16 ต.ค. 2022 เวลา 17:36 • สุขภาพ
มนุษย์เป็นเจ้าของร่างกายเราเอง เพียงไม่ถึงครึ่ง
ภาพโดย James Gallagher Presenter, The Second Genome, BBC Radio 4
ร่างกายของมนุษย์ประกอบไปด้วยเซลล์จริง ๆ แค่ 43% เท่านั้น ที่เหลือเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก Human microbiome เช่น จุลินทรีย์ เชื้อรา อาเคีย แบคทีเรีย เป็นต้น
**อาเคีย (archea) ไม่ใช่แบคทีเรีย
การศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่ในร่างกายเรา ทำให้เราทราบโรคต่าง ๆ ที่เกิดในร่างกาย ตั้งแต่โรคภูมิแพ้ ไปยังโรคพาร์กินสัน
ศาสตราจารย์ Prof Ruth Ley ผู้อำนวยการ the director of the department of microbiome science แห่งสถาบัน the Max Planck Institute กล่าวว่า ไมโครไบโอม (Microbiome) มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก และปริมาณมันมีมากกว่าเซลล์ในร่างกายของคุณซะอีก
ไม่ว่าเราจะชำระล้างร่างกายสะอาดเพียงใด จะขัด ๆ ถู ๆ ก็ไม่ทำให้ไมโครไบโอม หลุดออกไปจากร่างกายได้
สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้ อาศัยอยู่ในลำไส้ที่มืดมิด ที่มีออกซิเจนเพียงน้อยนิด
แต่ก่อนเราเคยเข้าใจว่าจำนวนเซลล์เรา มากกว่าไมโครไบโอมถึง 10 เท่า
แต่จริง ๆ แล้วสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กนี้ มีมากกว่าเซลล์ในร่างกายเราซะอีก ศาสตราจารย์ Prof Rob Knight แห่งมหาวิทยาลัย University of California San Diego กล่าว
ถ้าจะให้ใกล้เคียงที่สุด คงต้องบอกว่า เซลล์ร่างกายเรามีจำนวนประมาณ 1 ต่อ 1 กับไมโครไบโอม แต่ถ้าคำนวนจริง ๆ แล้วเรามีเซลล์ตัวเราแค่ 43% ศาสตราจารย์ Rob Knight กล่าวเพิ่ม
ในทางพันธุศาสตร์ ในร่างกายมนุษย์เรามีชุดคำสั่งพันธุกรรม ประกอบไปด้วย 20,000 - 25,000 คำสั่ง โดยสิ่งนี้เรียกว่า ยีนส์
แต่ถ้ารวมยีนส์ของไมโครไบโอมเข้าไปด้วย ก็จะกลายเป็น 2 ถึง 20 ล้าน ยีนส์
ศาสตราจารย์ Prof Sarkis Mazmanian นักจุลชีววิทยา จาก Caltech ค้านว่า เราไม่ได้มีจีโนมเพียงตัวเดียว จีโนมอื่น ๆ ก็มีหน้าที่อื่น ในร่างกายเราเช่นเดียวกัน ในความคิดผม ร่างกายของเราก็คือตัวเรา การรวมกันของ DNA ของเรา และ DNA ของ ไมโครไบโอม
1
นักวิทยาศาสตร์รู้อยู่แล้วว่า สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในร่างกายเรา ทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหาร ควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค และผลิตวิตามินที่สำคัญ
-- Microbial battleground สงครามระหว่างเรากับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก --
ยาปฏิชีวนะ, วัคซีน คืออาวุธสำคัญที่เอาไว้สู้กับโรคต่าง ๆ เช่น ไข้ทรพิษ (smallpox) วัณโรค (Mycobacterium tuberculosis) หรือโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง Methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA)
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และช่วยชีวิตมนุษย์หายป่วยหลายชีวิตมาแล้ว
แต่นักวิจัยกังวลว่า สิ่งเหล่านี้จะไปส่งผลกระทบต่อแบคทีเรียดี ในร่างกายเรา
ศาสตราจารย์ Prof. Ley กล่าวว่า เราต่อสู้กับโรคติดเชื้อต่าง ๆ มาเป็นเวลากว่า 50 ปีมาแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เรากลับไปเพิ่มโรคแพ้ภูมิตนเอง (autoimmune disease) และโรคภูมิแพ้ (allergy)
เราต้องสู้อีกโรคหนึ่ง แต่ก็ก่อให้เกิดโรคใหม่อีกโรคหนึ่ง ที่ต้องรับมือให้ได้ เขากล่าว
ไมโครไบโอมยังเชื่อมโยงกับโรคอื่น ๆ เช่น โรคอักเสบเรื้อรังของทางเดินอาหาร (inflammatory bowel disease), โรคพาร์กินสัน (Parkinson's) หรือแม้แต่โรคซึมเศร้า (Depression) และออลทิสซึม (autism)
ศาสตราจารย์ Prof Knight ได้ทำการทดลองกับหนู ที่อยู่ในห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อสูงสุด โดยหนูทั้งหมดปราศจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก (ไมโครไบโอม) ทั้งสิ้น
การทดลองแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้หนูได้รับแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ส่งผลให้หนูมีลักษณะที่อ้วนขึ้น ในขณะที่หนูอีกกลุ่มทดลอง ได้รับแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่ง ปรากฏว่าหนูน้ำหนักลดลง และผอมลง
ศาสตราจารย์ Prof Knight กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง แต่คำถามก็คือว่า เราจะนำกระบวนการนี้ไปใช้กับมนุษย์ได้หรือไม่ และอย่างไร
นี่เป็นความหวังครั้งยิ่งใหญ่ว่า เราอาจจะใช้แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ เป็นยารักษาโรค หรือศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่า bugs as drugs
-- เหมืองแร่ของข้อมูล Goldmine of information --
เพื่อยืนยันข้อมูลนี้ ดร. Dr Trevor Lawley แห่งสถาบัน Wellcome Trust Sanger Institute ได้พยายามทำการทดลองเพาะเชื้อแบคทีเรียจากคนที่มีสุขภาพดี และจากผู้ป่วย
จากการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้บวมเป็นแผล (ulcerative colitis หนึ่งในโรคอักเสบเรื้อรังของทางเดินอาหาร) โดยการให้จุลินทรีย์ในร่างกาย 10 ถึง 15 ชนิดแก่ผู้ป่วย
นักวิจัยเชื่อว่า ยาจุลินทรีย์นี้ ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการศึกษา แต่ในอนาคตอาจนำไปสู่ข้อมูลสำคัญที่ทำให้เราต้องศึกษาอย่างจริงจังอย่างแน่นอน
โฆษณา