14 ต.ค. 2022 เวลา 02:19 • ศิลปะ & ออกแบบ
ได้ยินแล้วน้ำตาไหล #เบื้องหลังประติมากรรม อ.สันติ เผย หลัง ร.10 ทอดพระเนตรพระบรมรูป ร.9 ทรงตรัส " #ปั้นพ่อยิ้มได้ด้วยพ่อไม่ค่อยยิ้มเก่งมาก "
อ.สันติ เผย หลัง ร.10 ทอดพระเนตร พระบรมรูป ร.9 ตรัส ปั้นพ่อยิ้มได้ด้วย เก่งมาก อีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตจำนวนมากต่างกดไลค์และคอมเม้นต์กันอย่างต่อเนื่อง เมื่อเฟซบุ๊ก กว่าจะเป็น"ไทย"ในวันนี้ ได้มีการเผยภาพและเรื่องราว เบื้องหลังประติมากรรม พระบรมรูป ในหลวง รัชกาลที่ 9 ความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้าง พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เพื่อถวายเป็น #พระบรมราชานุสรณ์ ประดิษฐานบนปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง เคียงข้าง พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ รัชกาลที่ 1 - รัชกาลที่ 8
โดยเมื่อวันจักรี พุทธศักราช 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีประดิษฐานและ สมโภชพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ที่ปราสาทพระเทพบิดรแห่งนี้ ซึ่งเป็นประจำทุกปีในวันที่ 6 เมษายน ตรงกับวันจักรี และวันที่ 5 พฤษภาคม วันฉัตรมงคล หรือวันสำคัญต่าง ๆ ปราสาทพระเทพบิดร จะเปิดให้พสกนิกรเข้าถวายบังคมพระบรมรูปล้นเกล้าฯ ทุกรัชกาล เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบชั่วนิรันดร์
กระทั่งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 อ.สันติ ได้รับการติดต่อให้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 10 เพื่อปั้นพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ประดิษฐานไว้ในปราสาทพระเทพบิดร ซึ่งเขารู้สึกปลื้มปีติมาก ตอนที่ผมเข้าเฝ้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระองค์รับสั่งว่า "ปั้นพ่อยิ้มได้ด้วย พ่อไม่ค่อยยิ้ม เก่งมาก ปั้นได้อย่างไร เราไปเก็บของพ่อที่พระราชวังไกลกังวล พ่อเคยบอกว่า ถ้าอยากได้อะไร ไม่ต้องไปขอใครหรอกลูก ให้มาขอพ่อ แล้วจะให้ไปขอพ่อที่ไหน พ่อจากไปแล้ว"
ในช่วงตอนหนึ่งที่ อ.สันติ ได้เล่าต่อว่า ในหลวง รัชกาลที่ 10 ตรัสว่า อาจารย์ไม่เคยเข้าเฝ้าในหลวง รัชกาลที่ 9 ทำไมปั้นได้ถึงขนาดนี้ ดูมีจิตวิญญาณ มีชีวิต เก่งมากๆ เลย
ผมเคยเรียนในโรงเรียนรัฐบาล คุณพ่อเป็นครู คุณแม่เป็นช่างเย็บผ้า เวลาอยู่หน้าเสาธง ผมจะพูดตลอดว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมฝึกวาดรูปรัชกาลที่ 9 มาตั้งแต่ ป.1 วาดโดยไม่ต้องดูเลย พอมา ป.5 ก็ปั้นเหรียญบาทส่งครูในวิชาศิลปะ
"ผมเคยฝันถึงพระองค์ท่านสองครั้ง ในความฝันก็เป็นที่เดิมทั้งสองครั้ง ผมฝันว่า สักวันหนึ่ง ถ้าเราเก่งเราจะได้ปั้นพระบรมรูปในหลวง รัชกาลที่ 9 ตอนพระองค์สวรรคต ภรรยาชาวอเมริกันก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมจะต้องมาเมืองไทย ผมมองไปบนท้องฟ้า แล้วพูดว่า ขอพระองค์ใช้งานผมให้มาปั้นพระบรมรูปพระองค์ท่าน" อ.สันติ ระบุ
