17 ต.ค. 2022 เวลา 01:19 • ปรัชญา
การที่คนมาระบาย ..เรื่องทุกข์ ทุกข์ใจเรื่องนั้นเรื่อง..เรื่องชอบใจไม่พอใจคนนั้นคนนี้ ระบายเรื่องที่เจอะเจอที่ทำงาน ระบายเรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว เรื่องเจ้านาย..หัวหน้า.. เมื่อเราจะทำตัวเป็นที่พักให้เค้าระบายทุกข์ ..หากไม่ระบาย มันก็หนักอกแน่นอก..หนักอกหนักใจ อมทุกข์ ..ปล่อยให้เค้าพูดระบายไป
เราก็อยู่เฉย..ๆ ควบคุม ..ไม่ให้เค้าเกิดอารมณ์ ไม่ชอบใจที่ไม่พอใจที่ตัวเรา อย่าไปเห็นเค้าผิดหรือไม่ดี ..เพราะนั่นมันกรรมของเค้าทุกข์ของเค้า เป็นวิบากกรรม เป็นการคล้องเวรกรรมกัน ..เราก็ระมัดระวังไม่ต่อโช่..ร่วมคล้องกรรมกับอารมณ์ของเค้า นั้นคือ เราต้องตัดอารมณ์ของเค้าออกไปจากจิตเรา เอาจิตของเราอยู่กับพระ ..คนที่ฝึกมาดี ฝึกกายมาดี ฝึกจิตมาดี ..รู้ทันอารมณ์..ที่ไหลมา ..เค้าก็เอาจิตไปอยู่กับพระมีพระเป็นที่พึ่ง ภาวนาพุทโธในใจ ทำจิตเฉย ..ไม่วุ่นวาย เพื่อตัดอารมณ์นั้นไป
เรา..ระมัดระวังในสิ่งที่เค้าระบายออก .มันเป็นอารมณ์ที่เป็นพิษ ..ออกมาจากสิ่งที่เค้าระบาย ..นั้นก็คือ จิตของเราจะไปว้าวุ่น..กับอารมณ์ที่เค้าระบายออกมา เพราะคนที่ระบายทุกข์..ระบายอารมณ์ ..ไม่ใช่เค้าต้องการพักจิต ..เค้าต้องการเทขยะทิ้ง แล้วก็จากเราไป .. อารมณ์ที่เค้าเททิ้งระบายออกมา ..บางครั้งมันยังไม่เกิดทันที ..
..พอเค้าจากไปชั่วโมง สองชั่งโมง ..บางที่เราก็เกิดมึนงง เบลอๆ ง่วง..อยากจะหลับ ..เราก็ต้องสังเกต ตัวเราเอง.ด้วยเหมือนกัน นั่นก็เป็นเรื่องราวของจิตที่จะมีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวว่าอะไรมันเกิดขึ้นภายในกาย
ส่วนมากคนที่มาระบาย..เค้าไม่ได้ต้องการคำแนะนำ ต้องการระบายทุกข์ ..แล้วก็ติเตียนเรื่องนั้นเรื่องนี้ วิพากษ์วิจารณ์..มันเป็นอารมณ์ทั้งนั้น .ทุกข์ของอารมณ์ทั้งนั้น ..เค้าจึงไม่ค่อย..รับฟัง..มีสติกลั่นกรอง เหตุผลอะไร ..เค้าระบายเสร็จ..เค้าก็ไปเจอะเจอเรื่องราว..ทำนองเดิม..แล้วก็มาระบายใหม่..มาเททิ้งขยะใหม่..บางคนเป็นเช่นนั้น
ประเภทมาเทขยะ ..เราปล่อยให้เค้าระบาย แต่เราไม่เอาจิตเราไปฟัง ..ไม่ไปรับขยะ เค้า ..ไม่นั่งตรง มองหน้าเค้า ..เราก็ทำนั้นทำนี่ไป ปล่อยเค้าระบาย..ไปกับลม..เค้าจะได้..ไม่อกแตกตาย
เคยมีเพื่อน..กำลังมีอารมณ์ พูดระบายทางโทรศัพท์ ..เราก็ยืนห่างประมาณเกือบสิบเมตร ..เราก็รู้ว่าเค้าระบายอารมณ์อยู่..เราก็ค่อยๆ เดินเข้าไป..เพื่อนก็คุย เราทำจิตเที่ยง..เดินเข้าไปยิ่งใกล้ ยิ่งเหมือนไปอยู่ใต้ใบพัดเฮลิคอปเตอร์
..เราก็ไปถามพระว่าคืออะไร ท่านบอกว่า นั่นคือ กระแสของอารมณ์กรรม ..ที่แผ่กระจายออกมาเป็นลักษณะของคลื่นให้เราได้ศึกษา ..แล้วคลื่นที่ออกมาก็มีหลายลักษณะ บ้างที่แสบร้อนตัวไปเลย แต่นั้นแหละคนที่ไม่ได้ฝึกฝนมา เค้าก็รับรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ..ก็อย่าเชื่อสิ่งที่เราเขียนเรื่องนี้ ..เพราะอารมณ์นั้นมีลีลา
การที่เราสวดมนต์ปฏิบัติธรรม วันไหน เจอะเจอคนที่มาระบาย อารมณ์ พอไปนั่ง..หน้าพระกราบพระ ..อารมณ์ที่เค้าระบาย..ก็ไหลออกมา ..มันเป็นอารมณ์กรรม กรรมของเค้าที่ไม่ได้แก้ไขเรื่องราวของอารมณ์ ..เราก็ได้ระบาย..พิษที่เค้าพ่นออกมาสัมผัสกายเรา วิญญาณตาหูของเรา ..บางทีออกเป็นกลิ่นสาบสาง ..เป็นกลิ่นหนูตายซาก..บางที่ก็แสบร้อนเหมือนเป็นไข้..หรือ เจ็บปวดตรงนั้นตรงนี้ขึ้นมาในกายเรา ..
..นั่นเราก็ได้ประโยชน์จากการสวดมนต์ภาวนา คลี่คลาย สลัดอารมณ์นั่นไป แล้วก็ใคร่ครวญ พิจารณากรรม เรื่องของการคล้องกรรมกัน..มันมาจากเรื่องราวอะไรบ้าง ถึงต้องมาระบายเทขยะให้เรา ..ก็จะได้รู้จัก เรื่องราวของการคล้องเวรกรรม ที่เป็นอารมณ์พาไปพัวพัน ไปจนถึงเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ..เมื่อเรารู้ว่า เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมา เราก็ทำบุญอุทิศ ส่งให้เค้าไป ..เพื่อให้บุญกุศลนำพา ให้เกิดเป็นอโหสิกรรม
โฆษณา