18 ต.ค. 2022 เวลา 02:36 • กีฬา
โฉมหน้าทีมในยุคโบห์ลี่ย์ (1) - ก้าวแรก
หลังจากเข้าสู่ยุคของเจ้าของใหม่ชาวอเมริกันอย่างท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ทีมของเราปรับโครงสร้างกันไปหลายส่วนแล้ว การเปลี่ยนแปลงบุคลากรตั้งแต่ส่วนเบื้องหลัง ที่ปลดคนเก่าที่อยู่มานานออกไป รวมไปถึงเฮดโค้ชอย่างทูเคิล และฝ่ายบริหารระดับสูงอีกหลายตำแหน่งมากมาย
ถ้าจะมองในสองแง่มุมคือด้านบวกและลบ ด้านบวกคือเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรให้สดใหม่ขึ้น บางตำแหน่งที่ทำงานมานานแล้วอาจจะมีคำถามเรื่องความท้าทายและไฟในการทำงาน รวมไปถึงการที่หลายคนเรียกว่าอยู่ในเซฟโซนคือไม่ได้รับผลกระทบหรือโดนไล่ออกกันง่ายๆ อาจส่งผลถึงความมุ่งมั่นในงานนั้นๆก็ได้
ส่วนด้านลบนั้นก็มีได้เช่นกัน ถ้าจะมองเรื่องของความคุ้นชินและผูกพันกับสโมสรที่มีมายาวนาน จนกลายเป็นความภักดี ซึ่งทีมงานใหม่นั้นยังไม่มีในจุดนี้เลย และกว่าจะสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาใหม่ได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน
มันจึงเกิดความเห็นที่ต่างออกไป ฝั่งหนึ่งก็มองว่าเปลี่ยนแปลงแล้วจะดีกว่า เพราะได้คัดเลือกคนที่เก่งด้านนั้นมากๆเข้ามาเลย ส่วนอีกฝั่งก็คิดว่าคนที่ทำงานมานานเขาก็รักสโมสรนะ การปลดพวกเขาออกก็ใจร้ายเกินไป มันจึงยากที่จะทำให้เรื่องนี้อยู่ตรงกลางได้
แล้วโบห์ลี่ย์กำลังมองไปทางไหน ?
ถ้าดูกันอย่างเป็นกลาง เขากำลังหาทิศทางที่จะพาทีมก้าวขึ้นไปอีกขั้น โดยเป้าหมายที่ใกล้ตัวที่สุดก็ต้องมองไปที่แมนฯซิตี้
ทีมเรือใบในยุคของชีค มันซูร์เริ่มต้นคล้ายในยุคอบราโมวิชในช่วงแรก คือทุ่มซื้อเพื่อยกระดับทีม และใช้เวลาแค่ 4 ปีในการได้แชมป์ลีก และดึงผู้บริหารระดับอ๋องอย่างเชกิ เบกิริสไตน์ และได้ตัวเป๊ป กวาดิโอล่าร์มา รวมกับการซื้อตัวที่คัดสรรมาแล้ว ก็กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์เป็นว่าเล่น
รวมไปถึงนโยบายนอกสนามอย่างการมีสโมสรลูก ที่ส่งเสริมการหานักเตะดาวรุ่งแววดีเข้ามาไม่ขาดสาย ถ้าหลังจากนี้อีก 2-3 ปี ทีมอื่นในบิ๊กซิกซ์ยังไม่มีโปรเจกต์ระยะยาว ก็ยากจะขึ้นมาท้าชิงบัลลังก์ได้
ลิเวอร์พูลก้าวขึ้นมาใน 3-4 ปีหลัง แต่แย่งแชมป์ลีกมาได้ครั้งเดียว แมนฯยูต้องสร้างทีมใหม่ สเปอร์สต้องลุ้นคอนเต้ให้อยู่ต่อ จะมีอาร์เซนอลที่เริ่มมั่นคงขึ้นหลังจากอาร์เตต้าได้สร้างทีมสายเลือดใหม่ขึ้นมา
ส่วนเชลซีหลังจากได้แชมป์ลีกสุดท้ายในฤดูกาล 2016/17 ก็ได้แค่ลุ้นเป็นครั้งคราว สุดท้ายต้องไปลุ้นจบท้อป 4 และกลับไปสู่ยุคสิงห์บอลถ้วยเหมือนในปลายยุค 90 อีกครั้ง
2017/18 เอฟเอ คัพ
2018/19 ยูโรป้า ลีก
2020/21 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก
2021/22 ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ , สโมสรโลก
ดูเผินๆก็คิดว่าก็ดีไม่ใช่หรือ ได้ถ้วยยุโรปสมัย 2 ทั้งเล็กและใหญ่ แถมได้สโมสรโลก ตอนนี้เราได้มาหมดทุกถ้วยแล้วนะ (ยกเว้นยูฟ่า คอนเฟอร์เรนซ์ ที่เพิ่งมา แต่เลือกได้คงไม่ดีกว่า)
แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป มันไม่ยั่งยืนเลย เราได้แชมป์ 5 รายการจากโค้ช 3 คน ซึ่งไม่ได้เลือกนักเตะจากความต้องการของตัวเองทั้งหมด
ลองมาไล่กันดูจากทีมที่ได้ยูซีแอลกัน ว่าพวกเขาเข้าทีมมาในยุคของใครกันบ้าง
ดิ มัตเตโอ - อัซปิลิกวยต้า
คอนเต้ - รูดิเกอร์ , อลองโซ่ , กองเต้ , เอเมอร์สัน , กาบาเยโร่
ซาร์รี่ - เกปา , จอร์จินโญ่ , โควาซิช
 
แลมพาร์ด - ซิลวา , พูลิซิช , แวร์เนอร์ , เมนดี้ , ฮาแวร์ตซ์ , ชิลเวลล์ , ซิเย็ค
ทีมอคาเดมี่ - คริสเตนเซ่น , อับราฮัม , เมาท์ , เจมส์ , โอดอย , ซูม่า , กิลมอร์ , อันจอริน
โค้ช - โทมัส ทูเคิล
จะเห็นว่ามีความหลากหลายมาก ซึ่งต้องยอมรับทูเคิลที่ใช้ทรัพยากรทีมที่มีอยู่ให้เข้าระบบและบรรลุผลได้ภายใน 4 เดือน แต่การสร้างทีมระยะยาวนั้นไม่ใช่คำตอบแน่นอน
นั่นคือสิ่งที่โบห์ลี่ย์อยากจะปรับโฉม เพื่อให้ทีมเติบโตอย่างมั่นคง และนี่เป็นก้าวแรกที่เขาเริ่มเดิน มันอาจจะสะดุด เซไปมาอยู่บ้าง เช่นเดียวกับทุกคนที่เคยหัดเดินต้องมีล้มลุกคลุกคลานบ้างแหละ
ผมพยายามมองอย่างทำความเข้าใจว่าจุดประสงค์ของเขาจะเป็นยังไง ซึ่งมันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ เพราะเราไม่มีทางล่วงรู้เต็ม 100% หรอดว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เราจะเห็นจากสื่อและสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในสโมสร ว่าต่อจากนี้เรากำลังจะไปทางไหนต่อในอีก 5 ปีข้างหน้า (จบพาร์ท 1)
Blues 95
#BLUES95 #KTBFFH #Chelsea #CFC #Boehly
โฆษณา