Opinion: โอเค พี่สเตฟาน ผมเข้าใจพี่แล้ว
ช่วงหลังๆ เวลาที่ยูเวนตุสมีผลการแข่งขันที่ไม่ดี บางครั้งค่อนไปทางน่าอับอาย แฟนบอลและบรรดาเพจฟุตบอลทั้งหลายจะต่างใจรอบทสรรเสริญจากพี่สเตฟานแห่ง Antihero Thailand บ้างรอฟัง บ้างรอแซว ซึ่งแน่นอน แอดมินก็เช่นกัน
โดยเฉพาะตอนที่แกไลฟ์หลังเกมที่ยูเวนตุสบุกไปแพ้เกมยุโรปต่อมัคคาบี้ ไฮฟา 0-2 แกก็จัดบทสรรเสริญไปครึ่งชั่วโมงเต็ม จนอยู่ดีๆ ไลฟ์ก็ตัดจบไปดื้อๆ
สุดสัปดาห์นี้ ยูเวนตุสมีคิวลงเตะเกมเซเรียอา บุกไปเยือนโตริโน่ ซึ่งเป็นศึกผ่าเมืองตูรินพอดี อีกทั้งยังเป็นเกมที่ยูเวนตุสต้องรีบเอาผลการแข่งขันที่ดีกลับมาให้เร็วไว จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองชมเกมการเล่นของยูเว่ เพื่อพิสูจน์ว่า สิ่งที่คุณสเตฟานได้กล่าวถึงทีมรักของตัวเองตลอดมานั้น เป็นจริงแบบที่ตาเห็นหรือไม่
ซึ่งหลังจากได้นั่งดูเต็มเกมแล้ว ก็มีข้ออุทานหนึ่งผุดขึ้นมา "โอเค พี่สเตฟาน ผมเข้าใจพี่ละ"
ถ้าจะบอกว่า ปัญหาของยูเวนตุสคืออะไร จากการคิดแบบเร็วๆ นั้น สรุปได้ว่า มันคือ "การเล่นให้เป็นทีม" ต้องขออภัยแฟนๆ ยูเว่ด้วย แต่จากการนั่งดูแล้ว มันรู้สึกแบบนั้นได้จริงๆ... โดยเฉพาะครึ่งแรก
เรารู้สึกว่า เปิดเกมมา โตริโน่ตั้งตัวได้ก่อน แม้จะยังยิงจังหวะเหมาะๆ ไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยการยิงไกล แต่สิ่งที่เห็นชัดคือ รับส่งบอลแม่น และเพรสซิ่งยูเว่เร็ว เหมือนรู้ว่าจุดอ่อนของยูเว่ช่วงนี้คืออะไร และรู้ว่ายังแก้ไขมารับมือวันนี้ยังไม่ทัน
กลายเป็นยูเว่ที่ชื่อใหญ่กว่า ทว่าการเล่นดูตื่นตระหนกกว่า การถ่ายบอลให้กันมีลูกแปลกๆ เกิดขึ้นเยอะ จ่ายยัดแรงเข้าเท้าบ้าง จ่ายแบบเขี่ยเร็ว แต่การรับบอลไม่แม่นยำ หรือไม่อยู่ในจังหวะที่จะเกี่ยวบอลไปต่อได้ ทำให้แทนที่การเล่นจะไปได้เร็ว ก็กลับสะดุดบอล ต้องกลับมาคล้องบอลเอาใหม่ เหมือนเล่นแผ่นซีดี แล้วเครื่องอ่านมีปัญหาทำให้แผ่นสะดุด ขณะที่ฝั่งโตริโน่เน้นเคาะบอลให้แม่น แม้จะช้า แต่ก็ตรึงกำลังขึ้นมาบุกยูเว่ได้ เหลือแค่จังหวะสุดท้ายที่วันนี้โตริโน่ก็ไม่อันตรายเท่าไหร่
พอผ่านไปได้ซักพัก ยูเว่เริ่มตั้งตัวได้บ้าง และเริ่มหาโอกาสขึ้นมา คือการเอาวลาโฮวิชมาเป็นตัวแย่งโหม่งจากลูกตั้งเตะ เพื่อโหม่งชงให้คนอื่นไปเซ็ทเกมต่อ แต่ถึงเวลาตัวเองก็ไม่เคยได้บอลเพื่อจับจังหวะเหมาะเหม็งไปทำประตู หลายครั้งต้องลงมาล้วงบอลเองด้วยซ้ำ เวลาภาพตัดซูมไปที่หน้าของสลาโฮวิช เหมือนในใจก็ภาวนาอยากได้จังหวะยิงจังๆ ซักที จะได้พิสูจน์ว่า ที่ยังยิงไม่ค่อยได้กับชุดม้าลาย ไม่ใช่เพราะฝีมือไม่ดี แต่บอลมันมาไม่ถึงจริงๆ
ถ้าเคยได้ฟังที่คุณสเตฟานกล่าวถึงตัวละครหลายตัวบ่อยๆ แล้วมาดูวันนี้ จะเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไม ตัวหลักๆ ก็อย่าง คอสติช ที่ครอสบอลติดแบ็คโตริโน่ไม่ต่ำกว่าสามครั้งเต็มๆ หรืออย่างแม็คเคนนี่ที่ครึ่งแรกเชื่อมเกมไม่ดี และหายไปเลย จนเริ่มมามีบทบาทมากขึ้นในครึ่งหลัง
แต่ที่หายนะสุดๆ คือ กัวดราโด้ ที่วันนี้ไม่สับเยอะแยะแบบที่คุณสเตฟานเคยกล่าวถึง แต่ที่ชัดเจนมากๆ การทำตัวให้เกมรุกสะดุด โดยเฉพาะการจ่ายบอลที่ให้ไปในตำแหน่งที่ไม่มีใครอยู่เสมอ มีจังหวะหนึ่งที่ยืนฝั่งขวารอรับบอลที่เปิดข้ามฟากจากคอสติช ซึ่งทั้งวลาโฮวิช โลคาเตลลี่ และแมคเคนนี่ โถมเข้าไปในเขตโทษแล้ว ในใจผู้ดูก็คิดว่ากัวดราโด้น่าจะดูดบอลลงแล้วตักบอล อย่างแย่ก็แปบอลไม่จับเข้าไปให้ตัวโหม่งในเขตโทษได้ลุ้น แย่สุดก็ยิงมันทั้งอย่างนั้นเลย
ทว่าสิ่งที่กัวดราโด้ทำกลับไม่อยู่ในความคาดหมายใดๆ เขาแปบอลให้ไหลกลับมาที่นอกกรอบเขตโทษ ซึ่งตรงนั้น... ไม่มียูเว่ตนใดอยู่ตรงนั้นแล้ว และแข้งกระทิงหินก็เก็บบอลไปสวนกลับได้สบายๆ
ผู้ดูถึงกับอุทานออกมาว่า "เอ้า อะไรวะ"
ครึ่งแรกเป็นเหมือนอินโทรให้ผู้ดูเข้าใจน้ำเสียงของคุณสเตเฟานมากขึ้นกว่าที่ฟังเอาอรรถรสเดิมอีกหลายเท่า แม้จะมีโอกาสได้ซัดแบบน่าเข้าสองสามจังหวะ แต่นั่นยังเป็นเหมือนแสงเรืองรองที่มาชั่วคราวในเกมนั้น เพราะสิ่งที่ดีกว่าคือการเซ็ตเกมที่ได้ลุ้นเรื่อยๆ
พอหลังจากจบครึ่งแรกที่เสมอแบบไร้สกอร์แล้ว เข้าสู่ครึ่งหลัง ดูเหมือนว่าจะเป็นโตริโน่ที่ทำเกมบุกได้มากกว่า มีภาษากายที่ดูมุ่งมั่นกว่า น่าสนใจว่าหรือยูเวนตุสตั้งใจจะหาจังหวะสวนกลับ แต่ทว่าเมื่อยูเวนตุสจะเริ่มหาจังหวะสวนกลับได้ ก็ยังทำได้ไม่รวดเร็วมากพอที่จะฉวยจังหวะได้อย่างเต็มที่
เมื่อเข้าสู่ครึ่งทางของครึ่งหลัง ก็เป็นโตริโน่ที่บุกขึงในแดนยูเวนตุสได้มากกว่าอยู่ดี ก็ยิ่งทำให้รู้สึกมากขึ้นว่า แล้วสุดท้าย ยูเว่จะพลิกสถานการณ์อย่างไร ในเมื่อชื่อชั้นและความคาดหวังของไอ้ม้าลาย คงไม่ได้แค่อยากมาแชร์แต้มกับเพื่อนร่วมเมืองแน่ๆ
การแก้เกมของยูเว่ นอกจากที่เปลี่ยนโบนุชชี่ลงมาแทนเบรเมอร์ที่เจ็บ เราเห็นการเอาอคาดิอุส มิลิค ลงแทนมอยซ์ คีน ที่ไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากคู่แดนหน้าอย่างวลาโฮวิช ที่พอเข้าครึ่งหลังก็มีโอกาสได้ยิงมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่แนวรับโตริโน่เริ่มอ่อนกำลังลง ทำให้วลาโฮวิชเริ่มมีจังหวะพลิกยิงบ้าง โหม่งไปติดเซฟบ้าง
