13 ต.ค. 2022 เวลา 13:43 • หนังสือ
Psychology of money
ความร่ำรวยวัดกันที่เงินที่คุณใช้ไป แต่ความมั่งคั่งวัดกันที่เงินที่คุณไม่ได้ใช้
2
การควบคุมเวลาของตัวคุณเองได้คือเงินปันผลสูงสุดที่เงินมอบให้กับคุณ
หนังสือ Psychology of money ของ Morgan Housel พูดถึงจิตวิทยาที่อยู่โลกแห่งการลงทุนไว้น่าสนใจหลายข้อ วันนี้จะมาสรุปให้ฟังค่ะ
1. ไม่มีใครเป็นคนบ้า
เวลาเราเห็นคนอื่นตัดสินใจหรือเชื่อเรื่องตรงข้ามกับเรา เราอาจจะคิดว่า “บ้ารึเปล่า” แต่จริงๆแล้วไม่มีใครที่เป็นคนบ้า ทุกคนคิดอย่างมีเหตุผลจากประสบการณ์และความรู้ของตัวเองทั้งนั้น คนที่ผ่านยุควิกฤติต้มยำกุ้ง กับเด็กยุค Millennial จะไม่ได้มองเงินเฟ้อเหมือนกัน งานวิจัยบอกว่า ความเต็มใจในการแบกรับความเสี่ยงของนักลงทุนขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาได้เจอในอดีต ไม่ใช่ความฉลาดหรือการศึกษาแต่เป็นยุคที่คุณเกิด
2. คนเราไม่เคยพอ
ทักษะการเงินที่ยากที่สุดคือการทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนที่ และ การเปรียบเทียบทางสังคมคือปัญหา คนเราสามารถรู้ได้ว่าเราต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะใช้ชีวิตได้ แต่ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมันจะไม่พอทันที แต่เมื่อเราไม่พอ เราจะเสี่ยงในเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยง การไร้ความสามารถในการปฏิเสธเงินอาจทำให้ทุกอย่างที่สะสมมาหายไปในพริบตา
3. การได้มาและการรักษาไว้
การหาเงินคือการแบกรับความเสี่ยง มองโลกในแง่ดี และพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ถูกต้อง การรักษาไว้คือทักษะตรงกันข้าม มันต้องใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความหวาดกลัวในการสูญเสีย นั่นคือเหตุผลที่ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จทั้งการได้มาและรักษาจึงยากเพราะมันเป็นทักษะที่มักไม่ได้มาด้วยกัน
4. อิสรภาพ
จุดสูงสุดของความมั่งคั่งคือความสามารถในการตื่นมาทุกเช้าและพูดว่า “วันนี้ฉันสามารถทำอะไรก็ตามที่ฉันต้องการ”
เงินคือความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต คือเหตุผลที่เราไม่ต้องทนถูกเอาเปรียบ ทนอยู่กับบริษัทแย่ๆ ทนอยู่กับเหตุการณ์ที่เราไม่มีทางเลือก เงินสร้างตัวเลือกให้เราในเหตุการณ์ที่ย่ำแย่ในอนาคต
หากเรามีความยืดหยุ่น เราจะสามารถ “รอ” ได้ พลังแห่งการ “รอ” นี่ยิ่งใหญ่มาก สามารถ “รอ” ให้เรื่องร้ายๆผ่านพ้น หรือ “รอ” โอกาสที่เหมาะสมก็ได้ เราจะเจอจังหวะชีวิตและการลงทุนของตัวเองได้
5. ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณมองไม่เห็น
เวลาเห็นคนซื้อรถหรู 10 ล้าน เรามักจะมองว่าเขาเป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวย แต่จริงๆแล้วสิ่งเดียวที่เรารู้คือ เขามีเงินน้อยลง 10 ล้าน คนในสื่อส่วนมากเป็นคนร่ำรวย มีของดีๆใช้ แต่น้อยคนที่จะเป็นคนมั่งคั่ง ที่เก็บในปริมาณที่เหมาะสม วางแผนและใช้เงินเพื่อซื้อความยืดหยุ่น อิสรภาพ และ เวลา แล้วทำไมคนที่ร่ำรวยไม่วางแผนดีๆล่ะ
นั่นเป็นเพราะเราไม่มีตัวอย่างคนที่มั่งคั่งในสื่อให้เห็นเท่าไหร่นัก เพราะคนที่มั่งคั่งไม่ได้ใช้เงินให้เราดู เขาเก็บเงินเงียบๆของเขาทำให้เราไม่เห็นตัวอย่างที่ดีเยอะเท่าไหร่นัก หนึ่งในวิธีอันทรงพลังที่สุดในการเพิ่มเงินออม ไม่ใช่การเพิ่มรายได้ แต่เพิ่มความอ่อนน้อมถ่อมตน และ ไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรกับเรา
6. เราคาดเดาอนาคตไม่ได้
การใช้อดีตคาดเดาอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเพราะมันมักจะมีเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเสมอ Margin of Safety (ส่วนเผื่อความปลอดภัย) คือการทำให้การคาดการณ์ไม่จำเป็น การหลีกเสี่ยงจุดตายที่ถ้าพลาดแล้วจบเลยก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ความต้องการของเรายังเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงอายุ ไม่ต้องพูดถึงความต้องการของตลาด และ การเปลี่ยนไปของสิ่งต่างๆ การยอมรับว่าเราคาดการณ์ไม่ได้ และพยายามลดความเสี่ยงที่จะหมดตัวในส่วนของตัวเราเองจึงสำคัญมาก
โฆษณา