19 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
[เรื่องเกือบส่วนตัว ตอน 10] จื้ออ้าย
ตอนเด็กๆ พ่อแม่ผมสอนคำคำหนึ่งคือ 自爱 (จื้ออ้าย) แปลว่ารักตัวเอง
‘รักตัวเอง’ ในที่นี้ไม่มีนัยของอีโก้หรือหลงตัวเอง แต่หมายถึงการรักดี ใฝ่ดี เอาถ่าน รักเรียน รักการพัฒนาตนเองโดยไม่ต้องถูกบังคับ เพราะต้องการชีวิตที่ดีขึ้น
คนจีนโพ้นทะเลที่มาตั้งหลักแหล่งในเมืองไทยส่วนมากยากจน มาแบบสองมือเปล่า ใครๆ ก็ต้องการลืมตาอ้าปาก
แต่จะทำได้อย่างไรหากไม่ถือปรัชญาจื้ออ้าย?
เพราะจื้ออ้ายทำให้ใฝ่ดี ทำงานจริงจัง ไม่หลงในอบายมุข ไม่เล่นพนัน ไม่คิดรวยทางลัด เพราะมันไม่มีจริง ทำงานหนัก อยากได้อะไร ก็ลงมือลงแรงหามา ไม่โกงใคร
เมื่อรักตัวเอง ก็ต้องการให้ตัวเองก้าวพ้นความลำบาก มีชีวิตที่ดีขึ้น มีคนนับถือ
3
นี่เป็นคำที่มีค่าต่อชีวิตทุกคน ถ้าใช้เป็น ไม่เพียงแต่พัฒนาตัวเองให้ก้าวพ้นความยากจน แต่พัฒนาตัวตนของเราด้วย
2
คนเราเมื่อเอาถ่าน ก็จะเลือกรับแต่ของดีๆ เข้ามาใส่ตัว รับความรู้ รับปัญญา รับคำวิจารณ์ แต่ไม่รับขยะความคิดใดๆ
2
ผมโชคดีที่ได้รับการปลูกฝังวิธีคิดแบบนี้มาแต่เด็ก นิสัยรักการอ่านการเรียนฝังในดีเอนเอและโครโมโซม ทั้งชีวิตก็มีแต่การเรียน
พ่อแม่ผมไม่ได้ผ่านระบบการศึกษาภาคบังคับในโรงเรียน เพราะความยากจน แต่โชคดีที่รู้จักคำคำนี้
แม่ผมไม่ได้เรียนหนังสือ แต่พูดภาษาจีนได้ทุกตระกูล ไม่ว่าจีนกลาง จีนแต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง แม้แต่ภาษาไทยใต้ ก็พูดได้คล่องแคล่ว ผมเกิดทางใต้แท้ๆ ยังพูดไม่ได้
1
.......
คนจีนสมัยก่อนมีลูกมาก และฐานะไม่ดี พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาส่งเสียลูกเรียนจบทุกคน โดยเฉพาะลูกผู้หญิง แทบไม่ได้เรียนเลย
แต่พ่อผมเชื่อว่าสิ่งเดียวที่สร้างความแตกต่างหรือทำให้ลืมตาอ้าปากได้ก็คือการศึกษา
2
ดังนั้นยากจนยังไงก็ต้องให้ลูกเรียนหนังสือ ครอบครัวผมผู้หญิงเรียนจบเหมือนผู้ชาย
ทว่าภาระการส่งเสียค่าเล่าเรียนลูกสิบคนไม่ใช่เรื่องเล่น ผมจำได้ว่าเวลาต้องจ่ายค่าเทอม ผมเป็นคนท้ายๆ ในห้องที่จ่าย
หลังจบชั้น ม.ศ. 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนแสงทองวิทยาเวลานั้น ผมเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะไม่ได้เรียนต่อ การเรียนต่อหมายถึงต้องไปกรุงเทพฯ และพ่อแม่ผมไม่มีเงินส่งไปเรียน มีโอกาสสูงที่จะไม่ได้เรียนหนังสือชั้นสูงๆ
การเรียนต่อชั้นเตรียมอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็น Mission Impossible สิบภาครวมกัน
มีโอกาสสูงมากที่ผมจะเรียนจบชั้น ม.ศ. 3 แล้วมาทำงานค้าขายที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผมกัดฟันส่งเสียลูกทุกคนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอำเภอ
ที่เหลือไปดิ้นรนเอาเอง
วิธีดิ้นรนของครอบครัวผมคือ พี่ส่งเสียน้อง
คนเป็นพี่จึงเหนื่อยหน่อย ต้องเรียนไปทำงานไป โดยทำงานตอนกลางวัน เรียนมหาวิทยาลัยภาคค่ำ แล้วส่งเสียน้องต่อไปเรื่อยๆ แบบ pay it forward
1
ก็ดิ้นรนมาจนได้
ผมจริงจังกับการเรียน เพราะรู้ว่าถ้าสอบตกก็คือเสียเงินเพิ่ม เป็นเรื่องรับไม่ได้ ดังนั้นการมีแฟนในวัยเรียนก็ถูกตัดออกจากสมการชีวิตนักศึกษาอย่างสิ้นเชิง
ผมเห็นด้วยกับพ่อว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ผมเชื่ออีกอย่างว่า เราหยุดเรียนไม่ได้
ตลอดชีวิต ผมถือหลักสองข้อนี้เสมอ
1 เรียนหนังสือตลอดชีวิต ไม่มีหยุด
2 ให้วิทยาทานคนอื่นเสมอ สนับสนุนคนที่ด้อยโอกาสให้ได้เรียน
2
ในกาลต่อมา ผมส่งเสียคนใช้และพี่เลี้ยงเด็กของผมไปเรียนจบหลายคน
1
และไม่เคยหวงเรื่องความรู้ ให้วิทยาทานต่อทุกคนที่อยากรู้เสมอ
2
สอนทุกคนว่าใครมีโอกาสเรียน ก็เรียนให้ดี มันคือของขวัญแสนประเสริฐ ไม่ทุกคนได้รับของขวัญนี้
2
(ยังมีต่อ)
โฆษณา