16 ต.ค. 2022 เวลา 00:02 • หนังสือ
ข่าวฉาวของพระสงฆ์เพียงไม่รูป กำลังทำให้พุทธศาสนาถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมไทย คนรุ่นใหม่จึงรู้สึกเหมือนได้รับแต่การสื่อสารด้านลบจากศาสนา
แต่พอมีใครสักคนหยิบเอาศาสนามาสื่อสารในรูปแบบใหม่ ก็กลับถูกปิดกั้น และร้องเรียนว่าไม่เหมาะสม เช่น กรณีภาพวาดพระอัลตราแมน ขนมอาลัวพระเครื่อง เป็นต้น เมื่อเรื่องเหล่านี้เป็นข่าวขึ้นมา ก็กลายเป็นเราสื่อสารซ้ำอีกว่า “ศาสนาเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้” แม้จะเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่ก็ตาม
ในหนังสือ The Power of Ignorance ของ Dave Trott เล่าเรื่องนึงที่ผมคิดว่าเป็นโมเดลที่ดี และสามารถนำมาปรับใช้กับวงการศาสนาในไทยได้ครับ
นักออกแบบชื่อ Dieter Rams เริ่มทำงานในบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า Braun ในปี 1955 เขาออกแบบสินค้าหลายชนิด เช่น วิทยุ เครื่องปั่น โทรทัศน์ เป็นต้น สไตล์การออกแบบของเขาก็มักจะเรียบ ๆ ต่างจากข้าวของเครื่องใช้แบรนด์ต่าง ๆ ในยุคสมัยนั้นที่มักจะดูโบราณกว่า (นึกถึงโซฟาไม้ลายมังกรในบ้านอาม่าอากง)
ช่วงนั้นเขาก็เริ่มรับงานฟรีแลนซ์จากเพื่อนให้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์เช่นกัน ซึ่ง Rams ก็ออกแบบตามสไตล์ของเขา คือเรียบ ๆ เน้นใช้งาน และได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จากคนรุ่นใหม่
แต่ Rams กลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะบริษัท Braun จ้างเขามาออกแบบสินค้าสไตล์นี้ เขาก็ไม่ควรจะใช้สไตล์นี้ไปออกแบบให้กับแบรนด์อื่น Rams จึงไปคุยกับเจ้านายและขอความเห็นว่าเขาควรจะหยุดรับงานฟรีแลนซ์นี้ไหม
“คุณรับงานอิสระต่อไปได้ บริษัทเราไม่ได้ทำเฟอร์นิเจอร์” เจ้านายของ Rams ตอบ “อันที่จริงถ้าคนซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่คุณออกแบบก็ยิ่งส่งผลดีต่อ Braun” เพราะหากคนรุ่นใหม่ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบ ๆ มากขึ้น พวกเขาก็มีแนวโน้มจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรียบ ๆ ของ Braun ด้วยนั่นเอง ความคิดนี้ของเจ้านายเขาทำให้ทั้ง Braun และบริษัทเฟอร์นิเจอร์ต่างเติบโตด้วยกันทั้งคู่ และยังเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Apple ในปัจจุบันด้วย
จากเรื่องราวดังกล่าว เราจะเห็นได้ว่าการปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ ได้ทำงาน ไม่ได้ส่งผลเสียอย่างที่ใครหลายคนคาดไว้ แต่กลับส่งผลดีให้คนหันมานิยมกันมากขึ้นด้วยซ้ำครับ
ดังนั้นหากจะนำเรื่องราวดังกล่าวมาปรับใช้กับศาสนาที่เกริ่นไว้ตอนแรก ก็อาจพอสรุปได้ว่า “หากจะส่งต่อศาสนาให้คนรุ่นใหม่ ก็อย่าปิดกั้นเขาด้วยวิธีเก่า ๆ”
คนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่อินกับการรับหนังสือสวดมนต์จากพระ แต่หากนำคำสอนมา Rap เป็นภาษาเดียวกับพวกเขา พวกเขาอาจคลิกเข้าไปฟังก็ได้ หรือคิดไปไกลกว่านั้น ถ้าพระเป็นตัวละครในเกมที่มีพลังปราบมอนสเตอร์ได้ล่ะ จีวรเหลืองที่ปลิวสะบัดอาจดูเท่ไม่แพ้ ดร. สเตรนจ์ ในสายตาของวัยรุ่นก็ได้
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้บอกให้เอาศาสนามาย่ำยีอย่างที่หลายคนกลัว เข้าใจว่าทุกอย่างต้องมีตรงกลาง มีความเหมาะสม แต่ที่คนรุ่นใหม่ตั้งคำถามกับศาสนามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างทุกวันนี้ ก็คงพิสูจน์แล้วว่าศาสนาไม่ได้อยู่ตรงกลาง แต่ตกเป็นคนของใครบางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของศาสนา ทั้งที่จริง ๆ แล้วศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจของ “ทุกคน” ครับ
#ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น #ThePowerofIgnorance #พลังแห่งความไม่รู้
จะส่งต่อศาสนาให้คนรุ่นใหม่ จงอย่าปิดกั้นด้วยวิธีเก่าๆ ข้อคิดจากหนังสือ The Power of Ignorance
โฆษณา