15 ต.ค. 2022 เวลา 12:12 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 79 คำสัญญา.....
หลังจากที่ผมได้ไปแจ้งความเอาเรื่องกับพวกทหารได้ไม่นาน ชื่อของผมและทะเบียนรถยนต์ก็ถูกขึ้นบัญชีเป็นรถผู้ต้องสงสัยที่ต้องถูกตรวจค้นทุกด่าน
ทำให้เวลาผมเข้าออกจากจังหวัดระนองต้องโดนทหารค้นรถยนต์ทุกครั้งสร้างความลำบากกับผมและกุ้งภรรยาที่ท้องแก่เป็นอย่างมาก
แต่ขณะเดียวกันคดีที่ผมแจ้งความทหารพวกนั้นกลับดำเนินการไปช้ามากจนผมต้องมาทวงถามกับตำรวจหลายครั้ง
“ผมบอกตรงๆว่าผมถูกทางผู้ใหญ่กดดัน ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่ทำคดีให้แล้ว ถ้าผมไม่ทำคดีให้คุณ คุณคงเล่นงานผมแน่ๆ”ตำรวจเจ้าของคดีบอกกับผมอย่างตรงๆ
“แน่นอนครับ ผมไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”ผมบอกกับตำรวจนายนั้นไป
“ยังไงคุณก็มาตามคดีบ่อยๆนะ ผมจะได้หาเหตุบอกกับทางผู้ใหญ่ว่าเจ้าทุกข์เขามาตามคดี ผมก็ต้องทำตามหน้าที่”ตำรวจบอกกับผมด้วยความลำบากใจ
จากนั้นอีก 1 เดือนต่อมา
ทางลุงสิงห์และชาวบ้านคนอื่นๆได้นัดชุมนุมกัน ณ.โรงเรียนแห่งเดิมที่เคยนัดกันแถลงข่าวในครั้งก่อน
“ทรายพาไอ้น๊อตลูกไอ้กรมาด้วยนะ เดี๋ยวจะได้ให้นักข่าวช่วยตามเรื่องไอ้กรพ่อของมัน”ลุงสิงห์บอกกับผมเมื่อได้กำหนดการนัดรวมตัวกับชาวบ้าน
“ผมไม่รู้จักบ้านน้องน๊อตน่ะ ไม่รู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน”ผมบอกกับลุงสิงห์
“เดี๋ยวให้ไอ้ขุมมันโทรหาทราย บ้านมันอยู่ใกล้ๆกัน เห็นว่าอยู่แถววิสัย ชุมพรแหละ”ลุงสิงห์บอกกับผมก่อนที่จะวางสายไป
จากนั้นไม่นานพี่ขุมก็โทรเข้ามาหาผม
“ผมก็รู้จักบ้านไอ้กรมันนั่นแหละ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปที่บ้านของมันตามลำพังหรอกเพราะผมเองก็ไม่กินเส้นกับผู้ใหญ่บ้านของที่นั่น เอางี้นะเดี๋ยวทรายไปพร้อมกับผมดีกว่า"พี่ขุมบอกกับผมก่อนที่จะวางสายไป
จากนั้นเมื่อถึงวันนัดประชุมผมกับกุ้งก็ขับรถออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้า
“ขออนุญาตค้นรถนะครับ”ทหารที่ด่านขอค้นรถยนต์ของผมเมื่อผมขับรถยนต์เข้ามาที่ด่านทันที
หลังจากที่ค้นรถยนต์ของผมจนเสร็จท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่ขับรถยนต์ผ่านไปมาที่ต่างหันมามองด้วยความสนใจ เนื่องจากมีรถยนต์ของผมโดนค้นเพียงคันเดียว
จากนั้นทหารก็ให้ปล่อยรถยนต์ของผมออกมาจากด่าน
“เมื่อไหร่จะจัดการเรื่องนี้ได้สักทีนะ เสียเวลา น่ารำคาญมาก”กุ้งบ่นหลังจากที่ผมขับรถยนต์ออกจากด่านได้ไม่นาน
เมื่อผมมาถึงบ้านของพี่ขุมในจังหวัดชุมพรผมก็พบว่านายหัวชาญได้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เดี๋ยวพวกเราไปบ้านน้องกรด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”นายหัวชาญบอกกับผมก่อนที่จะเข้าไปนั่งในรถยนต์ของพี่ขุม
จากนั้นพี่ขุมก็ขับรถยนต์นำหน้าผมไปที่บ้านของพี่กรซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก
เมื่อไปถึงบ้านของพี่กรผมก็พบกับน้องน๊อตและพี่สาวของเขา
“พี่ทราย พ่อของน๊อตอยู่ที่ไหน”น้องน๊อตวิ่งเข้ามากอดผมพร้อมร้องไห้
หลังจากที่ผมปล่อยให้น้องน๊อตร้องให้จนพอใจแล้วผมจึงต้องบอกความจริงกับน้องน๊อต
“พ่อของน๊อตตายแล้วนะ โดนทหารพม่ายิง พวกเรากำลังพยายามเอาศพออกมาให้ได้ แต่น๊อตก็ต้องช่วยกันด้วยนะ”ผมบอกกับน้องน๊อตซึ่งตอนนี้เริ่มร้องไห้อีกครั้งพร้อมกับแจ๋วพี่สาวของเขา
“จะให้น๊อตทำอะไรก็บอกมาเลย ขอแค่เอาศพพ่อออกมาได้ก็พอ”น้องน๊อตพูดทั้งน้ำตาหลังจากที่รู้ว่าพ่อของเขาได้ตายจากไปแล้ว
“เราต้องกดดันให้ทหารพม่าเอาศพออกมาให้ เดี๋ยววันนี้จะมีชาวบ้านเขานัดชุมนุมกันที่สุราษฎร์และมีนักข่าวมาด้วย แต่น้องน๊อตต้องไปบอกนักข่าวว่าพ่อของน๊อตหายไป และมชาวบ้านยืนยันว่าพ่อของน๊อตถูกยิง น๊อตต้องเรียกร้องให้พวกทหารพม่าเอาศพของพ่อออกมานะ”ผมบอกกับน้องน๊อต
“ได้ๆ น๊อตจะไปบอกกับนักข่าวเอง”น้องน๊อตบอกกับผมทั้งน้ำตา
“เออนี่แจ๋ว พี่จะขอพาน้องน๊อตไปสุราษฎร์ แล้วจะมาส่งตอนเย็น แจ๋วจะว่าไง”ผมหันไปถามกับพี่สาวของน้องน๊อต
“ได้เลยค่ะ ถ้าน้องมันไปกับพี่ทรายแจ๋วไว้ใจอยู่แล้ว"พี่สาวของน้องน๊อตบอกกับผม
จากนั้นผมก็พาน้องน๊อตมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เมื่อมาถึงโรงเรียนที่พวกเรานัดชุมนุมกันผมก็พบกับชาวบ้านที่เคยอยู่ด้วยกันในหมู่บ้านอินทนิลขวางต่างเข้ามาทักทายผม
“พวกนั้นโยนความผิดใส่ทรายคนเดียวเลย ตอนที่ทรายโดนจับตัวไป พวกนั้นมาเป่าหูพวกเราตลอดว่าให้พวกเราไปแจ้งความเอาเรื่องทราย”ชาวบ้านต่างบอกกับผมเป็นเสียงเดียว
“แล้วพี่จะแจ้งความมั๊ยล่ะ”ผมถามไปยิ้มไป
“แจ้งทำไมล่ะ ไม่เกี่ยวกันซักหน่อย พี่ก็เข้ามาในหมู่บ้านอินทนิลขวางกับพวกญาติๆของพี่เอง ไม่ได้เข้าไปเพราะทราย ไปรู้จักกับทรายก็ในหมู่บ้านแหละ”ชาวบ้านบอกกับผม
"อ้าว พี่เนาว์เป็นไงบ้าง"ผมทักทายกับพี่เนาว์เมื่อเห็นเขาขับรถยนต์มาจอดแล้วเดินลงมาหาผม
"เราสบายดี ตอนนี้หลบไปอยู่กับนายหัวที่พัทลุง ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก เพราะนายหัวเราให้มือปืนคุ้มกันตลอด"พี่เนาว์บอกกับผมยาวยืด
"นี่ไอ้เนาว์ เราว่านะเนาว์แค่ขับรถให้ดีๆ มีสติ อย่าแหกโค้งลงข้างทางก็พอ ชีวิตของเนาว์ก็จะปลอดภัย ไม่มีใครมาทำอะไรได้แล้วแหละ แล้ววันนี้พามือปืนมาด้วยป่าว"ลุงสิงห์ซึ่งเดินเข้ามาหาผมได้พูดดักคอพี่เนาว์ขึ้นมา
1
"แหะๆ วันนี้ผมไม่ได้พามาด้วย"พี่เนาว์บอกกับลุงสิงห์ด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
"งั้นไปหาอะไรกินก่อนไป จะได้มีแรงกลับไปให้มือปืนคุ้มกันต่อ"ลุงสิงห์ไล่พี่เนาว์ให้เดินไปหาอะไรกิน
"แหม่ ทำอย่างกับคนสำคัญ ต้องมีมือปืนคุ้มกัน มันน่าจะโดนทหารพม่าจับไปพร้อมกับพี่ชายมันด้วยนะ"ลุงสิงห์บ่นอย่างรำคาญ
“พี่เนาว์แกก็เป็นแบบนี้แหละ ว่าแต่นักข่าวมากันหรือยังล่ะครับ"ผมถามกับลุงสิงห์
“เห็นว่ากำลังมานะ รออีกสักพักก็แล้วกัน”ลุงสิงห์บอกกับผม
“เออทราย นี่พี่สาวของพี่ทำขนมจีนมาเลี้ยง”จ่าตี๋บอกกับผมขณะที่ช่วยพี่สาวของเขาถือหม้อน้ำยาขนมจีนมาตั้งที่โต๊ะ
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้พี่สาวของจ่าตี๋
“นี่เหรอทราย ได้เห็นตัวจริงสักที จ่ามันเล่าให้ฟังบ่อยๆ”พี่สาวของจ่าตี๋บอกกับผม
“วันก่อนที่พี่โดนเรียกตัวไปสอบสวนเป็นไงบ้างพี่”ผมถามกับจ่าตี๋หลังจากที่เขาวางหม้อน้ำยาขนมจีนไว้ที่โต๊ะแล้วเดินมานั่งข้างๆผม
“พวกนั้นมันไม่มีข้อมูลอะไรหรอก เพราะไม่มีใครบอกอะไรกับพวกนั้น มันก็ได้แต่งมโข่งตามทหารนั่นแหละ”จ่าตี๋บอกกับผม
“ผมเลยทำพี่เดือดร้อนไปด้วยเลย”ผมขอโทษกับจ่าตี๋
“เรื่องเล็กน้อยน่ะ อย่าคิดมาก พี่ก็แค่ให้การไปในฐานะพยาน”จ่าตี๋บอกกับผมก่อนที่จะเดินไปตักขนมจีนมาให้ผมและกุ้งกินด้วยกัน
จากนั้นพวกชาวบ้านก็ต่างกันกินขนมจีนและอาหารที่ชาวบ้านอีกหลายคนต่างช่วยกันทำมาเพื่อกินร่วมกัน
มันให้ผมนึกถึงบรรยากาศในวันขึ้นบ้านใหม่ของพี่กรในวันนั้น
เพียงแต่มันเป็นคนละสถานที่ แต่ที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือผู้คนที่ยังรักใคร่สามัคคีกันแม้พี่กรจะได้เสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
หลังจากที่รับประทานอาหารร่วมกันแล้วชาวบ้านต่างก็ออกมาพูดคุยถึงเรื่องราววันที่พวกเขารอดพ้นจากการโดนทหารพม่าจับกุมตัวไปอย่างหวุดหวิดโดยที่ผมได้นั่งฟังอยู่ที่โต๊ะ
ระหว่างนั้นพี่ขุมก็วิ่งมาหาผมด้วยท่าทางแตกตื่น
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วทราย”พี่ขุมบอกกับผมเบาๆด้วยอาการหน้าซีดๆ
“มีอะไรเหรอพี่”ผมถามพี่ขุมด้วยความสงสัย
“ก็ไอ้ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านของไอ้น๊อตน่ะสิมันไปบอกป้าของน๊อตว่าพวกเราลักพาตัวไอ้น๊อตมา”พี่ขุมบอกกับผม
“เฮ้ยบ้าแล้ว พวกผมก็ขออนุญาตจากพี่สาวเขาแล้วนิ”ผมบอกกับพี่ขุม
“เออ พี่สาวมันอนุญาตแต่ป้ามันไม่ยอม ป้ามันบอกว่ากลัวทรายจะพาไอ้น๊อตไปฆ่าปิดปากเพราะไอ้น๊อตรู้ความลับของทรายเยอะ”พี่ขุมบอกกับผม
“ความลับอะไร น๊อตยังแย่งกันขับแม๊คโครกับพี่ทรายกันอยู่เลย”น้องน๊อตพูดออกมาด้วยความงุนงง
“แล้วเอาไงทีนี้ นักข่าวก็ยังไม่มา”ผมถามกับพี่ขุม
“เดี๋ยวขอผมคุยกับป้าเอง”น้องน๊อตบอกกับผมก่อนที่จะยืมโทรศัพท์จากพี่ขุมโทรหาป้าของเขา
“มึงต้องกลับมาบ้านมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะออกไปแจ้งความที่โรงพักแล้วนะ”ป้าของน้องน๊อตบอกมาทางโทรศัพท์ก่อนที่จะวางสายไป
“แม่งไอ้ผู้ใหญ่หัวควย เอาเรื่องส่วนตัวมาทำซะพังหมด”พี่ขุมบ่นออกมาอย่างโมโห
“งั้นพวกเรารีบพาน๊อตกลับไปส่ที่งบ้านกันก่อนเถอะ ยังไงพวกเราเอาหลานเขามาเราก็ผิดเต็มๆ”นายหัวชาญบอกกับผม
จากนั้นผมกับนายหัวชาญก็รีบไปบอกลาชาวบ้านทุกๆคนเพื่อนำน้องน๊อตกลับไปส่งที่บ้านของเขาทันที
“พี่ทราย ยังไงพี่ทรายต้องเอาพ่อกลับมาให้ได้นะ น๊อตขอแค่ศพพ่อแล้วจะไม่ขออะไรอีก”น้องน๊อตบอกกับผมขณะที่ผมขับรถยนต์กลับมาจากสุราษฎร์ธานีตามหลังรถของนายหัวชาญ
“ได้สิ พี่สัญญา ยังไงพี่ก็ต้องเอาพี่กรกลับมาให้ได้”ผมบอกกับน้องน๊อตด้วยความมั่นใจ
เมื่อขับรถยนต์มาถึงบ้านของน้องน๊อตผมก็พบกับป้าของน้องน๊อตยืนรออยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน
“อ๋อคนนี้เองเหรอ ที่พาไอ้น๊อตไป”ป้าของน้องน๊อตพูดออกมาเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากรถยนต์พร้อมกับกุ้งและน้องน๊อต
“พี่เขาพาไปพบนักข่าวเรื่องพ่อ”น้องน๊อตบอกกับป้าของเขา
“ชั้นเองก็ไม่รู้อะไรหรอก ผู้ใหญ่บ้านมันมาบอกชั้นว่าให้รีบตามตัวไอ้น๊อตกลับ เพราะมีใครไม่รู้มาพามันไป ชั้นก็ตกใจน่ะสิ”ป้าของน้องน๊อตบอกกับผม
“ผมนี่ปลูกบ้านตรงข้ามกับพี่กรในอินทนิลขวาง น๊อตมันมาเล่นบ้านผมบ่อยๆ”ผมบอกกับป้าของน้องน๊อต
“ถ้าชั้นรู้ก่อนว่าเป็นคนรู้จักกัน ชั้นก็ไม่ว่าอะไรหรอก พอดีพี่สาวไอ้น๊อตมันไปบ้านผัวมันด้วย ชั้นก็เลยไม่รู้เรื่องราว พอผู้ใหญ่บ้านมาบอกกับชั้นแบบนั้นชั้นก็ตกใจสิ”ป้าของน๊อตบอกกับทุกคน
