21 ต.ค. 2022 เวลา 03:00 • ธุรกิจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบัน ‘LinkedIn’ กลายเป็นพื้นที่สำคัญ ในการเชื่อมโยงกลุ่มคนหางานเข้ากับกลุ่ม Recruiter ทั่วโลก ผู้คนมากมายต่างได้รับโอกาสเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำมากมาย จากการใช้พื้นที่สื่อกลางนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยโปรไฟล์ที่เด่นสะดุดตา Recruiter กลุ่มคนที่มักจะได้งานจาก LinkedIn มักจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาอย่างยาวนานแล้ว
แล้วถ้าหากเราเป็นนักศึกษาจบใหม่ หรือมีประสบการณ์การทำงานเพียงไม่กี่ปี เราจะเอาชนะคู่แข่งแล้วได้งานในฝันจาก LinkedIn ได้อย่างไร? คำตอบสั้นๆ คือ… อย่ารอให้ Recruiter เข้ามาหาเรา แต่เราต้องเป็นฝ่ายเข้าหา Recruiter ก่อน
🟥 เพราะอะไร วิธีการนี้ จะช่วยให้เราได้งานฝันง่ายขึ้น?
การสร้างสัมพันธ์อันดีกับ Recruiter ผ่าน LinkedIn นับว่า เป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มโอกาส ที่เราจะได้งานในฝัน ซึ่งสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการส่ง Connection Request ไปยัง Recruiter ที่กำลังประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งที่เราสนใจ จากนั้น ส่งข้อความแนะนำตัวสักเล็กน้อย พร้อมกับ Resume เพื่อสร้างภาพจำที่โดดเด่นในสายตาของ Recruiter คนนั้น เพราะ ถ้าหากเราไม่ได้ส่งข้อความหรือสื่อสารกันก่อนหน้า Recruiter จะจำเราไม่ได้ และ Resume ของเราก็จะถูกปัดทิ้งลงถังขยะไปอย่างน่าเสียดาย
และแม้ว่า เราอาจจะไม่ได้กำลังมองหางานทำ ณ ขณะนี้ การหย่อน Resume และข้อความสักเล็กน้อย ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะ ความสัมพันธ์อันดีที่เราสร้างไว้กับ Recruiter อาจเป็นประโยชน์ต่อเราในการสมัครงานกับบริษัทในอนาคตก็ได้
🟥 แล้วเราจะเข้าหา recruiter ผ่าน LinkedIn ได้อย่างไร?
การเข้าหา Recruiter ผ่าน LinkedIn ไม่ใช่เพียงแค่ส่ง Connection Request และข้อความแนะนำตัวไปอย่างไร้จุดหมาย หากเราอยากจะได้งานในฝันจริงๆ มันย่อมมีอะไรมากกว่านั้นเสมอ
ก่อนที่จะเข้าหา Recruiter คนใดก็ตาม เราต้องมั่นใจก่อนว่า Resume ของเรา ได้ผ่านการเรียบเรียงและตรวจสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ จะต้องได้รับการอัพเดทให้เป็นปัจจุบันเสมอ จากนั้น ลองจินตนาการว่า เราอยากให้ Recruiter รู้จักเราในแบบไหน และจะทำอย่างไร ให้ตัวตนของเราดูน่าสนใจในสายตาของ Recruiter เมื่อคิดได้แล้วว่าจะนำเสนอตัวเองแบบไหน ลองเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดให้สวยงาม และคลิกส่งข้อความเหล่านั้นไป
หากเราส่งในสมัครงานไปยังบริษัทที่เราสมัครงานไว้แล้ว เราสามารถส่งข้อความสั้นๆ แจ้งไปยัง Recruiter ได้ว่า ‘ส่งใบสมัครเรียบร้อยแล้วนะครับ/ค่ะ’ หรืออาจจะแนะนำตัวเองเพิ่มเติมว่า เราเป็นใคร มีประสบการณ์การทำงานอะไรมาบ้าง หรือเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งที่เราสมัคร และช่วยให้ตัวตนของเราน่าสนใจยิ่งขึ้น จากนั้นทิ้งท้ายด้วยข้อความเชิญชวนเล็กๆว่า ‘หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันเร็วๆนี้นะครับ/ค่ะ’
เมื่อส่ง Resume พร้อมกับข้อความแนะนำตัวเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องมารอลุ้นกันว่า Recruiter คนนั้น จะรับข้อความจากเราหรือไม่?
👉 A: หาก Recruiter คนนั้น ตอบรับข้อความแล้ว ตอบกลับด้วย Thank you message และติดตามผลการ พิจารณาอย่างใกล้ชิด
👉 B: หาก Recruiter คนนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะตอบรับข้อความอะไร ก็แค่เดินหน้าสมัครงานต่อไป แต่เรายังสามารถกด Like กด Share เพื่อสร้างการรับรู้ตัวตนให้อยู่ในสายตาของ Recruiter คนนั้นได้
และแม้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว การสมัครงานผ่าน Recruiter บน LinkedIn จะไม่ประสบความสำเร็จ และเราอาจจะไม่ได้งานในฝัน เราก็ยังสามารถช่วยพวกเขาเป็นการตอบแทนได้ เช่น แนะนำเพื่อนหรือคนรู้จักที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานให้มาสมัครกับบริษัท ซึ่งการช่วยเหลือเหล่านี้ อาจทำให้ Recruiter เห็นถึงความสามารถและความจริงใจที่อยากจะร่วมงานกับทางบริษัท จนกระทั่งเปลี่ยนใจมารับเราเข้าทำงานภายหลังในท้ายที่สุด
สุดท้ายนี้ การเข้าหา Recruiter ผ่าน LinkedIn อาจจะดูน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป แต่หากพิจารณาดีๆแล้ว เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งสิ่งที่เราทำ จะส่งผลต่อชีวิตการทำงานของเราในอนาคต เพราะฉะนั้น พยายามทักทายและแนะนำตัวกับ Recruiter อย่างเป็นมิตรแต่มืออาชีพ เชื่อสิ มันจะพาเราไปสู่งานและอนาคตที่ดีกว่าแน่นอน
อ่านบทความได้ที่ : https://bit.ly/3EQKGku
มาร่วม CONNEXT THE DOT ก้าวสู่โลกการทำงานอย่างมั่นใจไปด้วยกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา