Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
WK Diary
•
ติดตาม
13 ต.ค. 2022 เวลา 12:08 • ไลฟ์สไตล์
Blog ที่ 99 (06/10/22) ฟังเนื้อหาจาก blog ที่ 98 และนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ (เพิ่ม/ลด/ปรับเนื้อหาได้ตามสมควร)
เวลาที่ใช้ไป 27 นาที
สวัสดีค่ะวันนี้ก็จะมาตอบคำถามสัมภาษณ์ว่าคุณคือใคร เป็นคนยังไง อยากทำอะไรต่อในอนาคต
•อย่างแรกเลยเราคิดว่าเราเป็นคนที่มีความตั้งใจจะทำอะไรแล้วเนี่ยจะตั้งใจมากๆโดยเฉพาะกับการเรียนเนี่ยเราจะผิดหวังกับตัวเองไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่นตอนม.ปลาย ได้มีโอกาสไปแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งในตอนนั้นเราคิดว่าเราเป็นคนที่เก่งมากๆมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ต้องได้รางวัลแบบอย่างน้อยเหรียญเงินหรือว่าเหรียญทองแน่นอน แต่ผลรางวัลมันออกมาได้แค่ รางวัลชมเชย มันทำให้เรามีความรู้สึกที่นอยด์แล้วก็ดิ่งมากๆเลยค่ะ จนทำให้เรามีความรู้สึกคิดว่า ทำไมเราถึงทำไม่ได้ ควรจะทำได้มากกว่านี้
•อย่างที่สองเราเป็นคน ที่ชื่นชอบในการดูหนังประเภท ที่แนวรัก โรแมนติก
คอมเมดี้ การต่อสู้ แทบจะได้ทุกแนวเลยค่ะ แต่ว่า ไม่ใช่หนังผี เป็นคนที่ชอบดูการ์ตูนอนิเมะมากๆ เป็นคนที่ชอบดูการ์ตูนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบดูกัน ยกตัวอย่างเช่น เราชอบดูนารูโตะ วันพีช โคนัน ดาบพิฆาตอสูร เราชอบดูอะไรแบบนี้มากกว่าที่จะไปเปิดการ์ตูนเจ้าหญิงดู
•อย่างที่สามเราเป็นคนที่ชอบทำอาหาร แต่ว่าไม่ค่อยมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอาหารซักเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ตอนอยู่หอ เราเป็นอยากกินข้าวเหนียวมากๆ แต่ว่าเรามีแค่หม้อหุงข้าวเรานึ่งข้าวเหนียวไม่เป็นด้วยซ้ำ เราก็โทรไปถามเพื่อน เรื่องข้าวเหนียวว่า เราสามารถหุงข้าวเหนียวในหม้อหุงข้าวได้ไหม ซึ่งก็ได้ค่ะแต่ก็ยังไม่เคยลองทำดู
•อย่างที่สี่
ก็คือเป็นคนนิสัยที่ชอบเก็บเอาเรื่องเดิมๆมาคิด ชอบฝังใจแต่เรื่องเดิมๆเอามาคิดอยู่ตลอดเวลา
ยกตัวอย่างเช่น เจอเพื่อนเก่า(ผู้ชาย)ตอนไปสอบวิชาเฉพาะแพทย์ ซึ่งมีเรื่องเข้าใจผิดกันตอนม.ต้น เขามาทักทาย พอเจอหน้าเขาในหัวก็คิดถึงเรื่องที่ทะเลาะ อีกเรื่องหนึ่งคือทะเลาะกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่อนุบาล ทะเลาะกันรุนแรงเพราะมีคนมาใส่ความเรา แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ถ้าจะให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมคงยาก ซึ่งทุกวันนี้พอเราคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็รู้สึกแย่ทุกที
มีความคิดที่จะทำยังไงก็ได้ให้มันลืม มันกลายเป็นเรื่องที่ฝังใจมากที่สุดแล้วตอนม.ปลาย เป็นต้น เป็นคนที่คิดอะไรแล้วชอบคิดเยอะ คิดไปเรื่อย เหมือนblogที่อาจารย์ให้ทำให้ดูรูปแล้วก็ สื่อความหมายว่าคนในรูปนี้เป็นยังไงเค้ารู้สึกยังไง เราก็เขียนไปแบบไม่รู้ว่า
ถูกรึป่าว เขียนแบบนี้แล้วมันจะได้มั้ย
มีความรู้สึกว่าตอนม.ปลายเราเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายในตัวเอง เช่น เกรดจะต้องดีขึ้น ห้ามตก ต้องได้เท่านี้ ต้องสอบติดมหาวิทยาลัยตามที่คิดไว้ สิ่งที่ต้องทำให้ได้ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย คือ ต้องหัดกินเหล้า เวลาเจอเพื่อนใหม่ เจอผู้ชาย มามอมเหล้า จะได้มีสกิลเอาตัวรอด จะต้องพยายามนอนให้เยอะๆ เพราะมหาลัยเรียนหนักมาก กลัวว่าจะไม่ได้นอน ชอบคิดที่แปลกๆ คนอื่นที่มาอ่านหรือฟังอาจจะไม่เข้าใจหรือรู้สึกว่ามันแปลก
เวลาอ่านหนังสือ ดูหนังหรือดูซีรี่ย์ก็ตาม ชอบดูแนวอะไรที่อะไรที่มันเป็นเกร็ดความรู้ชอบจำประโยคที่มันโดนใจมากๆเช่น ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายที่สำคัญย่อมมีความกดดัน แต่อย่ากลัวมัน เพราะความกดดันจะทำให้เราตั้งใจ ซึ่งมันก็เกี่ยวกับตัวเรา คือ เตั้งแต่ประถมจนถึงม.ต้นเราเป็นคนที่ ได้เกรด4.00 ตลอดเพราะว่าที่บ้านเราค่อยข้างกดดันเรา ย่า หรือว่าป้าๆของเราเนี่ยเป็นครู ก็เลยกดดันว่า เราต้องทำให้ได้เกรดเยอะๆนะ เกรดต้อง4เท่านั้นนะ
ถ้าเกรดต่ำกว่า4 จะไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เราจำมาตั้งแต่เด็กจนถึงม.ต้นค่ะ ตอนเราขึ้นม.ปลาย เราก็สึกว่าเราต้องทำได้แน่นอน ทำมาได้ตั้งแต่ประถมยันม.ต้นแล้ว ทำไมม.ปลายแค่นี้จะทำไม่ได้ พอเกรดม.ปลายเทอมแรกออกมาได้ต่ำมากเลย ได้ไม่ถึง3.5 ก็เลยรู้สึกเฟลตอนนั้นที่รู้ เห็นเกรดตัวเอง ก็ร้องไห้นะคะ คิดกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงทำไม่ได้เหมือนที่เราเคยทำ เราเครียดหนักมากไม่กินข้าวเลยไม่กล้าพูดกับคนที่บ้านเลย จนคนที่บ้านเหมือนป้าเราเค้าก็เริ่มซอฟกับเรามากขึ้น
เราก็ไม่กล้าพูดอะไรหรอกค่ะก็เหมือนเค้าเข้าใจเอง ตอนแรกเค้าจะไม่ให้เรามีแฟนด้วยซ้ำ ต้องให้เรียนจบก่อนถึงจะมีแฟน แต่ว่าป้าเราเค้าก็เริ่มเข้าใจในความเป็น