“ผู้ใหญ่บ้านมันมีเรื่องกับผม มันคงเห็นรถของผมขับเข้ามาแหละเลยไปบอกกับกับพี่แบบนั้น”พี่ขุมบอกกับป้าของน๊อต
“งั้นถ้าเข้าใจกันดีแล้วก็ไม่เป็นไรนะ ผมกลับก่อนดีกว่า”ผมบอกกับป้าของน้องน๊อตก่อนที่จะเดินกลับมาที่รถยนต์
“พี่ทราย อย่าลืมสัญญานะ”น้องน๊อตตะโกนออกมาตามหลังผมทำให้ผมต้องหันกลับไปมองเขาซึ่งตอนนี้มีรอยยิ้มด้วยความหวัง
จากนั้นผมก็ขับรถยนต์ตามพี่ขุมออกมาที่บ้านของเขา
“พี่ไปได้เอกสารที่เขาปักปันเขตแดนมาเยอะเลย ฝ่ายทหารมีแค่แผนที่ฉบับเดียวที่ยังไม่ปักปันเขตแดน"นายหัวชาญบอกกับผมขณะที่นั่งคุยกันที่บ้านของพี่ขุม
“ผมมีหนังสือเล่มนึงที่ปลัดบุญจริงเคยให้ผมมา ผมว่าหนังสือเล่มนั้นมีข้อมูลที่น่าสนใจ”ผมบอกกับนายหัวชาญ
“เหรอ หนังสือเล่มนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ”นายหัวชาญถามผมอย่างดีใจ
“อยู่ที่บ้านของผม เดี๋ยวผมเอาไปให้นะ”ผมบอกกับนายหัวชาญ
“เออ แล้วเรื่องศพของน้องกรจะเอายังไง สงสารเด็กมันว่ะ”นายหัวชาญถามกับผม
“ผมยังคิดไม่ออก อาวุธของผมตอนนี่ก็โดนทหารพม่ายึดเอาไปหมดแล้ว จะบุกเข้าไปก็น่าจะไม่ไหว”ผมบอกกับนายหัวชาญไปตามตรง
“เดี๋ยวเราค่อยมาคิดหาวิธีกันอีกที”นายหัวชาญบอกกับผม
จากนั้นผมก็ขับรถยนต์ออกจากบ้านของพี่ขุม ซึ่งเมื่อผมผ่านด่านตรวจของทหารรถยนต์ของผมก็ถูกค้นอีกครั้ง
“โอ้ยไม่ไหวแล้วนะ เซ็งมากเลย มันจะค้นอะไรกันทุกรอบนะ”กุ้งบ่นอย่างอารมณ์เสียหลังจากทหารค้นรถยนต์ของผมเสร็จ
"เดี๋ยวเราจัดการให้”ผมบอกกับกุ้งก่อนที่จะกดโทรศัพท์ออกไป
“พี่ ผมต้องการพบกรรมมาธิการทหาร พี่จัดการให้ผมด้วยนะ” ผมบอกกับคนที่ผมโทรไปหาถึงความต้องการของผม....
วันต่อมามีนักข่าวตามมาที่โรงเรียนของน้องน๊อตเพื่อสอบถามข้อมูลของพี่กรพ่อของเขา...
ส่วนผมก็รวมรวมหลักฐานเพื่อเข้าพบกับกรรมธิการทหาร
ก่อนที่ช่วงบ่ายผมจะขับรถยนต์นำหนังสือที่ปลัดบุญจริงเคยมอบให้ผมไปส่งมอบให้กับนายหัวชาญ
“ผมมีฉบับเดียว ยังไงพี่ถ่ายเอกสารไว้แล้วก็เก็บตัวจริงซ่อนไว้ให้ดีนะ”ผมบอกกับนายหัวชาญก่อนที่จะมอบหนังสือเล่มนั้นและขับรถกลับมาที่บ้าน
เข้าวันต่อมาพี่เล็กโทรศัพท์มาหาผมตั้งแต่เช้า
“ทราย แย่แล้วนายหัวชาญโดนทหารจับตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน”
เสียงของพี่เล็กซึ่งมีอาการตกใจบอกกับผม
#เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
โฆษณา