13 ต.ค. 2022 เวลา 07:01 • ความคิดเห็น
การอธิษฐานนั้น เหมือนกับการบอกตัวเอง บอกจิตตัวเองให้รับรู้ เพราะจิตเรามันอยู่ลึกเหมือนวิญญาณหก ที่ปกคลุมไปด้วยอารมณ์ นึกคิด เวลาเรา ..สมมุติ เราบอกตัวเอง..เราพูดขึ้น ขณะอยู่หน้าพระว่า..
จิตข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเรือนกายของคุณบิดามารดา เราทำกายนิ่งๆ เราก็สำรวจตรวจสอบเรือนกายนิ่งมั้ย มือซ้ายยกขึ้นมา..มารดา มือขวายกมาประกบมือซ้าย..บิดา เวลาเรากราบพระ เราก็บอกตัวเอง เอากายบิดามารดามากราบพระ ตาเราก็มองดูที่มือ อย่าไปมองที่อื่น ..ให้จิตบังคับตามองดที่มือ ..มือของบิดามารดามากราบพระ กราบด้วสติของจิตทร่ไม่เดลื่อนไหวไปไหน กราบพร้อมด้วยกายวาจาใจ ครบถ้วน
เมื่อเราจะประพฤติ ..เราก็บอกตัวเอง พูดให้หูเราได้ ยิน ..กายนิ่ง จิติเฉย ..จิตไม่นึกคิดอะไรทั้งนั้น เรานั่งพับเพียบ..อธิษฐานของปฏิบัติธรรม ไปตามรอยขององค์พระสิทธัตถะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยกายวาจาใจ เป็นเวลา .ครึ่งชั่วโมง ขอดินฟ้าอากาศ พระแม่พระธรณี พระแม่พระคงคา พระแม่พระเพลิง พระแม่พระพาย เป็นสักขีพยานในการกระทำของเรา ขอแสงรัตนะขององค์พระสัมมาสัมพุทธ หนุนนำให้จิตข้าพเจ้ารู้แจ้งเห็นจริง ตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
นั้นเป็นการอธิษฐาน ..เพื่อนำจิต..กายวาจาใจ ไปหาสิ่งที่สูงๆ เค้าเรียกว่า ใช้ภาษาที่สูง เกิดขึ้น
เรื่องราวของจิต นั่น ปกติคนเราอยู่กับอารมณ์ นึกคิดตลอดเวลา ไม่เคยว่างเว้น จนเราไม่รู้จักจิตของเราเลย เพราะฉะนั้น ..เมื่อเรามาปฏิบัติธรรมรักษากายนิ่ง จิตเฉย .. กายนิ่ง จิตเฉย ได้นั้นแหละ จะเป็นจิตลดละอารมณ์ ลดละกรรมออกไป เราก็เพียรนั่งรักษากายให้นิ่ง จิตเฉยๆ ภาวนาพุทโธขึ้น ..ทำไปเรื่อย ๆ จนเราสังเกตได้ ว่ากายนิ่ง จิตเฉยจริง ..กายจะตั้งตรง สติดูลมหายใจเข้าออก ดูเฉยๆ สติอยู่ที่ลมหายใจ จิตตภาวนาพุทโธ ขึ้น…เราทำไปเรื่อย จิตก็จะมีกำลัง
มีความคิดอะไรเกิดขึ้น ก็บอกตัวเองว่า นั้นคือ อารมณ์ นั่นคือ กรรม เราก็ดึงจิต ดึงสติมาอยู่กับลมหายใจ ให้จิตมาดูลมหายใจ หากไปดูอารมณ์ ..จิตมันก็ไปยึดอารมณ์นึกคิดนั้นอยู่ เค้าก็ถือว่า จิตนั้นขาดสติภาวนาพุทโธ ไม่สามารถนำจิตมาอยู่กับพระอยู่กับคำภาวนาพุทโธได้เลย
บางคนนั้นเป็นชั่วโมงๆปฏิบัติธรรมไป..แต่จิตก็ปล่อยวาง ว่างเว้นจากอารมณ์นึกคิดไม่ได้เลย อยู่กับอารมณ์นึกคิดตลอดเวลา คิดว่าพิจารณาสิ่งนี้สิ่งนั่นที่จดจำมา จิตนำกายมานั่งปฏิบัติธรรม แต่จิตก็ลื่นไหลไปกับอารมณ์นึกคิด ..อุปโลกน์ว่าทำจิตได้ ..ที่จริงแล้ว จิตไม่ได้อะไรเลย ..จิตได้นึกคิดไปตามอารมณ์ที่อุปโลกน์เท่านั้นเอง
ปกติจิตของคนเรามันอยู่ลึก เรื่องราวที่จะเป็นคุณให้แก่จิต จิตไม่ค่อยรับรู้ เพราะกรรม..เพราะอารมณ์นั้นทับจิตอยู่ จิตนั้นก็ยึดอารมณ์ทิฐิ ประกอบด้วยความโลภโกรธหลงที่ปรุงแต่งกาย มันเป็นของหนัก จิตก็ยังรับรู้ว่านั่นคืออารมณ์ นั่นคือกรรม ที่รับรู้ไม่ได้ เพราะจิตเป็นทาสของกรรม ทาสของอารมณ์กรรมอยู่ จิตจึงสั่งกายให้เคลื่อนไหว ไปตามอารมณ์
เหมือน..นั่งพับเพียบเรียบร้อย จนภาวนาพุทโธ ทำไปได้หน่อย ก็เจ็บปวด เมื่อยจังเลย ทุกข์จังเลย ทนไม่ไหว จะรักษากายให้นิ่ง..ๆ ไม่ได้ จิตเฉยไม่ได้..ที่สุด ตบะแตก สกัดอารมณ์ไม่ได้ต้องทำไปตามอารมณ์ จิตก็ฝืนอารมณ์ไม่ไหว จิตสั่งกายให้ขยับเขยื้อน หรือ หนีการปฏิบัติเสีย แล้วที่อธิษฐานว่าจะปฏิบัติธรรมครึ่งชั่วโมง นั่น ก็โมฆะไปด้วย ปฏิบัติธรรมทั้งทีเลยไม่ได้อะไรเลย เพราะฝืนอารมณ์ตัวเองไม่ได้นั่นเอง ชนะอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็ต้องย่อยยับไป พ่ายแพ้สงครามอารมณ์ในเรือนกาย ทำให้สงบไม่ได้เลย
โฆษณา