14 ต.ค. 2022 เวลา 07:26 • ข่าว
ราชกิจจานุเบกษาประกาศแล้ว! สัญญาเช่าซื้อรถใหม่ต้องคิดดอกเบี้ย “ลดต้น ลดดอก”คุมเพดานดอกเบี้ย มอเตอร์ไซค์ไม่เกิน 23% มีผล ม.ค.2566
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพิ่งออกมาตรการคุมเข้มเรื่อง "การเช่าซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์" ไปหมาดๆ โดยมีประเด็นหลักคือ "กำหนดเพดานดอกเบี้ย" จากเดิมเฉลี่ยประมาณ 30% ลดลงมาเหลือ 23% โดยรถยนต์ใหม่ ไม่เกิน 10% ต่อปี ส่วนรถยนต์มือสอง ไม่เกิน 15% ต่อปี และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 23% ต่อปี
ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ฉบับใหม่ ให้คิดดอกเบี้ยแบบ “ลดต้น ลดดอก” ออกมาแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน หรือในวันที่ 11 มกราคม 2566
  • สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้มีอยู่หลายประเด็นด้วยกัน อาทิ
กำหนดให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ต้องคิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) แบบลดต้นลดดอก "โดยคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่" (Flat rate) ที่ใช้กันอยู่แบบเดิม ซึ่งวิธีคิดแบบเดิมนั้นทำให้ลูกค้าหรือผู้ที่เช่าซื้อเสียเปรียบบริษัทเช่าซื้อหรือลีสซิ่ง แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ จะทำให้มีลักษณะคล้ายกับการผ่อนกู้ซื้อบ้าน-ที่อยู่อาศัย ที่การผ่อนชำระจะลดลงจากเงินต้นที่ลดลงไปด้วย
ให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี ดังนี้กรณีรถยนต์ใหม่ ต้องไม่เกิน 10% ต่อปี กรณีรถยนต์ใช้แล้ว ต้องไม่เกิน 15% ต่อปีกรณีรถจักรยานยนต์ ต้องไม่เกิน 23% ต่อปี
กรณีที่ผู้เช่าซื้อจะขอชำระเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดในคราวเดียว เพื่อปิดบัญชี ผู้ให้เช่าซื้อจะต้อง "ให้ส่วนลด" แก่ผู้เช่าซื้อ โดยให้คิดคำนวณตามมาตรฐานการบัญชีว่าด้วยเรื่องสัญญาเช่าที่คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีฯ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพบัญชี
มีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน หรือในวันที่ 11 มกราคม 2566
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เมื่อผู้ประกอบการทั้งหมดต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และกฎหมาย เชื่อว่าจะมีการทบทวนเกณฑ์และมีความ "เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น"
ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มวงเงินดาวน์เฉลี่ย 10-20% และกลุ่มที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์รายได้ ก็อาจเพิ่มเงินดาวน์มากกว่า 20% กระทบต่อการเข้าถึงสินเชื่อของกลุ่มอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอน และจะกระทบผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อย รวมถึงยอดการปฏิเสธสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอาจพุ่งสูงมากกว่า 30% โดยเฉพาะสินเชื่อจักรยานยนต์ที่มีต้นทุนการดำเนินการและความเสี่ยงสูง
สำหรับรายละเอียดประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ประกอบกับมาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. 2542 คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
โฆษณา