โดยกองทุนรวมหุ้นจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ คือ กองทุนแบบ active fund คือเป็นการบริหารเชิงรุก และแบบ passive fund ที่เป็นการบริหารแบบเชิงรับ
กองแบบ active fund นั้น ผู้บริหารกองทุนจะบริหารกองทุนให้ชนะดัชนีตัวชี้วัดนั้นๆ ก็คือ พยายามบริหารให้ได้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี (Active management)
ดังนั้นการดูกองทุนเหล่านี้ เวลาดูลตอบแทน ก็ควรได้ผลตอบแทนสูงกว่า benchmark หรือ ตัวเทียบ คือ เวลาที่ตัวเทียบทำผลตอบแทนได้เป็นบวก กองทุนแบบ active ควรบวกมากกว่า หรือถ้าปีไหนที่ตลาดหุ้นตกลง กองแบบ active ควรติดลบน้อยกว่า หรือเป็นบวกได้ในปีนั้น
ค่าธรรมเนียมของกองแบบ active มักจะสูงกว่าแบบ passive fund เนื่องจากผู้จัดการกองทุนต้องมีการคิดวิเคราะห์ เพื่อลงทุนให้ผลตอบแทนชนะดัชนีตัวเทียบ กองทุนแบบ active fund เหมาะกับผู้ลงทุนที่เชื่อว่า ผู้จัดการกองทุนสามารถลงทุนชนะตลาดได้
กอง passive find เหล่านี้มักมีค่าธรรมเนียม total expense ratio (TER) ถูก เพราะไม่อย่างนั้นเมื่อได้ผลตอบแทนมาแล้วมาถูกหักด้วยค่าธรรมเนียมการจัดการแล้ว จะทำให้ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจะเบ้ออกจากผลตอบแทนของดัชนีได้ เรื่องค่าธรรมเนียมที่ถูกจึงเป็นเหมือนแต้มต่อการลงทุนในระยะยาวของกองแบบนี้
กองทุนที่เป็น passive fund มักจะมีชื่อดัชนีเหล่านั้นต่อท้ายชื่อกองทุน กองทุนแบบนี้เหมาะกับผู้ที่เชื่อว่า ในระยะยาวการลงทุนให้ชนะตลาดเป็นไปได้ยาก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นขนาดใหญ่ มีข้อมูลว่า กองแบบ passive ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แบบ active fund
การเลือกลงทุนในกองทุนรวม ควรเลือกลักษณะนโยบายการลงทุนแบบ active และ passive ที่เหมาะกับเรา และพิจารณาผลตอบแทนทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงค่าธรรมเนียมด้วยนะ