วัยรุ่น แต่ว่าย่าของเราเนี่ยไม่ยอมเข้าใจ เพราะว่าเค้าค่อยข้างหัวโบราณ เราก็เลยรู้สึกว่าถึงแม้ตอนนี้เรายังขึ้นมหาลัย เกรด3กว่าของมหาลัยที่เราได้ คือมันเยอะที่สุดสำหรับเราแล้ว เอาจริงๆไม่ติดเอฟนี่คือบุญที่สุดแล้ว แต่ว่าย่าเราเป็นคนที่ไม่เข้าใจเลย ทำไมได้แค่นี้ละปกติได้3.8-3.9ขึ้นไม่เคยได้ต่ำขนาดนี้เลย
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กดดันเราแต่ว่า สิ่งที่กดเราแบบเนี้ยมาตั้งแต่เด็กจนโตเนี่ย มันทำให้เรากลายเป็นคนที่รักในการเรียน อะไรก็ได้แต่ว่าการเรียนต้องมาก่อนอย่างอื่นเสมอ
มันก็เลยทำให้เราเป็นคนที่คิดที่จะอยากได้เกรดสูงๆมากยิ่งขึ้น อยากเป็นคนที่ได้เรียนเกียรตินิยม อยากเป็นคนที่มีคนชื่นชมเยอะๆ อยากประสบความสำเร็จใน
ชีวิตมากๆเลยค่ะ แล้วก็ตอนเราเข้ามหาลัยมารู้สึกว่า เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการเล่นหรือว่าความรักน้อยลงกว่าเดิม คือตอนมัธยมมันก็อะไรก็ได้ คุยกับแฟนได้ตลอดเวลา แฟนจะทำอะไรมาเราก็รับฟังได้ตลอด
แต่ว่าตอนมหาลัย รูสึกแบบถ้าอ่านหนังสือก็คืออ่านหนังสือ ห้ามมีใครมารบกวน เล่นเกมน้อยลง พยายามที่จะไม่โฟกัสอย่างอื่นนอกจากการเรียน ถามว่าตั้งใจเรียนขนาดนั้นมั้ยก็ไม่นะคะ ก็ยังแบบเอาแต่เรียนแล้วก็เลิกเรียนมาจากปกติตอนอยู่มัธยมเลิกเรียนมาแล้วต้องออกไปข้างนอก ออกไปหาอะไรเล่น ออกไปหาอะไรกิน เล่นโทรศัพท์ทำการบ้านดึกๆ4-5ทุ่ม แต่พอตอนมหาลัยความรู้สึกหลังจากเลิกเรียน สิ่งแรกที่จะทำก็คือได้แค่นอน แค่นั้นแหละค่ะ
ตอนแรกเราก็ยังไม่รู้นิสัยตัวเองหมดหรอก แต่ก็มีblogหนึ่งที่อาจารย์ให้ไปถามเพื่อนมาก็ทำให้รู้นิสัยของตัวเองในมุมของเพื่อน เพื่อนบอกว่าเราก็เป็นคนที่ตั้งใจเรียน ถ้าเป็นเรื่องเรียนอ่ะไม่มีวันทิ้งมันแน่นอนเพราะว่าเรากลัวคำว่าพลาด ตั้งใจหรือว่าไม่ตั้งใจรึป่าวก็ไม่รู้แต่ว่าไม่ทิ้งแน่นอน เป็นคนที่ค่อนข้างที่แบบว่าคิดเล็กคิดน้อย คิดเยอะว่า เกรดจะขึ้นมั้ย ถ้าเกรดลง ครอบครัวจะว่ายังไง ถ้ามีแฟนแล้วบอกครอบครัวแล้วครอบครัวเค้าจะว่ายังไง จะด่าเรามั้ยแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนโดยที่ไม่ได้บอก
•อย่างที่ห้า เป็นคนที่ใครพูดอะไรก็ไม่ค่อยออกความคิดเห็น เหมือนคุยกันในกลุ่มเพื่อนเราก็จะแค่เงียบเพราะว่าเหมือนไม่รู้ว่าจะคุยอะไร ใครพูดอะไรก็เออ ออไปหมด พอไม่ถูกใจอะไรก็มาบ่นทีหลัง ก็เลยทำให้เป็นข้อเสียของเรานิดนึงว่า ทำไมไม่กล้าพูดต่อหน้า ตรงๆ ทำไมถึงต้องมาแบบพูดลับหลังบ่นลับหลังกับตัวเอง
