอาจหัก หรือ สายธนูอาจขาด ในขณะทำการง้างยิง! นั่นคือ ไม่สามารถทำการยิงได้ตั้งแต่แรก!
1
จึงชัดเจนว่า สิ่งที่ทรงพลังที่สุดคือ
“วิธีคิด” ที่ถูกต้อง จะนำมาซึ่ง “การนำความรู้ที่ลึกซึ้ง” ไปใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม หรือกล่าวง่ายๆได้ว่า เมื่อคุณ “อ่านเกมส์ออก” คุณก็สามารถใช้ “ความรู้” ที่อาจมีเพียงน้อยนิดไป “ขยายผล” เพื่อ “ประโยชน์สูงสุด” ได้
แต่หากคุณมี “ความรู้ดีๆ” แล้ว ไม่สามารถนำความรู้ดีๆนั้นไปหาประโยชน์ได้ถูกทาง ความรู้ดีๆก็ไม่สามารถนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างที่ควรเป็น ไม่ต่างจากคำโบราณที่ว่า
“ไก่ได้พลอย” หรือ “หัวล้านได้หวี”
และแน่นอนที่สุดว่า “คันธนูดีๆ” เมื่อถูกใช้ยิง “ลูกธนูดีๆ” ย่อมจะ ยิง “เป้าหมายไกลๆ” ได้อย่างแม่นยำและทะลุทะลวงอย่างน่าอัศจรรย์!
เพราะเมื่อคุณสามารถใช้ “creativity” หรือ “ความคิดสร้างสรรค์” ไป “สร้างมูลค่าเพิ่ม” (Value-adding) ให้กับ “ความรู้” ที่คุณได้มาจากการอ่านหรือ “inputs” จากวิธีอื่นๆได้ เมื่อนั้น คุณก็สามารถ “ลงมือทำ” (execution) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผมขอแนะนำ posts นี้ของผมเพื่อใช้ขยายความครับ
3) “อ่านอย่างเดียว แต่ไม่เชี่ยวชาญ” แล้วจะ “เกิดผล” ได้หรือ?
1
4) “เทคนิคการอ่าน” ในแบบของผม
1
5) “หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของผมมาแล้ว”
6) “อ่านแล้ว.....รวย! จริงหรือ?”
1
อย่างที่ท่าน Warren Buffett ได้กล่าวไว้ว่า
“the more you learn, the more you earn,”
ผมมี idol ในวงการลงทุนอยู่ท่านหนึ่ง ที่ท่านเองมีผู้ตั้งฉายาให้ท่านว่า
“the Oracle of Omaha”
บุคคลท่านนี้เป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์การลงทุน โดยกลุ่มกิจการที่ทีมงานของท่านดูแลอยู่มีมูลค่าหุ้นราว “สี่แสนดอลลาร์” กว่าๆ ต่อหนึ่งหุ้น! ตามที่ผมเคยได้ยินมา!
คุณลุงที่ท่านมีมูลค่าในการลงทุนของกิจการที่ท่านและทีมงานดูแลอยู่ รวมๆแล้วอาจเปรียบเทียบได้กับสัดส่วนใหญ่ๆของ GDP ของประเทศเล็กๆบางประเทศในโลกได้ครับ
ครับ ท่านผู้นี้คือ Warren Buffett
ครับ ความสามารถของท่านในระดับที่มีผู้คนตั้งฉายาให้ว่า “เทพพยากรณ์” นั้น คงมีเค้าความจริงที่น่าสนใจอยู่บ้าง
และผมลองค้นข้อมูลดูจึงพบว่า
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ท่านเคยแนะนำนักศึกษาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง
ท่านกล่าวว่า
“Read 500 pages like this every day,”
ในขณะที่ท่านคว้าคู่มือและปึกเอกสารหนาๆ
แล้วท่านกล่าวต่ออีกว่า
“That’s how knowledge works. It builds up, like compound interest. All of you can do it, but I guarantee not many of you will do it.”
ครับ กล่าวโดยสรุปใน style แบบของผมก็คือ
“หากคุณเพิ่มหนทางในการได้มาซึ่งสาระในชีวิต (data flow) ไม่ว่าจะด้วยการอ่านหรือวิธีอื่นๆ
แล้วคุณผนวกเอาความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์จากการลงมือทำ
วันหนึ่ง กระแสเงินสด (cash flow) ของคุณ อาจได้รับการพัฒนา!”
“the more you learn, the more you earn,”
โฆษณา