ก่อนที่จะเล่าทิ้งท้ายว่า "ผมเริ่มปั้นขึ้นรูปด้วยดินวันที่ 5 ธันวาคม 2560 จนพระบรมรูปในหลวง รัชกาลที่ 9 เสร็จกลางเดือนพฤษภาคม 2562 เป็นเวลา 2 ปี ที่ผมหยุดงานทุกอย่างเพื่อทำรูปปั้นพ่อ ใช้วิชาความรู้บวกกับประสบการณ์ทำงานทำให้ดีที่สุด โดยมีเพื่อน รุ่นน้อง และ
ลูกศิษย์ร่วมด้วยช่วยกัน ทุกคนมาด้วยใจ ในหลวง ร.9 ทรงเป็นพ่อของทุกคน และพ่อสอนว่า สามัคคีคือพลัง ผมนำทุกคำสอนพ่อมาปั้นพระองค์ท่าน ตลอดจนใช้ในการดำเนินชีวิต สำหรับเสียงชื่นชม เมื่อผลงานปรากฏออกมาไม่ได้หลงตัวเอง รู้สึกขอบคุณและมีความสุขเมื่อคนเห็นรูปปั้นแล้วนึกถึงพระองค์ท่าน ถือเป็นเกียรติประวัติของครอบครัว ครูบาอาจารย์ และสถานศึกษา"
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กว่าจะเป็น"ไทย"ในวันนี้
ประวัติ อาจารย์สันติ พิเชฐชัยกุล ชายผู้ตามหา พระพักตร์พระพุทธเจ้า
เป็นนักปั้นที่มีชื่อเสียงระดับโลก อ.สันติ ได้ถือกำเนิดเกิดมาภายในบ้านของตัวเองเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2515 โดยคุณพ่อเป็นผู้ทำคลอดให้กับมือ ทั้งๆ ที่คุณแม่ของ อ.สันติ ได้ทำหมันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และถือเป็นความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งคือ ท่านเกิดมาพร้อมกับปานบนหน้า
ผากซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างคิ้วพอดีและยังมีจุดเล็กๆ สีดำตรงกลางปานอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้คนสมัยโบราณเชื่อกันว่าเป็นเสมือนดวงตาที่ 3 ของผู้วิเศษ โดยหมอดูพเนจรได้ทำนายว่าภายภาคหน้า อ.สันติ จะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดหรือจะทำการใดๆ ก็จะได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน อ.สันติ มีพี่อีก 5 คน โดย อ.สันติ เป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวพิเชฐชัยกุล
คุณแม่ของ อ.สันติ เป็นช่างเย็บผ้า ส่วนคุณพ่อเป็นครูสอนภาษาไทยอีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนในขณะนั้น ด้วยวัยเพียง 4 ขวบ อ.สันติ สามารถหารายได้ช่วยเหลือครอบครัวโดยการเก็บผักขาย เพื่อเป็นค่าขนมในวัยเด็ก แม้จะเป็นแค่เด็ก แต่ อ.สันติ ก็มีความใฝ่ฝันที่อยากจะ
เป็นศิลปินตั้งแต่ตอนนั้น โดย อ.สันติ ชอบเอาถ่านเข้ามาวาดรูปฝาผนังเล่นในบ้านและต้องรีบทำความสะอาดก่อนที่คุณพ่อจะกลับมาจากโรงเรียน เรียกได้ว่า อ.สันติ มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็กเลยทีเดียว และเมื่อ อ.สันติ อายุย่าง7 ขวบ ก็มีโอกาสได้เข้าแข่งขันวาดรูปในระดับอำเภอ ทำให้ อ.สันติ และเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ ในความสามารถด้านศิลปะการปั้นดินเหนียวที่ได้จากแม่น้ำใกล้ๆ หมู่บ้าน ถึงขนาดกับจ้างให้ อ.สันติ ปั้นของเล่นให้ในราคาตัวละ 1-2 บาท ซึ่งถือว่าได้ราคาดีพอสมควรในยุคสมัยนั้น
เมื่ออายุได้ 16 ปี อ.สันติ เข้าศึกษาที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาวิทยาเขตเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดนครราชสีมา ( ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ) คณะออกแบบ สาขาวิชาชีพศิลปกรรม โดย อ.สันติ ได้มีโอกาสวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังของวิหารวัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี และรับจ้างทำงานศิลปะทั่วไปจาก
นักศึกษาและครูในวิทยาลัย พ.ศ. 2534 – 35 อ.สันติ ต้องหยุดเรียน 1 ปี เนื่องจากสอบเข้า ม.ศิลปากรไม่ได้ จึงหางานทำเป็นลูกจ้างรายวันให้กับโรงหล่อพระ พุทธรอดเรืองงามปฏิมากรรม โดย อ.แดง กำพล ซ.51 ถ.เพรชเกษม บางแค และรับจ้างทำงานฝ่ายศิลป์ในวงการ
บันเทิง จึงสามารถมีเงินเก็บเพื่อจะส่งตัวเองเรียนต่อที่วิทยาเขตเพาะช่างจนจบ ป.ว.ส. ด้วยอายุเพียง 22 ปี ในปี พ.ศ. 2535 – 37 และในที่สุด อ.สันติ ก็ได้ศึกษาจนจบปริญญาตรี สาขาประติมากรรมสากลศึกษาศาสตร์บัญฑิต ( สายครู ) ที่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลคลอง 6 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในปี พ.ศ. 2537 - 39
ในวันนี้ ผ่านมาแล้วมากกว่า 20 ปี ความสามารถในด้านปฏิมากรรมของ อ.สันติ ได้ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก ถึงแม้ว่า อ.สันติ จะไม่ได้เลือกใช้ชีวิตเป็นเจ้าอาวาสวัดก็ตาม แต่ผลงานของ อ.สันติ นั้นก็มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพของจิตวิญญาณ และทำให้รูปปั้นของ อ.สันติ ประหนึ่งมีชีวิต ด้วยรายละเอียดจนคนส่วนใหญ่แยกไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นรูปปั้นหรืออะไรเป็นคนจริงกันแน่
อ.สันติ ได้รับแรงบัลดาลใจในการทำรูป
ปั้นโลหะ(บรอนซ์) มาจากพระเจ้าอโศกมหาราช ด้วยความชื่นชมเสาหินศิลาจารึกที่พระเจ้าอโศกได้สร้างขึ้นนั้น เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ได้ทนตราบนานเท่านาน ดังนั้นหากท่านต้องการที่จะให้คนรุ่นหลังได้รำลึกนึกถึงบุคคลที่ทรงคุณค่า ก็ควรจะเป็นปฏิมากรรมรูปปั้นที่มีความแข็งแรงไม่บุบสลายไปตามกาลเวลาง่ายๆ อย่างเช่นโลหะบรอนซ์ซึ่งแข็งแรงกว่าหินซะอีก
- พ.ศ. 2554 อ.สันติ ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่หนึ่งในด้านประติมากรรม และรางวัลชนะเลิศอันดับที่สี่ของงานศิลปะทั้งหมดทุกแขนง โดยงานนี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อว่าอาร์ตไพรซ์มีศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมการ
แข่งขันทั้งหมด 1,582 คน และมีชิ้นงานที่ส่งเข้าประกวดมากกว่าจำนวนคน โดยผลงานจากศิลปินที่มีฝีมือทั่วโลกกว่า 39 ประเทศ และอีก 42 รัฐในสหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2555 อ.สันติ ได้รับรางวัล “Best Of Show 3D” ในงานครบรอบร้อยปีของ Calgary Stampede Western Showcase Artists’
Studios ในเมืองคาลการี่ รัฐอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา โดยถือว่า อ.สันติ เป็นประติมากรที่เก่งที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ
- พ.ศ. 2556 อ.สันติ ได้เข้าร่วมแข่งขันรายการ Portrait Society of America ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันระดับโลกอีกรายการหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง โดย อ.สันติ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 15 จากสุดยอดศิลปินที่มีฝีมือ 800 กว่าคนทั่วโลก
- พ.ศ. 2557 Safari Club International ได้ยกย่องให้ อ.สันติ เป็นประติมากรอันดับหนึ่งของโลก
ผลงานของ อ.สันติ ทำให้ท่านทั้งหลายได้สัมผัสถึงประวัติความเป็นมาและความสามารถอันน่าทึ่งของท่าน รวมทั้งการนำเสนอผลงานที่แสดงถึงความสมจริงจนได้รับเครื่องหมายการค้าอย่างเป็นทางการโดยสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกามาแล้ว (United States Trademark and Patent Office) นอกจากนี้ อ.สันติ ยังได้แนะนำให้โลกรู้จักกับรูปปั้น
โลหะ(บรอนซ์) ที่เหมือนจริงจนแยกไม่ออกว่าเป็นบรอนซ์ เพราะมีความละเอียดอ่อนมากกว่าที่บรอนซ์ควรจะเป็น ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการปฏิมากรรมรูปปั้นโลหะ(บรอนซ์) ครั้งแรกของโลกอีกด้วย
อ.สันติ ได้ออกรายการโทรทัศน์มากกว่า 65 รายการ ทั้งในประเทศไทย , กัมพูชา , ญี่ปุ่น , เกาหลี , แคนาดา สหรัฐอเมริกา รายการ UBC ,
CNN World , TODAY Show ของอเมริกา และ อ.สันติ ยังได้รับการเผยแพร่ในหนังสือ Magazine อีกทั้งหนังสือพิมพ์นับร้อยเล่มจากทั่วโลก ผลงานประติมากรรมของ อ.สันติ ได้รับการยกย่องและยอมรับในระดับสากล ถึงความเหมือนจริงในรูปปั้น ด้วยวิสัยทัศน์ของ อ.สันติ พิเชฐชัยกุล ยังคงสร้างและจัดแสดงผลงานของท่านในทวีปอเมริกา , เอเชีย และอีกไม่นานก็จะไปโชว์ในทวีปยุโรปเป็นการต่อไป
3 สิ่งที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย การที่คนเราต้องรู้จักตัวเองว่าเราเป็นใคร และต้องใช้หลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน โดยให้มุ่งมั่นอยู่เสมอว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากใครมีทั้ง 3 สิ่งนี้พร้อมกัน คน ๆ นั้นย่อมประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่
สำหรับคนธรรมดาทั่วไป 3 สิ่งนี้มักไม่มาพร้อมกัน เช่นเดียวกับคุณสันติ ที่ตอนแรกก็ยังไม่รู้จักตัวเอง จนกระทั่งเขาได้มีผู้หญิงคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้าง และสนับสนุนคุณสันติเสมอมา และเธอเชื่อมั่นว่าคุณสันติจะต้องเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำให้คุณสันติเริ่มมีความกล้า ที่จะไปฝ่าฟันอุปสรรคในต่างแดน และผู้หญิงที่คอยผลักดันคุณสันติอยู่เบื้องหลังนั้นก็คือ คุณเอริก้า ภรรยาของคุณสันตินั่นเอง ปัจจุบัน ทั้งคู่มีพยานรักเป็นลูกสาวตัวน้อย 1 คน
คุณสันติ เล่าว่า สมัยก่อน ตนยังทำงานรับจ้างทำงานสารพัด ทั้งทาสีบ้าน วาดการ์ตูนล้อเลียน เป็นลูกมือนักปั้นในโรงหล่อ ฝ่ายศิลป์ ทำฉาก หน้าม้ารับจ้าง นอกจากนี้ยังอยากเป็นนักแสดง นายแบบ และสตั๊นท์แมน อีกด้วย ที่ช่วงนั้นทำงานอย่างหลากหลายคงเพราะยังหาเป้าหมายที่ชัดเจนไม่เจอ จนกระทั่งได้พบคุณเอริก้า ซึ่งเดินทางมาประเทศไทย เพราะสนใจในศาสนาพุทธ และอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติบำบัด และการดูแลสุขภาพแบบไทย ๆ
