ผมเพิ่งเป็น “โอตะ” ในวัยเกือบ 40 ปี
ที่ที่เราพบกัน
ก่อนหน้านี้ ผมรู้จักกับคำว่า “โอตะ” หรือ “โอตะคุ” จากกลุ่มแฟนคลับของศิลปินอย่าง “BNK48” แล้วก็เข้าใจว่า การสถาปนาตัวเองเข้าไปเป็น “โอตะ” ของใครสักคน จะต้องชื่นชอบและหลงไหลในคนคนนั้นเป็นอย่างมาก รักและชอบทุกอย่างในตัวของคนคนนั้น แต่เราจะต้องเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้เค้า ของซัพพอร์ต เค้า เท่าที่เราจะทำได้
ซึ่งนี่คือทั้งหมดที่ผมพอจะเข้าใจ และก็รู้เลยว่า ตัวเองเลยวัยนั้นมาหลายปีแล้ว อายุก็จะเข้าสู่เลข 4 แล้ว ไม่น่าจะไปเป็นติ่ง เป็นโอตะ ของใครได้เหรอ
แต่ให้ตายเถอะ! ผม “โดนตก!!!” เป็นโอตะ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่ศิลปินหรือ นักร้องที่ใครรู้จัก! แถมอายุห่างจากผมร่วม 20 ปี!!!!
เริ่มต้นด้วยการยอมรับเลยว่า “ผมชอบน้องเค้าครับ” ชอบแบบผู้ชายคนหนึ่ง จะชอบผู้หญิงอีกคนนึง แบบนั้นเลย แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า มันเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่ต้น ทำให้ผมขอผันตัวเองมาเป็น “โอตะ” ของน้องเค้าแทน
ด้วยความบังเอิญ ทำให้ผมได้เจอกับน้องเค้า เพราะน้องเค้าไม่ใช่คนไทยครับ เป็นคนประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่เอง และความบังเอิญนี้เองที่ทำให้ผม “โดนตก” ถึงบ้านเค้าตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า “โดนเข้าให้แล้วหวะ!!”
ช่วงเวลาที่ได้พบเจอและเดินกันมันช่างน้อยนิด จนคิดว่า มันก็แค่คนที่เดินผ่านกันในชีวิต จนวันเวลาผ่านไป ผมก็เจอน้องเค้าในโซเชียล มีเดียจนได้ และแล้ว มิตรภาพใหม่ก็ก่อตัวขึ้นมา
เรื่องราวตรงนี้มันจะยาวมากๆ เลยครับ ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาจริงที่มันเกิดขึ้น แค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น แต่มีเหตุการณ์อะไรมากมาย ที่ทั้งทำให้ผมมีความสุข และทุกข์ใจจนแทบบ้า เสียอาการคนวัยกลางคนไปหลายรอบเหมือนกัน แต่สุดท้าย ก็ได้รู้ตัวว่า “ผมแค่คิดไปเอง”
ในช่วงเวลาที่ผมพยายามแสดงออกว่าผมชอบเค้านะ ก็ถูกปิดกั้นมาตลอด เพราะน้องเค้าก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าน้องเค้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ถึงจะยังไม่ได้คบเป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่พร้อมเปิดใจให้ใครเข้ามาอีกทั้งสิ้น
ในที่สุด เรื่องราวมันก็ทำให้ผมดิ่งไปจนสุดทางเท่าที่ผมคิดว่ามันจะสุดแล้ว และสุดท้ายปัญหาที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นความผิดของน้องเค้าหรือใครทั้งนั้น มันคือตัวผมเอง ความคิดของผมเอง ดังนั้น ปัญหานี้ แก้ได้ง่ายมาก เพราะแค่แก้ที่ตัวเรา
ผมยอมรับกับน้องเค้าไปตรงๆ ว่าผมชอบน้องนะ แต่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเลยขอเป็นพี่ชายของน้องแทนแล้วกัน ยินดีที่จะซัพพอร์ตน้องทุกอย่างถ้าเราพอที่จะทำได้ เพราะน้องเค้ามีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน เรื่องการศึกษา เป้าหมายในการทำงานและเป้าหมายในการใช้ชีวิต แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นมันยากมากจริงๆ
เมื่อผมได้รู้ ผมเลยอาสาจะช่วยในเรื่องนี้ หาวิธีต่างๆ มาช่วย เช่น การใช่ Cryptocurrency ในการซื้อ-ขาย-แลก-เปลี่ยนเงินตราต่างๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ทำลงไป ก็รู้ว่า ผมคงไม่ได้อะไรสิ่งของทางกายภาพใดๆ ตอบแทนกลับมาอย่างแน่นอน เพราะคำว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
แต่สิ่งที่ผมได้กลับมา มันเป็นเพียงความรู้สึกสบายใจ อิ่มใจ และมีความสุขมากๆ ที่ได้เห็น “เธอ” มีความสุข เพราะสำหรับผมเอง สิ่งที่ช่วยเหลือหรือมอบให้ มันไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่มันมีค่ามากๆ กับคนอีกหนึ่งคน ซึ่งผมมีความสุขกับเรื่องนี้มากจริงๆ
สิ่งที่ผมทำ อาจแลดูแปลกๆ แต่มันมาจากความรู้สึกของผมเอง ที่บรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้เท่านี้ รวมถึงการถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกไป ผ่านตัวหนังสือ ให้เธอได้รับรู้ ผมก็สามารถทำได้เท่านี้เช่นกัน ว่าผมชอบเธอแค่ไหน มันอาจจะเป็นการหลงไหลในรูปร่างหน้าตา แต่คนที่เป็นติ่ง เป็นโอตะ หรือเป็นเอฟซีของใครสักคนคงเข้าใจ เพราะสิ่งแรกที่เราชอบเค้า ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องนี้ แต่ยิ่งรู้จัก ยิ่งชอบเธอจริงๆ
คุณเคยเป็นไหม เวลาดูรูปหรือวีดีโอของใครสักคน ไม่ว่าเค้าจะทำอะไร เราจะยิ้มทุกครั้งที่ดู ดูได้วันละหลายๆ รอบ โดยไม่เบื่อเลย
ตอนนี้ ถึงผมจะเป็นได้แค่ “พี่ชายที่แสนดี” ของเธอ เท่านั้นจริงๆ ที่ทำได้
ไม่ได้ครอบครอง แต่ได้ดูแล แค่ก็ดีที่สุดแล้ว
อยากจะบอกว่า ตอนนี้ ผมแม่งโคตรมีความสุขเลย 😊
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