เข้ามหาลัยก็ยิ่งรู้สึกว่า เราก็มีความที่โตขึ้นแล้วเหมือนกันนะ จากที่ตอนอยู่มัธยมกินแต่ขนมจุกจิก ขึ้นมหาลัยไม่กินเลย เวลาอยากกลับบ้าน เวลาคนมารับก็ไม่อยากไปเที่ยวที่ไหน อยากอยู่แต่ในบ้าน อยากอยู่แต่ในห้อง รู้สึกเบื่อกับอะไรที่มันฉูดฉาดเหมือนมัธยม คือเหมือนเริ่มเป็นคนแก่มากขึ้นทุกวัน เริ่มมีความคิดที่ว่า จบมาแล้วเราจะทำงานอะไร งานๆนั้นมันจะมีเงินเดือนเยอะสำหรับเรามั้ย แล้วเงินเดือนที่ให้มา จะพอสำหรับค่าใช้จ่ายเรามั้ย
ในอนาคตเราจะมีบ้านยังไง จะซื้อรถให้ตัวเองคันแรกในชีวิตตอนอายุเท่าไหร่ เรียนจบจะได้เกียรตินิยมมั้ย เกรดตอนมหาวิทยาลัยเราจะถึง3.75มั้ย แล้วถ้าอาชีพที่เราทำอยู่แล้วเราไม่อยากทำมันแล้วล่ะ อาชีพที่เราเรียนจบมาแล้วเราได้ทำเงินเดือนมันน้อยล่ะ มันจะเป็นยังไง
ก็เลยคิดเส้นทางเกี่ยวกับอาชีพของตนเองได้ประมาณ3 อาชีพ ในช่วง3-5ปีหลังเรียนจบ
เส้นทางที่1 เราอยากเป็นนักวิจัยทางการแพทย์เพราะว่าเราเป็นโรคจิตที่แบบว่าต้องการทำงานในโรงพยาบาล ไม่อยากทำงานโรงงาน อยากได้เงินเยอะๆ อยากเป็นข้าราชการ หรือไม่ก็จะต้องได้ทำงานในเอกชน ที่มีเงินเดือนเยอะๆแล้วเป็นอะไรที่มันมั่นคง ซึ่งนักวิจัยทางการแพทย์ก็อยากทำในส่วนที่ตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุโรคต่างๆ วิเคราะห์หาความรุนแรงการป้องกันหรือว่า
เส้นทางที่สองถ้าไม่ได้เป็นนักวิจัยทางการแพทย์ ก็อยากจะเป็นผู้ช่วยแพทย์ ช่วยคอยประสานงานระหว่างแพทย์ พยาบาล หน่วยงานในโรงพยาบาล อยากลองอยู่ใกล้แพทย์ จะได้รู้ว่ามันแป็นแบบไหน
เส้นทางที่สุดท้ายถ้าเราโครตเก่ง สอบอะไรก็ติด ก็คงจะเลือกเรียนแพทย์ค่ะ เพราะว่าอยากลองท้าทายอะไรตัวเอง เพราะว่าแพทย์เป็นอาชีพที่ทำงานหนัก แล้วเราก็มีนิสัยที่ไม่ชอบปล่อยให้ตัวเองว่าง เป็นคนที่เสพติดในการดูซีรี่ย์หมอ แล้วคิดว่าถ้าเป็นหมอต้องได้เงินเดือนเยอะ แล้วก็สามารถรักษาคนในครอบครัวได้ โดยใช้เงินของเรา ใช้ความสามารถของเรา ที่ดูแลครอบครัวของเราได้อย่างเต็มที่
แล้วถ้าในอนาคตข้างหน้านี้อยากทำอะไรต่อ ก็อยากเรียนจบให้ได้เกียรตินิยม ตอนนี้คือตั้งเป้าที่สุด พยายามให้ได้ อยากเรียนต่อปริญญาโท อยากจบมาแล้วได้งานทำ ที่ได้เงินเยอะค่ะ
พัฒนาตัวเอง
ความคิดเห็น
เรื่องเล่า
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย