15 ต.ค. 2022 เวลา 12:49
AMERICAN PSYCHO เบกเมน เฟอร์เฟ็กเจอร์นิส? ติสแตก
อย่าหาอ่านถ้าไม่ชอบที่มีสปอย และมั่วล้วนๆ
เรื่องราวของหนุ่มเศรษฐีบ้านรวยที่อะไรๆ ในชีวิตก็สมบูรณ์แบบไปซะหมด จนในบ้างครั้งความสมบูรณ์แบบในตนเอง มันก็ยังไม่เพียงที่จะสนองความต้องการของเขา เพราะเขาต้องการจะเหนือไปกว่าใครในโลก เขาต้องเป็นคนที่เลิศเล่อเฟอรเฟ็คที่สุด จนสามารถที่จะฆ่าใครก็ตามที่มันด้อยกว่าเพื่อสนองความกระหาย อันไร้ก้นบึ้งของเขา
หนังที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยาย โดยผู้กำกับหญิงอย่าง Mary Harron ตัวเรื่องก็ยังคงเส้นคงวาตามฉบับนิยาย คือ พยามจิกกัดสังคมบริโภคนิยม ของเหล่าเศษฐี เหนือชนชั้น ที่หลุดออกจากวัฏจักรรากหญ้า จนเอาเวลาส่วนใหญ่มาชิงดี ชิงเด่น ทำให้ตนเองสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ถ้าเล่าเรื่องเช่นนั้น มันก็คงไม่สนุก เพราะตัวเรื่องได้ใส่ความเป็นหนังสยองขวัญ ฆาตกรรมไล่ฆ่าคนทั่ว โดยให้ตัวละครหลักแพททริก แบกเมน สวมหน้ากากทั้งผู้ดีสุดเพอร์เฟ็กต์ และอีกด้านคือไอโรคจิตที่ฆ่าคนเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
ตัวเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของความสยองขวัญอย่างง่าย คือ หาเหยื่อ จัดการ ใช้ชีวิตปกติ หาเหยื่อ วนไป จนจุดสุดท้ายมาตั้งคำถามว่า จริงหรือหลอก?
ถ้าให้พูดถึงความสนุกของการดูแล้ว มันแถบไม่ค่อยจะมีอะไรเลย แต่ถ้าพูดถึงการตีความกับนัยยะภายในเรื่องแล้ว ตัวเรื่องกลับทำให้ผู้คนนั้นงงกันเป็นแถว ด้วยการทิ้งปริศนาไว้ให้กับคนดูครุ่นคิดว่า จริงๆ แล้ว เบกเมน หลอนไปเอง หรือว่า จริงๆ แล้วเขา คือ ฆาตกร
ตัวเรื่องได้ทิ้งปริศนาไว้ ตั้งแต่การที่บอกว่า เขาเป็นคนที่แสวงหาความสมบูรณ์ (Perfectionist) จนเรียกได้ว่าเข้าขั้นอันตรายเลยทีเดียว เขาขาดในสิ่งที่เรียกว่า ความจริงใจ และผ่อนคลาย จนมันกลายเป็นเหมือนการพยามเสแสร้ง ที่มันดูอึดอัด จนเป็นนิสัย แต่เขาก็แอบมีมุมผ่อนคลาย บางเมื่ออยู่กับตัวเอง อย่างการชอบฟังเพลงยอดนิยมในสมัยเพื่อเป็นการตัดขาดออกจากโลก และเขาสู่ภวังค์ของตนเอง
หลงลืม หนึ่งสิ่งที่ เบกแมน มักจะแสดงออกภายในเรื่องคือ เขามักจะใช้เหตุผล และข้ออ้างซ้ำๆ ในการปฏิเสธ หรือว่ามักจะชอบแถให้ตัวนั้นเอาตัวรอดได้ และเขาก็มักจะพูดชื่อคนอื่นผิด หรือจำคนอื่นผิดอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่าจิตใจของนั้นมันได้ฉายภาพอื่นให้เขาเห็น เนื่องจากความ Perfectionist ที่มากเกินไป จนกลายเป็นปัญหาต่อตัวเอง เขาได้ฉายบางอย่างลงไปในความเป็นจริง
จนไม่สามารถแยกได้ว่า อะไรคือเรื่องจริง หรืออะไรคือสิ่งที่เขาคิด จนในสุดมันก็กลายเป็นเหมือน ดาบที่สะออกมาเพื่อแทง ตัวเขาในที่สุด เนื่องจากความเครียดสะสมเข้าขั้นวิกลจริต
จนเกือบจะทำให้เข้าต้องกลายเป็นฆาตกรจริงๆ จะสามารถสังเกตได้ สองคนที่จะถูกเขาจัดการ คือ ฉากที่เขาตัดสินใจจะบีมคอ ของเพื่อนร่วมงามที่เป็นเพศทางเลือก ที่มักจะชอบพูดเจาะเจะกับเขาจนเกิดหน้าเกินตา ซึ่งมันเป็นการพูดที่เข้าโครตจะรำคาญ อีกทั้งยังมีหน้ามาโชว์นามบัตรที่เหนือไปกว่าเขาอีก จนในที่สุดเบกเมนก็ทนไม่ไหว เขาได้ลอบเดินไป ข้างหลัง เพื่อจะทำการบีบคอเพื่อคนนี้
แต่ว่า สุดท้ายแล้วเขาก็ สองจิต สองใจและเลือกที่จะไม่ลงมือฆ่า เพราะว่าความกล้า? ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า ก็ฆ่าคนมาเยอะไม่ใช่หรือไง มันอาจจะเป็นตัวบ้งชี้ได้แล้วว่า เขาแค่หลอนไปเอง?
