14 ต.ค. 2022 เวลา 00:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ข้อควรรู้ การเลือกกองทุนรวมดัชนี
การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นนั้น เป็นการลงทุนเพื่อหวังให้เงินลงทุนเติบโต แต่ก็จะมีความผันผวนสูงในระหว่างทางที่ลงทุนได้
โดยกองทุนรวมหุ้นจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ คือ กองทุนแบบ active fund คือเป็นการบริหารเชิงรุก และแบบ passive fund ที่เป็นการบริหารแบบเชิงรับ
กองแบบ active fund นั้น ผู้บริหารกองทุนจะบริหารกองทุนให้ชนะดัชนีตัวชี้วัดนั้นๆ ก็คือ พยายามบริหารให้ได้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี
กองแบบ passive fund คือ การบริหารกองแบบล้อไปตามดัชนีชี้วัดนั้นๆ ตามนโยบายของกอง เช่น ดัชนี SET50, SET100, SETHD เป็นต้น การลงทุนนั้นผู้จัดการกองทุน ก็จะนำเงินของเราเข้าไปลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนีนั้นๆ และพยายามให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีมากกที่สุด
ดังนั้นเมื่อต้องให้ผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีมากที่สุด กองทุนเหล่านี้ไม่ว่า หุ้นนั้นๆ ที่อยู่ดัชนีราคาขึ้นไปสูงมาก หรือตกลงไปอย่างมาก ผู้จัดการกองทุนก็ต้องลงทุนเพื่อให้ล้อตามดัชนี ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ตลาดได้
การลงทุนในกองทุนเหล่านี้ ควรเน้นเป็นการลงทุนระยะยาวหลายๆ ปี
มารู้จักค่า tracking error: TE ซึ่งเป็นค่าที่สำคัญตัวหนึ่งที่ต้องดู ถ้าจะลงทุนกองทุนรวมดัชนี ค่านี้ใช้ดูว่ากองทุนสามารถลงทุนได้ใกล้เคียงกับตัวชี้วัด (Benchmark) มากน้อยแค่ไหน
กองทุนดัชนี ที่เป็นลักษณะกองทุนแบบ passive fund นโยบายและกลยุทธ์ในการลงทุนว่า “เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี” ตัว tracking error จึงเป็นตัวเช็คในจุดนี้ ถ้าค่า tracking error น้อย แสดงว่ากองทุนลงทุนและได้รับผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีได้ดี
กอง passive find เหล่านี้มักมีค่าธรรมเนียมถูก เพราะไม่อย่างนั้นเมื่อได้ผลตอบแทนมาแล้วมาถูกหักด้วยค่าธรรมเนียมการจัดการแล้ว จะทำให้ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจะเบ้ออกจากผลตอบแทนของดัชนีได้ เรื่องค่าธรรมเนียมที่ถูกจึงเป็นเหมือนแต้มต่อการลงทุนในระยะยาวของกองแบบนี้
#หมอยุ่งอยากมีเวลา
#กองทุนรวม
#TrackingError
#TE
#กองทุนรวมดัชนี
#กองทุนรวมหุ้น
#กองทุนดัชนี
#ลงทุนกองทุนรวม
#กองทุนหุ้น
#IndexFund
#ActiveFund
โฆษณา