จนนำไปสู่การได้ประตูขึ้นนำ ซึ่งเป็นการเข้าชาร์จลูกโหม่งชงที่เสาสอง เป็นประตูปลดล็อกความอึดอัดที่มีมานาน ส่วนนี้ก็ต้องชมว่าเกมรุกยูเวนตุสทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เอาบอลเข้าไปถึงเขตโทษกระทิงหินบ่อยขึ้น จนนำไปสู่การโหม่งของวลาโฮวิชที่ติดเซฟโกลของโตริโน่ และจากลูกเตะมุมก็นำไปสู่การได้ประตู
พอโตริโน่เสียประตู ก็จำเป็นต้องดันขึ้นสูงเพื่อบุกเอาประตูกลับคืนมา สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ถ้าเข้ากลางไม่ได้ จะมุ่งเอาลาซาโร่ที่เป็แบ็คซ้ายไปเจาะทางขวาของยูเวนตุส ซึ่งตรงนั้นมีแบ็คอย่างกัวดราโด้คุมพื้นที่อยู่ ซึ่งลาซาโร่เองก็เจาะกัวดราโด้ได้หลายครั้ง จนเกือบทั้งยิงนำก่อนหรือตีเสมอได้ พอเสียประตู โตริโน่ก็เอาคาราโมห์ ที่เป็นปีกคล่องๆ ลงมาจี้ใส่กัวดราโด้อีกทาง ทำให้แบ็คโคลอมเบียมีงานหนักตลอดทั้งเกม แทบจะขึ้นไปบุกด้วยไม่ได้ ต้องให้แม็คเคนนี่ลงมาช่วยอีกแรง
เกมในช่วงที่เหลือ ต่างฝ่ายต่างพยายามพาบอลขึ้นไปที่หน้าประตู แต่จังหวะจะแจ้งไม่มีให้เห็นมากนัก และจบไปด้วยชัยชนะแบบหืดขึ้นคอของยูเว่ 1-0 ขึ้นมารั้งอันดับ 7 ของตาราง และสัปดาห์นี้อย่างแย่ก็อันดับไม่ต่ำกว่า 8
แม้จะเป็นชัยชนะ แต่ผมก็ยังคงเห็นด้วยกับข้อกังวลที่คุณสเตฟานเน้นย้ำตลอดมาถึงไอ้ม้าลาย นั่นคือ การตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การคิดแต่ว่าทีมแค่เจออุบัติเหตุเล็กน้อย ไม่มีอะไรต้องปรับ
เพราะสภาพของยูเวนตุสตอนนี้ บ่งบอกได้ว่า ถ้าพวกเขายังคงสภาพทีมแบบนี้ พวกเขาจะอยู่ในสถานะทีมที่ต้องลุ้นแบบเกมต่อเกม ซึ่งไม่ใช่อัตลักษณ์ที่ควรจะเกิดกับไอ้ม้าลายแต่อย่างใด และเมื่อพิจารณาถึงการเล่นที่ยังไม่เป็นระบบให้เห็นชัดเจน เอาแค่ส่งต่อบอลให้เนียนตา ยังทำได้ยาก นั่นก็มีความชัดเจนแบบที่ไม่ต้องใช้สถิติมาวิเคราะห์อะไรให้มากความ
เราอาจได้เห็นยูเวนตุสต้องสร้างทีมใหม่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปอีกสองสามปีเป็นอย่างน้อย (ถ้าเขาจะปรับอ่ะนะ)
และในระหว่างนั้น แฟนบอลอย่างเราๆ ก็เช็คสกอร์ยูเว่พลางไถโทรศัพท์ พลางรีเฟรชยูทูปรอฟังคำสรรเสิรญทีมรักจากปากพี่สเตฟานที่จะมีให้ฟังกันแทบทุกสัปดาห์อยู่ร่ำไปอย่างแน่นอน
ปล. เสียดาย วันนี้เทพบุตรลูกหนัง ดิชิลิโอ้ ยังเจ็บอยู่ อยากเห็นกับตาว่าฝีเท้าสมอย่างที่พี่สเตฟานต้องลุกจากเก้าอี้มาชื่นชนผ่านไลฟ์อยู่บ่อยๆ หรือไม่
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