อีกครั้ง คือ ตอนที่ชวนเรขาสาวมาดิ้นเนอร์ ก่อนที่จะถึงเวลา เขาได้พาเรขามาเที่ยวที่ห้องนอน เพื่อพูดคุยกัน แจ่แล้วอยู่ๆ เขาได้หยิบปืนตะปู ออกมาและพยามจะจัดการกับเธอ ในตอนที่เธอเผลอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำมันลงไป เพราะว่าแฟนสาวของเขาได้โทรมาเพื่อบอกว่าอย่าลืมนัดของเราครั้งต่อไปละ เขาที่แอบนัดสาวมา และโดนโทรมาฉีกหน้าแบบนี้ ก็ถึงกับหลุดออกจากภวังค์ความโรคจิตพร้อททั้งเสียเซลฟ์ เขาเลยได้ไล่เรขาสาวให้ออกจากห้องไป
ซึ่งคำถามของฉากนี้ คือ เขาจะฆ่าเรขาจริงๆ ไหม ถ้าเกิดว่าแฟนสาวไม่โทรมา? หรือว่ามันจะเป็นเหมือนกับฉากของเพื่อนที่ทำงาน ที่สุดท้าย เขาก็หลุดออกมาจากภวังค์ เพราะว่าความกลัว?
ความอลังการที่ไม่มีใครรู้? ตัวเรื่องได้เล่าถึงพระเอกที่ มันกลายเป็นฆาตคต่อเนื่องกว่า 20 ศพ แต่ทว่าแถบไม่มีใครเอะใจ จนกระทั่งฉากที่พระเอก เริ่มฆ่าคน แบบไม่เลือกหน้า จึงเริ่มมีตำรวจมา แบะทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ภายในไม่กี่วัน มันจึงทำให้เรื่องดูเหมือนว่า เอาจริงๆ แล้วทุกอย่างมันคงเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นในหัวของพระเอกมากกว่า ถ้าอิงตามหลักความเป็นจริง
ผู้กับกำอยากให้เราตีความแบบไหน? จริงๆ แบ้วทางผู้กำกับได้เล่าว่า เขาอยากจะจบปลายเปิดมากกว่า ให้เหมือนกับในนิยาย เธอพลาดเองที่ได้ใส่ฉาก การซูมเขาไปที่ตาพระเอก ในตอนจบของเรื่อง เพราะมันเหมือนจงใจบอกว่า พระเอกนั้นมโนทุกอย่างขึ้นมาเอง แต่จริงๆ แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างภายในเรื่อง นั้น พระเอกได้ทำมันขึ้นจริงๆ เพียงแต่เธออยากเคารพต้นฉบับเลยไม่เฉลย ส่วนในต้นฉบับ พระเอกก็เป็นฆาตกรจริงๆ
ส่วนในมุมมองของผม ผมก็คงเอนเอียงไปว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นแค่ความมโของตัวเอกมากกว่า เพราะตัวเรื่องได้ขาดความโอเวอร์ของการใช้เงินแก้ปัญหาไป ถ้าเกิดว่าในตอนแรกสามารถใส่ความแฟนตาซี ของการใช้เงินได้ ผมคงตีความได้อย่างเอนเอียง กำกึง ต่อผลลัพธ์ของเรื่อง อีกทั้งยังมีเรื่องของนักสืบที่ดูเหมือนว่าจะไม่สงสัย พระเอกเลย เหมือนเป็นคนแค่ตัวละครในจิตนาการพระเอก ที่ซ้อนทับกับคนในโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถทำให้ผมหัวมุนได้อย่างสนิทใจ คงเป็น เพราะ การใบ้ที่มากเกินไป จนผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมนั้น คิดน่านั้นมันน่าจะเป็นไปได้ ถ้าสามารถใบ้ได้แนบเนียนกว่านี้ ผมคงหัวมุน
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือมโนขึ้นมา แต่ผมก็ว่าในท้ายที่สุดมันการสามารถที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเราๆ ตั้ง คำถามและครุ่นคิดได้ หนังมันคงได้ทำหน้าที่ของมันแล้วแหละ ในส่วนของการจิกกัดสังคม
ส่วนเรื่องความสนุก ผมว่ายังไม่เท่าไหร่ แต่ชอบในองค์ประกอบที่หลอกให้เชื่อ การแสดงดีๆ การสะออกมาของชีวิตคนรวย ถ้าต้องการเรื่องพวกนี้ ผมว่าผ่านนะ
ปิดท้ายๆ เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่า ถึงแม้พระเอกจะเป็นจริง แต่ตัวเรื่องค่อนข้าง เล่าในช่วงตอนท้ายรวบรัดไป จนในที่สุดมันก็ทำให้การตีความกลายเป็นว่า เอนมาทาง ไม่เกืดขึ้นจริงซะมากกว่า
มันคงเป็นลูกเล่นของตัวอักษร ที่หนังอาจจะไม่สามารถบรรยายออกมาได้แหละมั้ง เพราะขนาดทางผู้เขียนเอง ยังบอกว่าเกลียดเบย เพราะถ้ารู้อยาก เขาก็คงไม่ให้มาทำหนังหรอก เพราะนิยายของเขา มันเป็นสไตล์เหนือจริง พอทำเป็นหนัง แบะอยู่ในบรรทัดฐานความจริงแล้ว มันเลยดูเหมือนเป็นเรื่องมโน
โฆษณา