ตอนนั้นคุณเอริก้าอยู่เมืองไทยมาได้ประมาณ 2 ปี ก็ไปสอนหนังสือที่ปราจีนบุรี โดยพี่สาวของคุณสันติที่อยู่ปราจีนบุรีได้แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน จากนั้นทั้งสองก็สานสัมพันธ์กันเรื่อยมา โดยในช่วงแรกทั้งคู่สื่อสารกันด้วยภาพวาด เพราะคุณเอริก้าพูดไทยได้นิดหน่อย ขณะที่
คุณสันติพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น คุณสันติจึงใช้วิธีวาดภาพคุยกัน ต่อมา เมื่อคุณเอริก้าได้เห็นผลงานปั้นของคุณสันติ ก็ถึงกับตะลึง เพราะคุณสันติสามารถทำให้รูปปั้นที่เป็นหุ่น ดูราวกับมีจิตวิญญาณ และมีชีวิตขึ้นมาได้ ดังนั้น คุณเอริก้าจึงชวนคุณสันติไปทำงานศิลปะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของเธอ เพราะเชื่อมั่นว่า ผลงานของคุณสันติ จะต้องเป็นที่ยอมรับในระดับโลกอย่างแน่นอน
จากการผลักดันของคุณเอริก้า คุณสันติจึงตัดสินใจเดินทางไปอเมริกา ซึ่งในช่วงแรก ๆ พวกเขาต้องอยู่อย่างยากลำบาก เพราะที่นั่นข้าวของมีราคาแพง การจะหาซื้ออุปกรณ์ศิลปะเพื่อทำงานปั้นจึงเป็นไปได้ยาก คุณสันติจึงใช้วิธีวาดรูปขายข้างถนน หรือไปอาศัยโชว์ตามงาน
ศิลปะต่าง ๆ ที่คุณเอริก้าพาไป เนื่องจากคุณสันติพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำแบบนั้นอยู่ปี 2 ปี กระทั่งรู้ว่าคุณเอริก้าตั้งครรภ์ จากนั้นเขาจึงต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมเพื่อเลี้ยงครอบครัว และชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อคุณสันติได้รับการว่าจ้างให้ทำรูปปั้นหลวงปู่เลื่อน แต่เมื่อคนว่าจ้างไม่ยอมมาเอาของ คุณสันติจึงนำรูปปั้นหลวงปู่เลื่อนไปไว้ที่อเมริกา
จากนั้น เมื่อชาวต่างชาติได้เห็นผลงานดังกล่าว และทราบว่า เป็นเพียงรูปปั้นไม่ใช่คนจริง ๆ ต่างก็มีอาการตกตะลึง และทึ่งในฝีมือของคุณสันติ จนกระทั่งคุณสันติ ได้มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อมีคนว่าจ้างให้ลองปั้นรูปปั้น
อินเดียนแดงด้วยวัสดุที่ทำจากบรอนซ์ ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และคุณสันติก็ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม กระทั่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ร่วมทุนต่าง ๆ จนได้เปิดแกลลอรี่เป็นของตัวเอง จากนั้นคุณเอริก้าจึงได้แนะนำให้คุณสันติ นำผลงานที่สร้างสรรค์ไว้ส่งเข้าประกวดในการแข่งขันศิลปะระดับโลกบ้าง เนื่องจากผ่านงานมาหลากหลายแล้ว ซึ่งผลงานของคุณสันติก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้อย่างสวยงาม
ทั้งนี้ คุณสันติ กล่าวถึงการได้รับรางวัลในครั้งนี้ว่า ดีใจมาก เหมือนไม่ใช่แค่เฉพาะตัวเองที่ได้รับรางวัล แต่เหมือนกับประเทศไทยได้รางวัลไปด้วย เพราะตนเป็นคนที่เกิดในประเทศไทย ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเราว่า ยึดถือใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการทำเพื่อประชาชน การที่ตนชอบศิลปะ เนื่องจากคุณพ่อซึ่งเป็นข้าราชการ ชอบศิลปะ และเพราะเมืองไทยมีศิลปะเยอะแยะ ซึ่งตนกตัญญูต่อสถาบันการศึกษา ต่อครูบาอาจารย์ทั้งหมด
หากไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพวกเขาเหล่านี้ ตนก็คงจะไม่มีความสามารถอย่างทุกวันนี้ จริง ๆ ศิลปินต่างประเทศทุกท่านก็ถือเป็นอาจารย์ของตนทั้งหมด แต่เพราะตนเกิดในประเทศไทย ตนจึงรักประเทศไทย และการที่เป็นคนไทย ได้พบเห็นศิลปะไทยที่สวยงามจำนวนมาก เมื่อตนสร้างงานศิลปะออกมา จึงสามารถนำไปต่อสู้กับประเทศอื่นได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนน่าจะภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม ในการได้รางวัลในครั้งนี้มา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณพ่อของคุณเอริก้า ที่เป็นนักแกะสลักไม้ และทุกคนในครอบครัวของคุณเอริก้า ต่างให้การสนับสนุนตนด้วย การที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องเกิดจากความมุ่งมั่น พยายาม ที่ถูกต้อง และต้องรู้จักตนเองให้ดีเสียก่อน
จากแนวคิดดังกล่าวที่หล่อหลอมให้คุณสันติ สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะโด่งดังในระดับโลกแล้ว แต่คุณสันติก็ยังภาคภูมิใจในความเป็นไทยของตัวเอง และรักที่จะนำเสนอแนวคิด และมุมมองแบบไทย ๆ ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ จึงนับว่าคุณสันติ เป็นอีกหนึ่งบุคคลตัวอย่าง ที่ศิลปินรุ่นหลังควรยึดถือเป็นแบบอย่างต่อไป และเชื่อว่า ในอนาคต ผลงานของคุณสันติ จะต้องเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้คนไทยได้ร่วมภาคภูมิใจไปด้วยเช่นกัน
ข้อมูลส่วนตัว
สัญชาติ ไทย-อเมริกัน
เชื้อชาติ ไทย
วัน-สถานที่เกิด เกิด 15 มิ.ย. พ.ศ. 2515 - ต. ชุมพวง อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา
บิดา นายชั้น พิเชฐชัยกุล อดีตข้าราชการครู ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน
มารดา นางทองพูนศรี พิเชฐชัยกุล อาชีพช่างตัดเย็บเสื้อผ้า และแม่บ้าน( เสียชีวิตแล้ว )
เกียรติและรางวัล
พ.ศ.2554 ด้ที่ 4 ของการประกวดศิลปะทุกแขนง แต่เป็นที่ 1 ของประติมากรทั้งหมดที่เข้าแข่งขัน จากศิลปิน 1,582 คน 39 ประเทศ 43 รัฐในอเมริกา
พ.ศ.2554 ได้รับการคัดเลือกให้เป็น1ใน10ประติมากรแนวอเมริกันตะวันตกของ
ทวีปอเมริกาเหนือ เพื่อร่วมแสดงงาน Calgary Stampede, Calgary, Canada เป็นปีที่99 ซึ่งเป็นมหกรรมการแสดงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พ.ศ.2554 ติด 1 ใน 25 คน จากผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 1,713 คน หลายประเทศทั่วโลก ในงานประกวดแข่งขันศิลปะระดับโลกที่งานอาร์ตไพรส์
1
พ.ศ.2554 Granted Official Trademark by the United States of America for bronze limited edition alterations “Artist Rendering & Customization” ได้รับอนุญาติจากอเมริกาให้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ “อาร์ตติสท์ แรนเดอร์ริ่ง แอนด์ คัสโตมายเซชั่น”
พ.ศ.2554 ถูกเสนอชื่อให้เข้ารับรางวัลประติมากรยอดเยี่ยมของรัฐมอนทาน่า
พ.ศ.2554 Living Book for Rajamangala University of Technology Isan International Human Library ถูกเชิญให้เป็นบุคคลผู้มีความรู้ทางการศิลปะในรายการหนังสือมีชีวิต ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา เพื่อเป็นหนังสือในห้องสมุดมีชีวิตครั้งแรกแห่งประเทศไทย
โฆษณา